สวัสดีครับลูกศิษย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ ชาว Blog
ภารกิจสำคัญของผมอีกภารกิจหนึ่งนับจากวันนี้ คือ การได้รับเกียรติจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มอบให้ผมเป็นครูใหญ่ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โครงการพัฒนาผู้นำเพื่ออนาคตของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รุ่นที่ 1 ซึ่งปิดโครงการไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2557 และอบรมต่อเนื่องในรุ่นที่ 2 เพื่อพัฒนาบุคลากรของคณะแพทย์ฯ จำนวน 100 คน ให้มีศักยภาพ ความรู้ ความสามารถ พร้อมที่จะขับเคลื่อนผลงานที่เป็นเลิศสู่สังคมไทย
ผมขอขอบคุณท่านคณบดี รศ.นพ.สุธรรม ปิ่นเจริญ ที่ให้เกียรติผมและทีมงานเสมอ และขอชื่นชมที่ท่านเป็นผู้นำที่มีปรัชญาและความเชื่อเรื่องทุนมนุษย์ว่าเป็นทุนที่สำคัญที่สุดที่จะขับเคลื่อนความเป็นเลิศขององค์กร ซึ่งเป็นความเชื่อและศรัทธาที่ทำให้ผมมุ่งมั่นทำงานในเรื่องทุนมนุษย์ หรือ ทรัพยากรมนุษย์ มากว่า 35 ปี
โครงการพัฒนาผู้นำเพื่ออนาคตของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รุ่นที่ 1 จะเป็นกิจกรรมการเรียนรู้หลักสูตรต่อเนื่องระยะยาว รวม 20 วัน ระหว่างวันที่ 2 ตุลาคม – 27 ธันวาคม 2557
ผมขอเปิด Blog นี้ เพื่อเป็นคลังความรู้ของพวกเรา และเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมุมมองของลูกศิษย์ของผมและท่านที่สนใจหวังเป็นอย่างยิ่งว่า Blog นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนครับ
จีระ หงส์ลดารมภ์
...................................................................................................
ภาพบรรยากาศการเรียนรู้ช่วงที่ 1
วันแรก: วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม 2557
พิธีเปิดหลักสูตร
กล่าวรายงานความเป็นมาของโครงการฯ
โดย ศ.นพ.สงวนสินรัตนเลิศ
รองคณบดีฝ่ายยุทธศาสตร์และทรัพยากรมนุษย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
กล่าวต้อนรับคณะวิทยากรและผู้เข้าร่วมโครงการฯ
โดย รศ.นพ. สุธรรมปิ่นเจริญ
คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วิชาที่ 1
ปฐมนิเทศ และแนะนำทฤษฎีที่สำคัญเพื่อการเรียนรู้
วิชาที่ 2
Learning Forum & Workshop
หัวข้อ “ทุนมนุษย์ – Mindset Leadership และการทำงานในยุคที่โลกเปลี่ยน
ของคณะแพทย์ฯ มอ.” (ช่วงที่ 1)
โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ
ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ
อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล
กรรมการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ
วิชาที่ 3
Learning Forum & Workshop
หัวข้อ “จากแนวคิดการตลาดสู่การปรับใช้ของคณะแพทยศาสตร์ มอ.”
โดย ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ
วันที่ 2: วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม 2557
Morning Coffee
วิชาที่ 4
Learning Forum & Workshop
หัวข้อ “Personality and Social Skills Development”
โดย อาจารย์นภัสวรรณ จิลลานนท์
วิชาที่ 5
Learning Forum & Workshop
หัวข้อ “Managing Self Performance”
โดย อาจารย์อิทธิภัทร ภัทรเมฆานนท์
วิชาที่ 6
Panel Discussion & Workshop
หัวข้อ “3 V’s and Mini Research for the Innovative Project”
โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล
วันที่ 3: วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2557
09.00 – 12.00 น. วิชาที่ 7
Learning Forum & Workshop
หัวข้อ “การพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน”
โดย อาจารย์ชเนฎธวัลลภ ณ ขุนทอง
สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วิชาที่ 8
Panel Discussion & Workshop
หัวข้อ “กรณีศึกษาด้านการวิจัยและพัฒนา.. และการพัฒนางานของคณะแพทย์ มอ.”
โดย น.ท.นพ.จักรพงศ์ - พญ.ใจทิพย์ ไพบูลย์ รองประธานกรรมการบริหาร บ.กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด
นายวีระศักดิ์ ไม้วัฒนา ผอ.สำนักสิทธิบัตร กรมทรัพย์สินทางปัญญา
อ.ขเนฏฐวัลลภ ณ ขุมทอง
ร่วมวิเคราะห์และดำเนินการอภิปรายโดย อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล
คำกล่าวต้อนรับของ รศ.นพ.สุธรรม ปิ่นเจริญ
คณบดีคณะแพทยศาสตร์
ในโอกาสจัดอบรม โครงการพัฒนาบุคลากรเพื่ออนาคตของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฏาคม 2557
เวลา 08.45 น ณ ห้องประชุม A 501 อาคารบริหารคณะแพทย์ฯ
ท่านวิทยากร ท่านผู้เข้าร่วมประชุม และท่านผู้มีเกียรติ ทุกท่าน
ในนามของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสต้อนรับท่านวิทยากรจากมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ (CHIRA academy) และผู้เข้ารับการอบรมทุกท่าน ในฐานะที่เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนา และจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบรับกระแสการเปลี่ยนแปลงที่แรง และเร็ว ผู้เข้ารับการอบรมทุกท่านทุกระดับจึงเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เป็นกลไกและฟันเฟืองที่สำคัญที่สุดที่จะนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ คณะแพทยศาสตร์มีความคาดหวังเป็นอย่างอย่างยิ่งว่าท่านทั้งหลายจะสามารถนำความรู้และประสบการณ์จากผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับในหลักสูตรนี้ไปปรับใช้กับการทำงานและขับเคลื่อนองค์กรให้ไปถึงเป้าหมายตามความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ในนามของคณะแพทยศาสตร์ ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือในกิจกรรมครั้งนี้ และขออวยพรให้ทุกท่านที่ได้นำความรู้และประสบการณ์จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและมากด้วยประสบการณ์ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเอง กับ งาน องค์กร และสังคมโดยรวม ต่อไปได้อย่างยั่งยืน
ขอบคุณและสวัสดีครับ
คำกล่าวเปิดงานของ รองศาสตราจารย์ ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล
อธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
โครงการพัฒนาบุคลากรเพื่ออนาคตของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฏาคม 2557
เวลา 09.00 – 09.15 น ณ ห้องประชุม A 501 อาคารบริหารคณะแพทย์ฯ
ท่านคณบดี ท่านวิทยากร ท่านผู้เข้าร่วมประชุม และท่านผู้มีเกียรติ ทุกท่าน
กระผมรู้สึกยินดี และเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการพัฒนาบุคลากรเพื่ออนาคตของคณะแพทยศาสตร์ ในวันนี้
เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ทรัพยากรมนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีค่าและมีความสำคัญมากที่สุด ที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและสลับซับซ้อนอย่างปัจจุบันที่ยากต่อการคาดหมายมากขึ้นเรื่อย ๆ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนองค์กรให้มีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง และรับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยการส่งเสริมการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มศักยภาพ ทักษะ ทัศนคติ ภาวะผู้นำ และบุคลิกภาพที่พร้อมต่อการทำงานเพื่อการแข่งขันในระดับสากล เตรียมความพร้อมต่อการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์และการพัฒนาองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศอย่างยั่งยืน
เป็นที่น่าชื่นชมและยินดีว่า คณะแพทยศาสตร์ เป็นคณะหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนา มีการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบรับกระแสการเปลี่ยนแปลง และได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ “ คนในองค์กร” ว่าเป็นกลไกที่สำคัญที่สุดที่จะขับเคลื่อนความสำเร็จขององค์กร จึงได้จัดทำแผนเพื่อเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ในโครงการ การพัฒนาบุคลากรเพื่ออนาคตของคณะแพทยศาสตร์ ให้แก่ผู้บริหารคณะ ผู้บริหารภาควิชา หัวหน้างาน หัวหน้าหน่วย ซึ่งกลุ่มดังกล่าว ถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความเป็นเลิศขององค์กรให้สามารถบริหารจัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้มแข็ง เพื่อก้าวสู่ความเป็นองค์กรชั้นเลิศต่อไป
กระผมขอแสดงความชื่นชมและเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จครั้งนี้ ซึ่งกระผมมั่นใจว่าจะสามารถเป็นแบบอย่างที่ดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านทั้งหลายจะได้ร่วมทีมพัฒนาคณะ และมหาวิทยาลัยได้อย่างยั่งยืนต่อไป ขอให้ความสำเร็จทั้งหลายทั้งปวงจงเกิดขึ้นกับพวกเราทุกคน
บัดนี้ได้เวลาอันสมควรแล้ว กระผมขอเปิดการอบรมโครงการพัฒนาบุคลากรเพื่ออนาคตของคณะแพทยศาสตร์ และขอให้โครงการนี้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ทุกประการ
ปฐมนิเทศ และแนะนำทฤษฎีที่สำคัญเพื่อการเรียนรู้
โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ
อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล
2 ตุลาคม 2557
ศ.ดร.จีระ : วันนี้มาร่วมกันเสริมสร้างความรู้ รุ่น 2 ต้องมีเป้าหมายที่สูงขึ้น และต้องมีความเป็น Distinction กฎในห้องนี้คือ You know and you do
สิ่งสำคัญในปัจจุบันคือ ความมีคุณธรรม จริยธรรม
วันนี้จะพูดถึงเรื่องวิธีการเรียน และเรื่องทุนมนุษย์กับ Mindset มีการทำ Workshop และต่อด้วยอาจารย์ไกรฤทธิ์ .ในเรื่องการตลาดต่อสังคม
ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ:
คนกลุ่มที่ 1: ผู้นำการเปลี่ยนแปลง
คนกลุ่ม 2: รู้ว่าอะไรเปลี่ยน แต่ไม่รู้ว่าอะไรเปลี่ยนแปลง แต่สามารถนำมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงได้
คนกลุ่ม 3 : ผู้เสพการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่รู้ว่าอะไรเปลี่ยนไป เป็นผู้ตาม และขยับมาใช้ประโยชน์
คนกลุ่ม 4: ไม่รู้เลยว่าอะไรเปลี่ยนไป ในโลกนี้
ปีหน้าจะเข้าสู่อาเซียนต้องรู้และเตรียมตัวให้ดี อย่าเป็นคนกลุ่มที่ 4
Mindset ต้องปรับไปมา เรียกว่า Paradigm shift สาเหตุในการเปลี่ยนแปลง คือ โลกไร้พรมแดน มีที่มาที่ไป ไม่ใช่สถานการณ์ทางธรรมชาติ เป็น Populate by change
นักพัฒนาคนที่เก่ง คือ ต้องมีลักษณะเหมือน Chef แต่ต้องทีคนปรุง คล้ายกับต้องมีคนTransfer knowledge
คำว่า Learn Share Care เป็นสิ่งสำคัญในการเรียนวันนี้
Habit ในการเรียนรู้คณะแพทย์ได้เปรียบมาก มูลค่าการทำงานในอนาคตมากมาย
ความเป็นมาของโครงการนี้ คือ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 57 ผมและคณะได้รับเกียรติมาให้คำปรึกษาและบรรยาย เรื่อง ทิศทางการบริหารงานบุคคลสู่ความเป็นเลิศ ในกิจกรรมการนำเสนอผลงานพัฒนาและการประกันคุณภาพของภาควิชาต่าง ๆ ในการทำงานด้าน HR
หลักการและเหตุผล
—โลกาภิวัตน์ / ประชาคมอาเซียน &AEC
—ความเสี่ยง / Multiple Crisis & Permanent Crisis
—การสร้างความสามารถทางการแข่งขัน
—การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
—การเติบโตอย่างยั่งยืน
—ทุนมนุษย์ และ ผู้นำรุ่นใหม่ขององค์กร
หลักสูตรนี้ต้องมองไปที่ Macro มองเรื่อง Finance การเงิน การบริหารจัดการ
หากมีโรงพยาบาลใหม่ คนไทยยุคหลังโลภ หากให้เงินเดือนที่มากกว่า คนก็ออกไปหมด
สิ่งที่ค้นพบในการเรียน สิ่งที่สำคัญ คือ เวลาและบริบท
ขอให้มองโลกาภิวัตน์ มองการเปลี่ยนแปลงของโลก ต้องมี Global competency
ศักยภาพของคนต้องทำให้เป็น Infinity
ขอให้กำลังใจรุ่น 2 ทุกคน
วัตถุประสงค์หลัก
เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้ ใฝ่รู้ ตื่นตัว และตระหนักถึงการพัฒนาตนเองและองค์กร อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการปลูกฝังวัฒนธรรม ในการเรียนรู้
เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ให้ได้รับความรู้ มุมมอง และแนวคิดที่เป็นประโยชน์จากผู้ทรงคุณวุฒิผู้มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เป็นที่ยอมรับในสังคมไทย ซึ่งจะสามารถนำความรู้ที่ได้รับมาปรับใช้กับการทำงานขององค์การในอนาคตได้
เพื่อสร้างเครือข่าย (Network) และแนวร่วม (Partners) และสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาสร้างโอกาสต่าง ๆ และมูลค่าเพิ่มแก่องค์การ
เรื่อง Macro สู่ Micro เป็นเรื่องสำคัญ ต้องมองภาพใหญ่ไปสู่ภาพเล็ก หากไม่เข้าใจก็จะเป็นการสร้างภัยคุกคาม ไม่ได้สร้างโอกาส
รุ่นที่ 2 อยากให้ศึกษาระหว่างกัน เพิ่มความเป็น Informal มากขึ้น
วันนี้ขอให้เลือกประธานกลุ่ม และประธานรุ่น
บรรยากาศในการเรียนรู้ของโครงการฯ
แต่ละวันขอให้สรุปว่าแต่ละวันได้ความรู้อะไรลงใน Blog
วิธีการเรียนรู้ของ ดร.จีระเพื่อ HR เป็นเลิศ
4L’s
มีระดับ Micro คือเป็นการประทะกันทางปัญญา Workshop เป็นสิ่งสำคัญ และตอนComment workshop จะดีมาก และเราต้องคิดต่อยอดต่อให้ได้
ในช่วงที่เรียนด้วยกัน ให้ประเมินว่า ก่อนและหลังเรียนมีอะไรติดตัวบ้าง
2R’s
Reality - มองความจริง
Relevance - ตรงประเด็น ต้องเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะกับสถานการณ์นั้นๆ
3V’s
Value Added สร้างมูลค่าเพิ่ม ในห้องนี้เกิดขึ้นแล้ว คือตอนแรกมีพื้นฐานอยู่แล้ว มาเรียนในวันนี้ก็บวกมูลค่าเรื่องความตั้งใจ และมุ่งมั่น
Value Creation สร้างคุณค่าใหม่ มีความคิดใหม่เกิดขึ้น คิด Outside the box
Value Diversity สร้างคุณค่าจากความหลากหลาย
3L’s
Learning from pain เรียนรู้จากความเจ็บปวด
Learning from experiences เรียนรู้จากประสบการณ์
Learning from listening เรียนรู้จากการรับฟัง
คุณพิชญ์ภูรี: หัวใจในการเรียนรู้ คือ ทฤษฎีการเรียนรู้ที่สำคัญของศ.ดร.จีระ
ทฤษฎีกระเด้ง เป็นเรื่องสำคัญ วันนี้ต้องการให้พื้นฐานทุกคนแน่นก่อน
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน คือ Learn Share Care
Share หากแตกต่างกัน ต้อง Care คือการยอมรับความแตกต่าง
ต้องมองโอกาสใหม่ มุ่งไปยังอนาคต
ศ.ดร.จีระ: มีความคาดหวังอะไร การปฐมนิเทศครั้งนี้
อ.ไกรฤทธิ์: ต้องมีการฟังอย่างตั้งใจ Learn between the line ต้องเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่ได้พูด
ในประเทศไทย โชคดีที่มีการเรียนแบบ western style และ eastern Model มีอิทธิพลกับประเทศไทยมาก
โลกเปลี่ยนในวันนี้ ต้องตามให้ทัน และต้องเรียนรู้ในคนทั้ง 4 กลุ่ม
เทคโนโลยีในปัจจุบันที่สำคัญคือ Information Technology Biotech technology และ Nano tech
ศ.ดร.จีระ: การประเมินรุ่น 2 จะทำแบบเดิมไม่ได้ คือ ส่งการบ้านและส่งวิจัย ควรจะทำเป็นระดับ High level cและให้อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ เป้าหมายต้องสูงและ Realistic มุ่งไปหาจุดที่ยาก ผมและท่านรองจะสนับสนุนให้เอาชนะอุปสรรค
คุณชัยพร เหมะ: ขอแนะนำทุกท่าน ในฐานะที่ผมเป็นลูกศิษย์ อย่าจดเยอะไปให้ฟังและคิดตาม ท่านจะได้อะไรมากกว่า
ความคิดเห็นจากผู้เข้ารับการอบรม
1. หน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ : ยังรู้สึกสับสน กลัวว่าจะตามอ.จีระทันหรือไม่
2. คุณเสรี ภาควิชารังสี : ฐานะที่เป็นหัวหน้างาน ได้เรียนรู้เรื่องการเปิดโลกทัศน์ของตัวเอง
3. อาจารย์มีความคาดหวังสูงกับรุ่นเรา จึงหวังว่าไม่ว่าจะเป็นแพทย์หรือบุคลากรก็เท่าเทียมกัน ในการพร้อมที่จะเรียนรู้
4. ผมเป็นหมอรู้สึกว่าเราออกจากกะลาที่ครอบเราไว้นอกเหนือจากการเรียนแพทย์อย่างเดียว
อ.จีระ: สิ่งที่ยากที่สุดของ HR คือการทำ Execution เพราะต้องเอาชนะอุปสรรคหลายอย่าง
หัวข้อ “ทุนมนุษย์ – Mindset Leadershipและการทำงานในยุคที่โลกเปลี่ยน
ของคณะแพทย์ฯ มอ.”
โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ
ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ
อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล
2 ตุลาคม 2557
ศ.ดร.จีระ: เรื่องทุนมนุษย์เป็นเรื่องยากในการพัฒนา
อย่ามองภาพทรัพยากรมนุษย์ ต้องมอง Macro ให้ออก
ปลูก หรือ พัฒนาศักยภาพของคนในองค์กร ซึ่งผมเรียกว่า.. 8K’s + 5K’s (ใหม่)
8 K’s : ทฤษฎีทุน 8 ประเภทพื้นฐานของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
Human Capital ทุนมนุษย์
Intellectual Capital ทุนทางปัญญา
Ethical Capital ทุนทางจริยธรรม เป็นตัวสำคัญในการบิดเบือนศักยภาพของคน
Happiness Capital ทุนแห่งความสุข
Social Capital ทุนทางสังคม
Sustainability Capital ทุนแห่งความยั่งยืน
Digital Capital ทุนทาง IT
Talented Capital ทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ
5 K’s (ใหม่) : ทฤษฎีทุนใหม่ 5 ประการเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคโลกาภิวัตน์
Creativity Capital ทุนแห่งการสร้างสรรค์
Knowledge Capital ทุนทางความรู้
Innovation Capital ทุนทางนวัตกรรม
Emotional Capital ทุนทางอารมณ์
Cultural Capital ทุนทางวัฒนธรรม
คนที่มีความสุขต้องมี Meaning ด้วย รู้ว่าอะไรสำคัญต่อตัวเรา ทำแล้วมีประโยชน์ และกระเด้งไป 3 V
ทฤษฎีทุนมนุษย์เป็นทฤษฎีที่ซับซ้อนมากคุณสมบัติเหล่านี้ไม่ใช่ของแปลกใหม่นัก แต่ที่สำคัญคือ basics ต้องมาก่อน และจึงตามด้วยศักยภาพในด้านอื่นๆ เช่น 8K ต้องมาก่อน 5K
- จริยธรรม ความยั่งยืน และปัญญาต้องมาก่อน Creativity หรือ Innovation เป็นต้น และที่ประเมินยากที่สุดอาจจะเป็นทุนที่มองไม่เห็น เช่น Happiness หรือ Social (Networking) องค์กรที่ดีมักจะเริ่มจาก Happiness ก่อน
การรักษาพยาบาลส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการป้องกัน
สำหรับโครงการของเราในครั้งนี้ คือ เน้นการพัฒนาในวงกลมที่ 2 คือ สมรรถนะความสามารถ หรือ Competencies เพื่อการทำงานในยุคใหม่
Competencies โดยทั่วๆ ไป ประกอบด้วย 5 เรื่องที่สำคัญ ได้แก่
1.Functional Competency
2.Organizational Competency
3.Leadership Competency
4.Entrepreneurial Competency ต้องให้ความสำคัญกับข้อนี้มากที่สุด
5.Macro and Global Competency
นอกจาก 8 K’s + 5K’s (ใหม่) แล้ว ผมคิดว่า..สิ่งที่น่าสนใจสำหรับการพัฒนาบุคลากรของคณะแพทย์ฯ ในวันนี้ คือ การพัฒนา “Entrepreneurial Competency”
จากหนังสือ The Entrepreneur ซึ่งพูดถึงกฎทอง 25 ข้อ เพื่อสร้างจิตวิญญาณผู้ประกอบการสำหรับการเป็นผู้บริหารธุรกิจยุคโลกาภิวัตน์ โดย..Mr. William E. Heinecke
1.Find a Vacuum and Fill it.
2.Do Your Homework.
3.You Won't be Committed if You're not Having Fun.
4.Work Hard, Play Hard.
5.Work with Other People's Brains.
6.Set Goals (but go easy on the "Vision" thing).
7.Trust Your Intuition.
8.Reach for the Sky (at least once).
9.Learn to Sell.
10.Become a Leader.
11.Recognize a Failure and Move on.
12.Make the Most of Lucky Breaks.
13.Embrace Change as a Way of Life.
14.Develop Your Contacts.
15.Use Your Time Wisely.
16.Measure for Measure.
17.Don't Put up with Mediocrity.
18.Chase Quality, Not Dollars.
19.Act Quickly in a Crisis.
20.After a Fall, Get Back in the Saddle Quickly.
21.Fight the Good Fight (especially those that you can win): Pizza Wars
22.People Build Brands, Brands do not Build People: Pizza Wars - Act II.
23.Be Prepared for Anything: The September 11 Rule.
24.Reinvent Yourself: Onwards and Upwards.
25.Be Content.
Mindset
(1)ดูจากทฤษฎี 8K’s เขียนไว้แล้วใน Talent Capital ว่าต้องมี 3 อย่าง
-Skills
-Knowledge
-Mindset หรือ Attitude
(2) Attitude กับ Mindset แตกต่างกันหรือไม่?
-แตกต่าง
-Mindset จะอยู่มานานและพื้นฐานฝังรากลึกจะเปลี่ยนลำบากกว่า
-Attitude คือ ทัศนคติ หรือ ค่านิยมชั่วคราว เปลี่ยนง่ายกว่า
(3) Mindset คืออะไร
คือ Inner belief คือความเชื่อลึกๆ ที่อยู่ข้างใน เรียกว่าเป็น intangible และถูกอิทธิพลมาจากอาชีพการศึกษา การทำงาน และครอบครัว
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้น มี 3 ปัจจัย คือ
ความเร็ว
ไม่แน่นอน
ทำนายไม่ได้
(4) ต่อมา Mindset กลายเป็นปรัชญาของชีวิต และงาน Philosophy of life and work ทำให้เกิดพฤติกรรมบางอย่าง หรือ Habit ซึ่งอาจจะไปสู่ความล้มเหลว เพราะโลกในอนาคตจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
Management ที่สำคัญ คือ เมื่อมี Limit ก็สามารถเอาชนะได้
(5) Mindset มีหลายแนว คือ Positive, growth หรือ Fixed, negative หรือ flexible
(6) Mindset ที่ไม่เหมาะสมอาจจะสร้างปัญหาให้องค์กรได้ เช่น การขัดแย้ง ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง หรือ การขโมยไอเดีย และขาดไอเดียใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น
เรื่อง Healthcare มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก
(7) วันนี้จึงยกเอางานวิจัยที่ Stanford ให้ดูซึ่งก็เป็นตัวอย่างกรณีศึกษาที่สำคัญ
ในความเห็นของผม..จุดเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับทุกท่านวันนี้ คือ เปลี่ยน Mindset
จาก Fixed Mindset
ไปสู่ Growth Mindset
ความสำเร็จทีเกิดขึ้นเกิดจากทัศนคตินั่นเอง
หลักสูตรนี้ ฝึกให้ล้มเหลวแล้วลุกขึ้นมา คือ คนที่เรียนรู้ตลอดชีวิต
หลักสูตรนี้ แบบบรรยากาศการเรียนแบบ 4L’s 2R’s เอาชนะอุปสรรคให้ได้
สรุปก็คือ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ Practical , Relevant และ Sustainable ใน PSU Medical School ต่อไป ซึ่งจะต้องเริ่มจากตัวเอง ค้นหาตัวเองให้มากๆ การมาเรียนครั้งนี้อยากขอให้ปล่อยวางงานประจำ และ มุ่งมั่น สนุก ท้าทาย
อ.ไกรฤทธิ์: Mindset คือ ปัญญาของเรา มีคำถามเรื่องโลกของเรา และคณะแพทย์มอ. ที่เราจะต้องเตรียมตัวอย่างไร ทั้งเรื่องคน และสิ่งแวดล้อม ในโลกที่ 3 รวมกันเรียกว่า สังคมฐานความรู้ และจะมีโลกอะไรต่อ เป็นสิ่งที่ต้องคิดตาม
เรื่องสิ่งแวดล้อม
ในคลื่นที่ 4 น่าจะเป็น โลกาภิวัตน์ ให้จินตนาการว่าทุกคนอยู่บนเรืออวกาศ จะไม่มีคำว่า Outside of the world ทุกอย่างเป็นภายในหมด ให้จินตนาการว่าจะเอาขยะไปทิ้งที่ไหน
ขอถามว่าโลกาภิวัตน์เกิดขึ้นได้อย่างไร และอะไรเป็นจุดที่ทำให้เกิดขึ้น
โลกาภิวัตน์ มี 3 ระดับ
โลกาภิวัตน์ ทำให้คนต้องรวมหมู่เพื่อหา New scale ในคณะแพทย์มอ. ซึ่งคลื่นลูกที่ 4 เกี่ยวข้องมาก
ช่วงบ่าย เราต้องคิดว่าโลกจะเชื่อมกับ Social marketing ได้อย่างไร
คุณพิชญ์ภูรี: กรณีศึกษา MINDSET “พระมหาชนก”สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกสมเด็จพระราชบิดาจาก"สมเด็จเจ้าฟ้าทหารเรือสู่“พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย”
พระอนุสาส์น “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์”
พระเกียรติคุณในระดับนานาชาติ ทรงได้รับการประกาศยกย่องจากองค์การ UNESCO
ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์การแพทย์ การพยาบาล และการสาธารณสุขเนื่องในวาระฉลองครบรอบ 100 ปี วันคล้ายวันพระราชสมภพ 1 มกราคม พ.ศ. 2535
พระราชประวัติสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 69 ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และองค์ที่ 7 ในสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
Workshop
กลุ่มที่ 1
1. เหตุผลของ Globalization มีอะไรบ้าง ลอง List ประสบการณ์ของกลุ่ม 3 ข้อ
- เพื่อความอยู่รอดของสังคม
- เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์
- เพื่อผลประโยชน์
2. วิเคราะห์ 8K+5K เหมาะสมกับการพัฒนาศักยภาพของคณะแพทย์อย่างไร? คณะแพทย์มีจุดอ่อนต้องปรับปรุงอย่างไร
เหมาะสม เพราะจะทำให้เห็นภาพต่างๆชัดเจนขึ้น
- พัฒนาเพื่อยกระดับศักยภาพให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
จุดอ่อน
คือ ทุนมนุษย์
3. ยุทธวิธีที่จะปรับปรุง Mindset ให้เกิดประโยชน์ต่อคณะแพทย์ฯ จะต้องทำอย่างไร และมีอุปสรรคคืออะไร
- การสร้างวัฒนธรรมการสื่อสาร
อุปสรรค
วัฒนธรรมองค์กร ต้องเปิดวัฒนธรรมองค์กรใหม่ เช่น กินข้าวกลางวันด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกันปีละครั้ง
อ.ไกรฤทธิ์: นำเสนอได้ดี มีมาตรฐานดีมาก
อยากให้เห็นสภาวะตามความเป็นจริงก่อน ประเทศไทย
อ.จีระ: เรื่องโลกาภิวัตน์ ต้องให้คิดว่าเกี่ยวอะไรกับตัวเรา เป็น Trend ในโลกที่ต้องจัดการ
เรื่องทุนมนุษย์ หากจะตอบว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่อ่อน และต้องปรับปรุง ต้องรู้ไว้ว่า ข้อ 2-8 เป็น Subset ของทุนมนุษย์
กลุ่ม 2
1. เหตุผลของ Globalization มีอะไรบ้าง ลอง List ประสบการณ์ของกลุ่ม 3 ข้อ
Mutual benefit
- การเห็นถึงประโยชน์และนโยบายในการพัฒนาด้านต่างๆ
Standardization
- ต้องพัฒนามาตรฐานในแต่ละประเทศเช่น เป้าหมายแห่งสหัสวรรษ
Evolution
- มีการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ในแต่ละประเทศ เช่น เดิน ม้า เกวียน รถ
2. วิเคราะห์ 8K+5K เหมาะสมกับการพัฒนาศักยภาพของคณะแพทย์อย่างไร? คณะแพทย์มีจุดอ่อนต้องปรับปรุงอย่างไร
ทุนมนุษย์แต่ละ K เกี่ยวข้องกับคนในองค์กร จะทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และมุ้งเป้าหมายให้เกิดความยั่งยืน ที่จะมุ่งให้เกิดในคณะแพทย์
จุดอ่อน
ปรับปรุง
อ.จีระ: ทุนมนุษย์ของผมเป็น Mean ความยั่งยืนเป็นทั้งเป้าหมายและวิธีการ อยากให้จับคอนเซปผมให้ดี
Habit ของคนไทยเป็น Formal learning
3. ยุทธวิธีที่จะปรับปรุง Mindset ให้เกิดประโยชน์ต่อคณะแพทย์ฯ จะต้องทำอย่างไร และมีอุปสรรคคืออะไร
ปรับปรุง
อุปสรรค
อ.ไกรฤทธิ์:
กลุ่ม 3
1. เหตุผลของ Globalization มีอะไรบ้าง ลอง List ประสบการณ์ของกลุ่ม 3 ข้อ
- ความต้องการเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองและสังคมที่นอกเหนือจากปัจจัย 4
- การคมนาคมสะดวกสบายมากขึ้น
- การก่อการร้าย หรือ โรคระบาด
2. วิเคราะห์ 8K+5K เหมาะสมกับการพัฒนาศักยภาพของคณะแพทย์อย่างไร? คณะแพทย์มีจุดอ่อนต้องปรับปรุงอย่างไร
- ทุนทางปัญญาบุคลากรรุ่นใหม่ คิดว่าต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
- ทุนทางจริยธรรมคนในต้องมีการพัฒนาเรื่องนี้
- ทุนแห่งความสุข ยังขาดเรื่องความเท่าเทียมกันของบุคลากร พนักงานมหาวิทยาลัยถูกละเลยไป
อ.จีระ: ทุนทางปัญญา และทุนทางจริยธรรม เรียกว่า Back to basic น่าคิดว่าทำไมถึงเป็นปัญหาในคณะแพทย์
ทั้ง 3 อย่างเป็น Intangible asset
ทั้ง 5 กลุ่ม ต้องมาพบปะกันบ่อยๆ และต้องมีการเรียนรู้ข้ามกลุ่ม
3. ยุทธวิธีที่จะปรับปรุง Mindset ให้เกิดประโยชน์ต่อคณะแพทย์ฯ จะต้องทำอย่างไร และมีอุปสรรคคืออะไร
ยึดถือพระราชดำรัสของพระราชบิดา ว่าขอถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภทรัพย์ และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง
กลุ่ม 4
1. เหตุผลของ Globalization มีอะไรบ้าง ลอง List ประสบการณ์ของกลุ่ม 3 ข้อ
- เทคโนโลยีที่ทันสมัย 3G ,Twitter ,Line, facebook ,cloud ที่รวดเร็ว อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยที่ยังไม่ได้กลั่นกรองความจริง
- การเตรียมการป้องกันและรองรับการระบาดของโลก EID โรคอุบัติใหม่
- ช่วยเพิ่มศักยภาพของการศึกษาเรียนรู้ให้รวดเร็ว กว้างไกล และแปลกใหม่
อ.ไกรฤทธิ์: ต้องทำให้เกิดความสมดุลระหว่างโลกออนไลน์ โลก Real time
2. วิเคราะห์ 8K+5K เหมาะสมกับการพัฒนาศักยภาพของคณะแพทย์อย่างไร? คณะแพทย์มีจุดอ่อนต้องปรับปรุงอย่างไร
ทุนทางวัฒนธรรมและทุนทางสังคม
จุดอ่อนที่ต้องปรับปรุง
กลุ่มวิชาชีพเฉพาะ มีวัฒนธรรมการทำงานที่แตกต่างกัน
อ.จีระ: หากไม่มีทุนทางวัฒนธรรมในการเข้าใจองค์กรของเรา ก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ และต่อไปต้องเด้งไปยังวัฒนธรรมของประเทศ คนใต้มีข้อดี คือ มีความใฝ่รู้
3. ยุทธวิธีที่จะปรับปรุง Mindset ให้เกิดประโยชน์ต่อคณะแพทย์ฯ จะต้องทำอย่างไร และมีอุปสรรคคืออะไร
- จัดให้มี Knowledge sharing ในทีมสหสาขาวิชาชีพ โดยมี Customer focus
- ความไม่สม่ำเสมอของการ Sharing อาจเกิดจากเวลาว่างไม่ตรงกัน ภาระงานเยอะ
กลุ่ม 5
1. เหตุผลของ Globalization มีอะไรบ้าง ลอง List ประสบการณ์ของกลุ่ม 3 ข้อ
- ยุคล่าอาณานิคม
- ความต้องการทรัพยากรการที่ทำให้โลกเชื่อมโยงกันเร็วขึ้น ต้องคำนึงถึงทรัพยากรที่สามารถใช้รวมกันได้
- ระบบเทคโนโลยี
2. วิเคราะห์ 8K+5K เหมาะสมกับการพัฒนาศักยภาพของคณะแพทย์อย่างไร? คณะแพทย์มีจุดอ่อนต้องปรับปรุงอย่างไร
มีจุดอ่อน
- Human Capital ดีแล้ว ยังต้องการพัฒนาทำอย่างไรให้รู้สึกมีคุณค่า
- Social Capital เรื่องของ Networking
- Talented Capital พัฒนาความสามารถคนอย่างไร
- Sustainability Capital ทำอย่างไรให้คนอยู่กับเรา
3. ยุทธวิธีที่จะปรับปรุง Mindset ให้เกิดประโยชน์ต่อคณะแพทย์ฯ จะต้องทำอย่างไร และมีอุปสรรคคืออะไร
Mindset
อุปสรรค
วิธีแก้ Open mind
อ.จีระ: mindset ที่ตอบเพื่อไปตอบเรื่อง 3V เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอยากให้กระเด้งออกไปมากกว่านี้ ออกไประดับนานาชาติ Premium services มีการฝึกอบรม Knowledge sharing
เรื่องทุนมนุษย์ ข้อ 1 คือตัวหลัก ข้อ 2-8 คือตัวลูกพื้นฐาน
ยังพูดเรี่องความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมน้อยไป
พื้นฐานของคณะแพทย์ดีอยู่แล้ว แต่ควรผนึกกำลังมากกว่านี้
โลกาภิวัตน์ ประเทศที่ชนะ คือ ประเทศที่พร้อม
สรุปการบรรยาย
หัวข้อ “จากแนวคิดการตลาดสู่การปรับใช้ของคณะแพทยศาสตร์ มอ.”
