สิ่งเล็กๆ ทีเ่รียกว่ารายได้ "เห็ด" ความภูมิใจของคนบ่อพยอม


ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชาวบ้านที่คุ้นชินกับการทำการเกษตรแบบใช้ปุ๋ยเคมี และการใช้เงินในการซื้อของบริโภค แต่ก็ทำความเข้าใจทดลองทำและเห็นผล

ความภูมิใจเล็กๆ ของคนบ้านบ่อพยอม ที่ร่วมกันหันเข้าสู่แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ลดต้นทุนการผลิต หาอาชีพเสริม และเตรียมพัฒนาต่อยอดทำโรงสีชุมชนลดรายจ่าย

ดุษฎี ศรีวรรณ์ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 แห่งบ้านบ่อพยอมเล่าว่าเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาชาวบ้านได้รวมตัวกันกว่า 30 หลังคาเรือน ร่วมโครงการ"ชุมชนท้องถิ่นที่น่าอยู่" โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม (สำนัก6) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หันมาลดค่าใช้จ่ายในครอบครัว ร่วมกันสร้างชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งการเพาะเห็ด ทำปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้ ทำน้ำหมักชีวภาพ เผาถ่านจากเศษไม้ แล้วนำน้ำส้มควันไม้ที่ได้จากกระบวนการเผาถ่านไปใช้ในการป้องกันแมลงในไร่นาและสวนครัว จากจุดเริ่มต้นเล็กๆจนมีเงินของกลุ่มเหลือพอที่จะทำโครงการเพื่อชุมชนต่อไป

"ตอนแรกก็มีกัน 6-7 คน เริ่มจากสมาชิก อสม. จากสภาผู้นำที่เรามีการประชุมกันทุกเดือน ก็มีการเชิญชวนกันทางหอกระจายข่าวบ้าง ชาวบ้านสนใจก็ชวนกันมา จนตอนนี้มีสมาชิก 30 กว่าหลังคาเรือน มาคุยกันว่าเราจะทำอะไร ได้ข้อสรุปว่าเราจะทำโรงเห็ดไว้แจกจ่ายสมาชิกเหลือก็ขาย บางคนเอาก้อนเห็ดไปเพาะวางไว้โอ่งที่บ้านก็มี นอกจากนี้ก็ทำเตาเผาถ่านเอาน้ำส้มควันไม้ ทำน้ำหมักไว้ใช้กับสวนกับนา ทำปุ๋ยหมักแจกจ่ายคนในกลุ่มนำไปใช้" ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ต.หนองกรด เล่าถึงกิจกรรมที่ร่วมกันทำ

ผู้นำหญิงแห่งบ้านบ่อพยอมบอกด้วยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชาวบ้านที่คุ้นชินกับการทำการเกษตรแบบใช้ปุ๋ยเคมี และการใช้เงินในการซื้อของบริโภค แต่ก็ทำความเข้าใจทดลองทำและเห็นผล ทั้งการเพาะเห็ดซึ่งไปเรียนรู้ดูงานมาจากที่อื่นนำมาอบรมในกลุ่มช่วยกันทำ สร้างโรงเห็ดซื้อก้อนเห็ดเข้ามาเพาะเลี้ยง ช่วยกันดูแล และยังขยายผลนำครูและนักเรียนจาก ร.ร.บ้านสามัคคีธรรม เข้ามามีส่วนร่วม สลับรุ่นกันมา และนำก้อนเห็ดไปดูแลที่โรงเห็ดของโรงเรียน เพื่อใช้เป็นอาหารกลางวัน สร้างความสัมพันธ์กับโรงเรียนอีกด้วย

เห็ดที่ชาวบ้านเพาะเป็นเห็ดนางฟ้า ลงทุนครั้งแรก 7,000-8,000 บาท เมื่อได้ผลผลิตก็จะแบ่งสมาชิกเอาไปบริโภคในครัวเรือน ส่วนหนึ่งนำบรรจุถุงไปขายที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ส่วนหนึ่งนำออกขายในหมู่บ้านกล่องละ 20 บาทหมดทุกวัน ตลอดระยะเวลาที่มีผลผลิต 4 เดือน ปัจจุบันได้ขยายโรงเห็ดออกเป็น 2 โรง จำหน่ายเห็ดมีกำไรเดือนละประมาณ 10,000 บาท เงินที่ได้ก็จะเก็บไว้สำหรับดูงานเพิ่มความรู้ให้กับสมาชิก และเป็นทุนสำหรับทำโรงสีข้าวของหมู่บ้าน

"ตอนนี้หมู่บ้านเราไปจ้างเขาสีข้าว พวกเราทำนากันทุกบ้าน ก็เลยตกลงกันว่าจะเอาเงินที่สะสมได้จากการขายเห็ดนี่แหละ มาทำโรงสีข้าว ให้สมาชิกเอามาสี จะได้มีข้าวกล้องไว้กิน ไม่ต้องไปเสียเงินให้โรงสี เรามาคำนวณดูแล้วว่ามีศักยภาพที่ทำได้แน่นอน" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวอย่างมั่นใจ

ผู้ใหญ่บ้านหญิงเล่าว่าเมื่อชุมชนร่วมกันคิดทำกิจกรรมหลายๆอย่างร่วมกันเกิดผลดีตามมาหลายด้าน สมาชิก ได้นำส้มควันไม้ไปใช้กันแมลงในสวนไร่นา ได้น้ำหมักไปใช้ย่อยสลายฟางจากการทำนา ใช้น้ำส้มควันไม้ฉีดพ่นในข้าวทำให้ต้นข้าวแข็งแรง เพลี้ยไม่ลง นำไปใช้รดปรับสภาพพื้นดินป้องกันเชื้อราในโรงเห็ด ได้ถ่านแบ่งกันใช้ มีปุ๋ยหมักไว้แบ่งปัน ลดปริมาณการใช้ยาและปุ๋ยเคมี ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง จากที่เคยทำนาต้นทุนไร่ละ 1,000บาท เหลือเพียงไร่ละ 500 บาท ที่สำคัญคือการสร้างประชาคมที่เหนียวแน่นเข้มแข็ง จนได้รับรางวัลกรรมการหมู่บ้านดีเด่นจากทางอำเภอ ได้รับการสนับสนุนทุนในการทำกิจกรรมเดือนละ 1,000 บาท

เป็นความภาคภูมิใจเล็กๆที่ชาวบ้านบ่อพยอมร่วมแรงร่วมใจกันสร้างสรรค์

การเผาถ่านจากเศษไม้ จะได้น้ำส้มควันไม้ไว้ใช้ฉีดป้องกันแมลงในไร่นา

น้ำหมักชีวภาพใช้ย่อยสลายฟางข้าวหลังก่อนเริ่มทำนา และบำรุงพืชผล

การเผาถ่านจากเศษไม้ จะได้น้ำส้มควันไม้ไว้ใช้ฉีดป้องกันแมลงในไร่นา

หมายเลขบันทึก: 581226เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2014 17:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม 2014 17:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท