อ่านบันทึกที่ ๑ ที่นี่ และบันทึกที่ ๒ ที่นี่
การเดินทางไปเรียนรู้กับ ครูผอ. ไพฑูรย์ แวววงศ์ ยิ่งทำให้เรามั่นใจมากขึ้น ว่าสิ่งที่ CADL กำลังขับเคลื่อนอยู่ในพื้นที่ขณะนี้นั้น "ถูกทาง" และน่าจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการพัฒนาการเรียนรู้ในพื้นที่ ประสบการณ์และความสำเร็จของครูผอ. ไพฑูรย์ ในการแก้ปัญหาเด็กอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ สอดคล้องและยืนยัน "กระบวนการเรียนรู้ด้วยปัญหาหรือโครงงานบนฐานของชีวิตจริง" ( RL-PBL) หรือประสบการณ์จริงๆ ทำให้การเรียนรู้เป็นแบบรู้จริง (Mastery Learning) และได้ผลจริง และไม่ใช่ต้องใช้ตอนมัธยม แต่เป็นสามารถปรับใช้ได้ถึงระดับประถม หัวใจสำคัญคือการเรียนรู้จากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของบริบทของผู้เรียนและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
ผมเทียบเคียงรูปแบบการสอนแบบมุ่งประสบการณ์ภาษา (มปภ.) ของครูผอ.ไพฑูรย์ กับศาสตร์การเรียนรู้ในรายวิชามนุษย์กับการเรียนรู้ ที่ผมกำลังสอนในมหาวิทยาลัยขณะนี้ เรื่อง "สมอง ๓ ชั้นกับ ปัญญา ๓ ฐาน" แล้ววาดแสดงเป็นแผนภาพ และเรียกภาพนี่ว่า "Pitoon Model" หรือ ไพฑูรย์โมเดล
สมอง ๓ ชั้น ได้แก่ สมองชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก ศ.นพ.ประเวส วะสี เรียกสมอง ๓ ชั้นนี้ว่า สมองตะกวด สมองแมว และสมองมนุษย์ เนื่องเพราะความรู้ทางวิทยาศาสตร์บอกเราว่า มนุุษย์เรานั้นไม่ได้เกิดมาเพื่อกิน นอน สืบพันธุ์ ต่อสู้ เหมือนกับที่ตะกวดหรือสัตว์เลื้อยคลานเป็นอยู่ตลอดชีวิตมัน และไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อรู้สึกรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนสัตว์เดรัจฉานเลี้ยงลูกด้วยนมเช่นแมว เป็นต้น แต่มนุษย์นั้นเกิดมาเพื่อพัฒนาตนให้เป็นคนที่สมบูรณ์ มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถเรียนรู้ตนเองและพัฒนาศักยภาพด้านจิตวิญญาณ
กระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาปัญญาของมนุษย์นั้น สามารถแบ่งขมวดเป็น ๓ ฐาน ได้แก่ การเรียนรู้ฐานกาย ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น ผิวกาย การเรียนรู้ฐานคิด ในที่นี้จิตใช้สมองคิด เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงานของสมอง และการเรียนรู้ฐานใจ ซึ่งหลายคนมองว่าไกลตัวสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่ความจริงหากพิจารณาให้ดี จะพบว่า ครูเพื่อศิษย์ทุกคนที่เราเจอ จะมีเทคนิคและวิธีคิดที่ใส่ใจในรายละเอียดถึงระดับฐานใจ เช่น การใช้จิตวิทยาเชิงบวกกับเด็กๆ การเตรียมนักเรียนให้ผ่อนคลาย สนุกสนาน เป็นต้น
ฐานกาย ฐานคิด และฐานใจ แสดงไว้ใน Pitoon Model ดังนี้
กระบวนการสอนแบบมุ่งประสบการณ์ทางภาษา ของครูผอ. ไพฑูรย์ เปรียบได้กับการเรียนรู้แบบเส้นทึบด้านล่างสุด ซึ่งแสดงถึงปัจจัยแห่งความสำเร็จในการแก้ปัญหาเด็กอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ อย่างน้อย ๓ ประการ ได้แก่
ทั้ง ๓ ข้อนี้ ทำให้การเรียนรู้สามารถขยายความรู้ออกได้มากขึ้น เปรียบเหมือนขนาดของเส้นทึบที่หนามากขึ้นเมื่อผ่านการ "ซ้ำทวน" หรือหมุนวน และทำให้สมองจดจำในระดับลึกกว่าความจำชั่วคราว (working memory) สู่ความจำถาวร (Long term memory) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการนำไปใช้ต่อไป
ขอบคุณนะคะ ที่แนะนำ "ไพฑูรย์โมเดล"
ชื่นชอบการทำงานของ ผอ.ไพฑูรย์ แวววงศ์ มากค่ะ