โดย ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ
2 ตุลาคม 2557
องค์กรขนาดใหญ่ต้องมีทั้ง 5 องค์ประกอบ คือ
1. การตลาดการขายอะไรดีๆให้อยู่ในหมวดการตลาด
2. การผลิต
3. การเงิน
4. คน การตลาดพูดกับคนนอก แต่ HR พูดกับคนใน
5. องค์กรขนาดใหญ่ต้องมี Information ข้อเท็จจริง
และ Infrastructure เครื่องมือการทำงาน ต้องรู้เท่าทันกันหมด และต้องมี Fact เข้าไปเติมเต็มประสบการณ์
แต่วันนี้จะพูดถึงหัวข้อที่ 1 คือ เรื่องการตลาด แบ่งเป็น
1. Demand Side economy ต้องมองแบบ Outside in รู้ว่าคนข้างนอกมองเราอย่างไร ต้องคิดว่าคนที่มาองค์กรเราจะมาพึ่งพาอะไร
Starbuck เป็นสถานที่ที่ดึงดูดลูกค้าได้ดี เพราะสามารถมานั่งได้ที่ร้านตลอดเวลา
2. Network สามารถแบ่งออกไปได้แบบ n! การสื่อความกันโดยการแตกตัวสไตล์ลูกโซ่
3. Branding รองเท้าไนกี้ไม่มีโรงงาน IKEA ไม่มีโรงงาน เพราะจ้างแรงงานคนไทยทำ
สิ่งที่สำคัญของ Branding คือ ชื่อ ยี่ห้อ โลโก้ Mascot
Experience ประสบการณ์ และ Expectation ความคาดหวัง เป็นส่วนสำคัญในการสร้าง Branding
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ จีระ และคณาจารย์ทุกท่าน
อย่างสูง
...วันนี้ ผมเปิดกะลาน้อมรับแล้วครับ
วันนี้มีความสนใจเรื่องของMindset และการตลาดซึ่งรู้ว่ายังเป็นจุดอ่อนที่ต้องมีการพัฒนาทั้งในส่วนของตนเองและองค์กร เรามักคิดว่าไม่ต้องการ profit ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด ในยุคปัจจุบันต้องมีการสมดุลระหว่างprofit และ non-profit
วิธีการเรียนรู้
ของดร.จีระ
4L’s
Learning Methodology
Learning Environment
Learning Opportunities
Learning Communities
2R’s
Reality
Relevance
2i’s
Inspiration
Imagimation
3V
Value Added
Value Creation
Value Diversity
8 K’s : ทฤษฎีทุน 8 ประเภท
Human Capital
Intellectual Capital
Ethical Capital
Happiness Capital
Social Capital
Sustainability Capital
Digital Capital
Talented Capital
Mindset
5K’s (ใหม่) : ทฤษฎีทุนใหม่ ยุคโลกาภิวัตน์
Creativity Capital
Knowledge Capital
Innovation Capital
Emotional Capital
Cultural Capital
Marketing
การตลาด
Demand sine
Net work
Brand
Repeat Purchase
การผลิต
Supply
การเงิน
คน
คนใน
Informaiton ข้อเท็จ ข้อจริง
Infrastructur เครื่องทุ่นแรง เครื่องมือ
กราบขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่าน สอนได้ดีมากค่ะ 8k และ5 k เหมาะสมกับการพัฒนาศักยภาพของคณะแพทย์มอ.มาก พวกเราร่วมแรงร่วมใจในการผลักดันให้เกิดการพัฒนางานอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต คิดว่าคณะฯต้องมีการปรับในเรื่องของการตลาดให้มากกว่านี้ค่ะ Great on you ka .
