สอนอย่างไรให้เด็กรู้ภาษาไทยภายในเทอมแรก และสอนอย่างไร ให้เด็กอ่านออก เขียนได้ 3 โดย ชาตรี สำราญ

ถ้าจะถามว่าต่อไปสอนอย่างไร ผมก็ขอนำเสนอว่า วันต่อมา ครูก็ควรปล่อยให้ ผีเสื้อ ตั๊กแตน บินอยู่ในหัวใจของเด็ก เด็กที่บ้านบาโดบอกให้ผมเขียนว่า

ฉันดูผีเสื้อบินไปภูเขา

ฉันดูตั๊กแตนบินไปภูเขา

ฉันดูดอกไม้สวย

ฉันดูภูเขาสวย

ฉันดูตั๊กแตนบินสวย

จะเห็นได้ว่า นิทานในหัวใจเด็กนั้น จะเป็นสะพานในการเรียนรู้คำพูดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และนี่ก็คือการสอนวิธีเรียนให้กับเด็กอีกวิธีหนึ่ง

พอสอนไปได้สักระยะหนึ่ง ผมก็สอนวิธีเรียนให้เด็กเพิ่มขึ้น สังเกตได้ว่าตอนแรก เด็กจะอ่านประโยคต่อๆ กัน จนเป็นเรื่องสั้นๆ โดยการนำคำนำประโยคมาเรียงต่อๆ กัน เรื่อยต่อไป ผมก็จะนำคำมาสลับที่กัน เช่น

ตั๊กแตนดูผีเสื้อ

ผีเสื้อดูตั๊กแตน

ตั๊กแตนดูฉัน

ฉันดูตั๊กแตน

ฉันดูแม่

แม่ดูฉัน

แม่ดูวัว

วัวดูแม่

แล้วเปลี่ยนเป็น

แม่วัวดูฉัน

ฉันดูแม่วัว

แม่วัวดูแม่

แม่ดูแม่วัว

ฝึกอ่านบ่อยๆ เขียนบ่อยๆ จนเด็กๆ เข้าใจคำ การสร้างคำเพิ่มและความหมายของคำ จนกระทั่งเล่นคำเป็น ใช้คำเป็น จากการอ่านประโยค วลี แล้วอ่านเป็นคำๆ ในเวลาต่อมา ผมจะสอนโครงสร้างส่วนรวมก่อนแล้วมาสอนส่วนย่อยภายหลัง เพราะทฤษฎีการเรียนภาษานั้นกล่าวไว้ว่า "ให้เด็กเรียนโครงสร้างส่วนใหญ่ก่อนแล้วจึงให้เรียนส่วนย่อยภายหลัง" เมื่อเด็กอ่านออกและสนุกกับการอ่านประโยคที่เป็นเรื่องราวแล้ว ต่อไปก็ฝึกให้อ่านคำย่อยๆ ได้ แล้วก็ฝึกให้เด็กผสมคำโดยให้เรียนรู้คำในกลุ่มเดียวกันก่อน เช่น

กิน ดิน บิน หิน

ขา ตา กา อา

เสือ เรือ

เด็กจะอ่านและผสมคำเหล่านี้อย่างสนุกสนาน แต่นั่นแหละผมได้กล่าวมาแล้วในตอนต้นว่า วัฒนธรรมทางภาษามีอิทธิพลต่อการเรียนของเด็กมาก ผมจึงนำวิธีที่เด็กเรียนรู้ภาษาแม่มาใช้สอนในภาษาที่สองด้วย ดังตัวอย่างที่ผมสอนผ่านมาดังนี้

บ - า - บา , บ - อี - บี = บาบี (หมู)

ต - า - ตา , ร - อี - รี = ตารี (เชือก)

ต - า - ตา , ด - อี - ดี = ตาดี

อ - า - อา , ร - อี - รี = อารี

เด็กๆ คิดว่าการเรียนภาษาในขณะนี้คือ การเรียนที่เขารู้มาแล้ว จึงไม่เป็นสิ่งยากสำหรับเขาเลย เขาสนุก อ่านสะกดคำได้

อ่านเป็นเล่มได้ที่นี่ https://docs.google.com/docume...