ยิ่งฉันอายุมากขึ้นเท่าไหร่...ทำให้เข้าใจและเข้าถึงเรื่องของ "ธรรมะ"
มากขึ้น...ในสมัยเด็ก ๆ รู้แต่เพียงว่า...โรงเรียนหรือครูบังคับให้ฉันได้
เรียนวิชาศิลธรรม...เรื่องของธรรมะ...ฉันเบื่อ ฉันรำคาญ ฉันงง...เพราะ
ฉันไม่ชอบ คิดไม่แตกว่า...จะเรียนไปทำไมกัน...ฉันไม่เข้าใจ...ถามใคร ๆ
ก็ไม่สามารถให้คำตอบต่อฉันเองได้ว่า...ให้ฉันได้เรียนเรื่องธรรมะไปเพื่อ
อะไร?...ฉันจึงเรียนรู้ด้วยตัวของฉันเองมาเรื่อย ๆ...ด้วยการเดิมพันกับ
เวลาและอายุตัวของฉันที่เริ่มมากขึ้น...เรียกว่า...ตามรายทางที่ฉันย่างก้าว
เดินผ่านมา...ฉันได้รับความรู้ + ประสบการณ์ เกี่ยวกับธรรมะ ด้วยการเรียนรู้
ด้วยตัวเองบ้าง จากการปฏิบัติด้วยตัวฉันเองบ้าง...เข้าวัดเพื่อพาบุคลากร
ของมหาวิทยาลัยไปเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรมบ้าง...จวบจนวัยย่างเข้า
ปีที่ ๕๓...ฉันได้ศึกษาเรื่อง "ธรรมะ" มากขึ้น และนำมาปฏิบัติต่อฉันเอง
ฉันได้เข้าใจหลักธรรมะ จากความเป็นจริง...จากชีวิตของฉันเองเป็นเดิมพัน
ในการเรียนรู้เรื่อง "หลักธรรม" จากข้อคิดในการดำเนินชีวิต...จากคำคมต่าง ๆ
ที่ฉันเป็นเพื่อนกับพี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ใน FB สามารถนำมาเป็นหลักปรัชญา
ในการปฏิบัติตนเองได้เป็นอย่างดี...ฉันเข้าใจและกระจ่างมากขึ้นเกี่ยวกับ
การใช้ "หลักธรรมะ" ในชีวิตประจำวัน...เมื่อเข้าใจและปฏิบัติต่อตนเองและ
คนรอบข้างมากขึ้นเท่าไร...ความอิ่มใจ สุขใจ ก็ปิติขึ้นภายในจิตใจ...
บางคราวมีเรื่องทุกข์ใจ...ฉันหัดฝึกจิตให้มีสุข...ฉันสามารถทำได้ด้วยตัวของ
ฉันเอง...ฝึกไปแบบนี้เรื่อย ๆ สุดท้าย...ฉันสามารถฝึกจิตและควบคุมจิตใจ
ของฉันได้มากขึ้น...อะไรจะสุขใจได้เท่ากับ...ที่ตัวเราเองรู้จักควบคุม "จิตใจ"
ของเราให้ใสและนิ่งสงบได้...ฉันเพิ่งค้นพบ...สิ่งที่เรียกว่า..."ความสุข" ขึ้น
ภายในใจมากขึ้น ก็ต่อเมื่อฉันอายุย่างเข้าปีที่ ๕๓...ฉันคิดต่อว่า..."ดีนะที่ฉัน
ยังมีโอกาสเข้าใจในเรื่องของการฝึกจิตของฉันเอง"...ทำให้ใจใส ใจนิ่งสงบได้
ถึงแม้มีเรื่องทุกข์เข้ามากระทบ...เพียงแค่นิดเดียวจริง ๆ ระยะสั้น ๆ...ฉันก็สามารถ
ควบคุมจิตใจของฉันให้กลับมามีความสุขได้...ฉันเพิ่งเข้าใจกับ คำว่า...เมื่อคนเรา
มีศีล สมาธิแล้ว สุดท้ายก็มีปัญญาเกิดขึ้นภายในจิตใจ...สามารถทำให้ตัวฉัน
แก้ไขปัญหา สิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตัวของฉันเอง...นี่คือ การฝึกจิตของตัวของฉันเอง
หัดมีจิตเมตตา เอื้อเฟื้อต่อคนรอบข้างให้มาก ๆ...ความสุขจะบังเกิดขึ้นเอง...
สิ่งใดที่เป็นกิเลสต่อตัวเอง ละได้ ก็ละเสีย...จิตใจจะได้นิ่งสงบและใสเย็น
เช่น น้ำใส...ขอบคุณทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้ ที่ทำให้ฉันค้นพบเรื่อง "การฝึกจิต"
ของฉันให้เกิดการควบคุมการฝึกจิตไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น...เพราะจิตดีมันจะ
ส่งผลมาจากข้างในของร่างกายเราเอง...ซึ่งแต่ก่อนฉันไม่เคยทราบเลยว่า
"การฝึกจิต" นั้นเป็นเช่นไร?...แม้ว่า ใคร ๆ จะทำไม่ได้ก็ตาม...สำหรับตัวของฉัน
ฉันสามารถทำได้...สุขใดไหนเล่าจะเท่ากับการได้ "ฝึกจิต" ของเราเอง...
ทำให้ใจเราเกิดสุขอย่างบอกไม่ถูก...อาจเพราะผลบุญกุศลที่ฉันได้สะสมมา
ไม่รู้ว่ากี่ภพกี่ชาติก็เป็นได้ จึงทำให้ฉันได้เข้าใจและสามารถทำได้...ขอบคุณจริง ๆ...
ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้ฝึกปฏิบัติได้ตามความเป็นจริงของโลก...
...
"การคิดดี...พูดดี...ทำดี...คือ ข้อมูลเบื้องต้นของการได้ฝึกจิต...
...
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
บุษยมาศ แสงเงิน
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
ชอบมากค่ะบทความนี้..(..เมื่อ..ค้นพบ..ตัวตน..ว่า..จิตที่แท้นั้น..ประภัทรสร..)..จิตกับกาย..สัมพันธ์..กัน..และแยก..สุดท้าย..ของชีวิต..คือ..คำว่า.."อนัตตา"..
ปีหน้า ศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่มาจัดฝึกอบรมที่ มรภ.พิบูลสงคราม ระหว่างวันที่ 18-25 เมย 58 เผื่อ อ.บุษ จะสนใจเข้าอบรมครับ ติดต่อผ่าน อ.ทิพย์สุดา อินทะพันธ์ ได้เลย หรือดูรายละเอียดที่นี่
ขอบคุณค่ะ คุณคณิน อ.ทิพย์สุดา มาจีบบ่อย ๆ แต่ไม่ค่อยได้เข้ากับท่านหรอกค่ะ เพราะนานมาก...ที่เป็นปัญหา นั่นคือ ภาระงานที่จะต้องปฏิบัตินี่สิค่ะ มากมาย เคลียร์ออกยากมากค่ะ ขอปฏิบัติในแต่ละวันก่อนนะคะ