ณ เสถียรธรรมสถาน
Workshop การเล่าเรื่องความสำเร็จ
สู่การเป็น “คุณอำนวย” และ “คุณลิขิต”
มืออาชีพ
ต่อไปนี้เป็นการคัดลอกเรื่องราวจากบันทึกกิจกรรมซึ่งเป็นเอกสารเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายใน
สคส.
คุณวรรณา
เลิศวิจิตรจรัส และคุณสุภาภรณ์ ธาตรีโรจน์ ได้ไปจัด Workshop
การเล่าเรื่องความสำเร็จ : จัดการปัญหา รู้จักตัวเอง สู่ความสำเร็จ
เพื่อการเป็น “คุณอำนวย” และ “คุณลิขิต” มืออาชีพ ในวันที่ 17
ตุลาคม 2548 ณ เสถียรธรรมสถาน กรุงเทพฯ
มีผู้เข้าร่วมประมาณ 50 คน แบ่งเป็น กลุ่มสาวิกา,
กลุ่มเยาวชนอาสาสมัคร SOS และกลุ่มผู้สังเกตการณ์
ซึ่งงานนี้เกิดขึ้นจาก คุณแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต
ผู้อำนวยการเสถียรธรรมสถาน ต้องการฝึกให้กลุ่มคนเหล่านี้
ทำหน้าที่และบทบาท การเป็นคุณอำนวย และคุณลิขิต ในโครงการบ่มเพาะ
แตกหน่อ ต่อยอด เมล็ดพันธุ์แห่งปัญญา (Seed of Spirituality-
SOS) เพื่อการถอดความรู้ให้กับ “ผู้นำเยาวชนที่มาร่วมค่าย SOS
ประมาณ 150 คน จากทั่วประเทศ และหลากหลายประสบการณ์”
ที่มีประสบการณ์ในการ “บ่มเพาะ แตกหน่อ ต่อยอด มาอย่างไร
ในงานค่ายผู้นำเยาวชน SOS ระหว่างวันที่ 20-26 ตุลาคม 2548 (7 วัน 6
คืน) เพื่อนำไปสู่การส่งสัญญาณที่จะบอกกับรัฐบาล
และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้านเด็กและเยาวชนว่า 1.
ปัจจัยอะไรที่เด็กและเยาวชนที่กำลังเติบโตต้องการให้มี
และเป็นกลไกในการ “บ่มเพาะ” ให้เยาวชนสามารถดำรงชีวิตอย่างมีสติปัญญา
2. ปัจจัยอะไรที่จะทำให้เยาวชนที่มีศักยภาพและจิตอาสา
ได้มีโอกาสทำงานรับใช้ผู้อื่นเพื่อฝึกตน และ 3.
กลไกอะไรที่จะทำให้ผู้นำเยาวชนและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ, เอกชน,
ธุรกิจ และวิชาการ
สามารถทำงานอย่างบูรณาการกันไปสู่การป้องกันและแก้ไข
สำหรับกิจกรรมในช่วงเช้า
คุณวรรณา พานำกิจกรรมทักทาย “ทำความรู้จักกัน” จากนั้น คุณสุภาภรณ์
เกริ่นกระบวนการจัดการความรู้
เพื่อนำสู่กิจกรรมการเล่าเรื่องประสบการณ์ความสำเร็จ : จัดการปัญหา
รู้จักตัวเอง สู่ความสำเร็จ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 13 คน
สำหรับบรรยากาศในการแลกเปลี่ยนค่อนข้างสบายๆ ทุกคนมีความตั้งใจ
และมีบางคนในกลุ่มเล่าไปร้องไห้ ปนกับเสียงหัวเราะ
และบางคนเล่าเรื่องของตัวเองลงลึกถึงเรื่องจิตวิญาณ
จึงทำให้กิจกรรมการเล่าเรื่องไม่จบในช่วงเช้า
ต้องต่อไปจนถึงช่วงบ่าย
จากนั้น
จึงเข้าสู่กิจกรรมการนำเสนอ “ขุมความรู้”
ซึ่งแต่ละกลุ่มมีวิธีการนำเสนอที่แตกต่างกันออกไป และมีบางกลุ่มใช้
Card ที่แจกให้เขียนชื่อ และประเด็นของปัญหา
และวิธีการจัดการที่ประสบความสำเร็จของผู้เล่าติดบนกระดาษฟลิบชาร์ท
และมีการระบายสีสันให้สวยงาม
ส่วนบรรยากาศในการนำเสนอทุกคนมีความตั้งใจ
และให้ความชื่นชมซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี
และเมื่อนำเสนอครบ 4 กลุ่ม ให้ 4 กลุ่ม รวมตัวกันให้เหลือ 2
กลุ่ม เพื่อเข้าสู่ช่วงการสังเคราะห์ “ขุมความรู้” เป็น “แก่นความรู้”
จากนั้นนำเสนอแก่นความรู้ ซึ่งกลุ่มที่ 1
สังเคราะห์แก่นความรู้ออกมาได้ 3 แก่น คือ 1. บทบาท และหน้าที่, 2.
สติสัมปชัญญะ และ 3. การสื่อสาร สำหรับกลุ่มที่ 2 ได้ 9 แก่น
คือ 1. การบริหารเวลา, 2. จิตอาสา, 3. วิริยะ, 4.
คุยกันมากขึ้นเข้าใจกันมากขึ้น, 5. Flexibility, 6. คิดเชิงบวก,
7. สัมมาสติ, 8. สติสัมปชัญญะ และ 9. อุเบกขา
ซึ่งบรรยากาศส่วนใหญ่ร่วมแรงร่วมใจ
และตั้งใจทำกันเป็นอย่างดี
สำหรับช่วง AAR ทุกคนนั่งล้อมวงกันเป็นวงใหญ่ 1 วง
และให้ทุกคนกล่าวความรู้สึกของตนเองออกมาจากใจในสิ่งที่ได้ทำกิจกรรมในครั้งนี้
ซึ่งทุกคนกล่าวว่ารู้สึกถึงสิ่งดีๆ จากคนอื่น
ทำให้เข้าใจคนอื่นมากขึ้น และรู้สึกสนุก
พร้อมกับได้รับความสนิทสนม ความเป็นมิตรให้แก่กัน
นอกจากนี้ยังได้เข้าใจในกระบวนการจัดการความรู้ และรู้จักคำว่า
คุณอำนวย คุณลิขิต และคุณกิจว่าคือใคร
มีหน้าที่และบทบาทอย่างไร รวมทั้งได้รับทักษะต่างๆ
ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติมากขึ้น และเกือบทั้งหมดกล่าวว่า
จะนำวิธีการและเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับงานหรือกิจกรรมของตนเอง
และงานที่จะทำในวันที่ 20-26 ตุลาคม นี้
ส่วนข้อเสนอแนะหลังจากทำกิจกรรม คือ 1.
น่าจะมีช่วงการทำกิจกรรมละลายพฤติกรรมมากกว่านี้, 2.
แต่ละกลุ่มมีรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างกัน
ซึ่งน่าจะเกริ่นรายละเอียดของรูปแบบให้เป็นแบบเดียวกัน
จะได้ไม่เกิดความสับสน และ 3. เวลาน้อยไป
ควรเพิ่มเวลาให้มากขึ้น เป็นต้น
นี่คือการฝึกอบรมทักษะในการประยุกต์ใช้เทคนิคส่วนหนึ่งของ
KM ในการถอดความรู้จากประสบการณ์ ออกมาเป็นความรู้แจ้งชัด (Explicit
Knowledge)
วิจารณ์
พานิช
๒๔ ตค. ๔๘
หมายเลขบันทึก: 5818เขียนเมื่อ 24 ตุลาคม 2005 20:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม 2012 20:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น