เยี่ยม
ประเภทของคน 4 แบบในโลก
1. คนที่มีผลกับการเปลี่ยนโลก เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
2. คนที่เกาะกระแสความเปลี่ยนแปลง
3. ผู้ที่เสพความเปลี่ยนแปลง
4. ผู้ที่ไม่รู้เรื่องการเปลี่ยนแปลง
หลักของการระดมสมอง คือ
1. คุย
2. คิด
3. คลิ๊ก เก็บเฉพาะประเด็นที่สำคัญ
4. คลำ พิจารณาว่าทำได้จริงหรือไม่
แนวคิดเรื่องการตลาด
1. Demand size focus
2. Networking
3. Branding
4. Repeat purchase
คนเราจะต้องรู้จักการใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้ทัน เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในยุคglobalization. การเรียนรู้ทฤษฎี 8kและ5k. คิดว่ายังไม่พอ ควรจะมีการเพิ่มเรื่องการสื่อสารเข้ามาด้วย เนื่องจากปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการรับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ได้กลั่นกรอง พร้อมที่จะเชื่อในข่าวที่เป็นด้านลบมากกว่า จะทำอย่างไรให้คนมีmindset. ในด้านที่ดีได้
เรียนรู้ อาวุธ ประดับปัญญา ที่ต้องค้นหาวิธีการ ในการพัฒนาตนเองให้มีทุกอย่าง ที่จะเป็นทุนแก่ตัวเอง หรอพัฒนาให้มากขึ้นโดยอาจใช้วิธีการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในกลุ่ม หรือในรุ่นและในการพัฒนานั้นอาจจะเริ่มจากตัวเองก่อน ทำอย่างไรให้คิดสร้างสรรค์ ฝึกมองอย่างไรให้มีความต่าง
อาจารย์ ให้ ความรู้ และแนะให้มองในมุมที่กว้าง และ หลากหลาย ทำให้ ตระหนักถึงการที่ต้องปรับตัวเอง ให้ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น อย่างชาญฉลาด โดยการเรียนรู้อย่างไม่หยุดยั้ง ต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพการตัดสินใจ และเป็นแนวทางพัฒนา ตนเองและเพื่อนๆในองค์กร
- learning how to learn ของอ.จีระ น่าสนใจมาก ทำให้เกิดการตื่นตัวที่จะใฝ่รู้ เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างต่อเนื่อง
- สำหรับการพัฒนาคุณภาพของคนในองค์กรชี้ให้เห็นเป็นทฤษฎี 8 k's + 5 k's ทำให้เห็นภาพง่ายว่าสิ่งใดที่จะต้องเร่งพัฒนา
- จากการเรียนวันนี้ เชื่อว่า mindset ที่ดี จะเป็นกุญแจนำองค์กรให้แข็งแกร่งในยุคโลกาภิวัฒน์ได้
ขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่าน การอบรมในวันนี้ได้เปิดโลกทัศน์ สำหรับพยาบาลซึ่งจากการทำงานประจำที่สนใจแต่การดูแลผู้ป่วย มารับบทบาทอีกบทบาทหนึ่งในการบริหารงาน ทำให้มองได้กว้างขึ้น มองถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน จนถึงอนาคต ที่เราทุกคนในคณะแพทย์ต้องร่วมมือ เพื่อพัฒนาองค์กร ซึ่งอาจารย์ได้ให้ ทฤษฎี ในการปลูกหรือพัฒนาศักยภาพของคนองค์กรของคณะแพทย์ โดยใช้ทฤษฎี 8K +5K และได้รับความรู้เรื่อง mindset จากการเรียนรู้ทำให้คิดว่า ถ้าสามารถเปลี่ยน mindset ของคนในคณะแพทย์ จาก Fixed mindset ที่มีอยู่ให้เป็น Growth Mindset คณะแพทย์คงพัฒนาได้กระเด้งเหมือนคำพูดของอาจารย์ จิระในวันนี้
สำหรับวันนี้ได้รับความรู้และการเรียนรู้เกี่ยวกับหลักการทำงานที่แตกต่าง นั้นคือ บุคลากร เป็นกลไกที่สำคัญขององค์กร ดังนั้นการสร้าง mindset ที่เป็นบวกต่อองค์กรเป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้ว่ามุมมองของค่านิยมของแต่ละคนจะต่างกัน หรือลำดับของการเรียนรู้จะหลากหลาย แต่ในที่สุดแล้วสิ่งที่เราเป็นคือ พลังสำคัญขององค์กร เราจะไปถึงเป้าหมายได้ เราต้องพัฒนาจาก 2I + 4L+ 2R + 8K&5K แล้วนำไปสู่ 3V แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้องค์กรเจริญเติบโตพวกเราต้องมีการเรียนรู้ แลกเปลี่ยน ตลอดจนเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยจำเป็นต้องมีการบริการจัดการที่ถูกต้อง ได้แก่ 7S และการขับเคลื่อนที่เหมาะสม คือ การตลาด (รู้จักเป้าหมายของเราและสิ่งที่คาดหวังจากเรา) การผลิต (รู้จักศักยภาพและความสามารถที่เรามี) การเงิน (มีทุนทรัพย์ที่เหมาะสมอย่างพอเพียงพอ) และแรงงาน (มีบุคลากรที่มีศักยภาพเหมาะสม) โดยมีแรงผลักดันที่ช่วยส่งเสริม คือ ข้อเท็จจริงและเครื่องมือในการทำงาน ดังนั้น ถ้าเรามีความคิดในแบบเปิดที่พร้อมจะรองรับการเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตนเองและองค์กร จะนำไปสู่ความหวังในอนาคต อย่างไรก็ตามคงต้องเรียนรู้กันต่อไปว่าจะสามารถกระทำได้เพียงใด
วันนี้ได้เรียนรู้ว่า คนที่เก่งจริง เก๋าจริง สามารถเชื่อมโยงความคิดที่ยังก๊งๆ ชงๆ ของเราให้ดูเข้าท่าได้
พอมองเห็นอนาคตในอีก19วันข้างหน้าค่ะ ก็ต้องติดตามตอนต่อไป
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากอาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์
- อาจารย์ได้แนะนำทฤษฎี ต่างๆหลายทฤษฎีมาก ผมคงต้องค่อยๆทำความเข้าใจ
ใช้ประสบการณ์ที่เคยพบเห็น เคยเจอ คิดตาม จนกว่าจะเกิดความเข้าใจลึกซึ่ง
- อาจารย์ได้เน้นให้ผู้นำต้องหมั่นเรียนรู้ สิ่งใหม่ สิ่งรอบข้าง อย่าหยุดกับที่
- อาจารย์เน้นให้สร้างเครือข่าย (Network) และแนวร่วม (Partners) ผมคิดว่าดี
มากครับ ทุกวันนี้เรามักรู้เฉพาะเรื่องของเรา ไม่สนใจผู้อื่นๆ การรู้เรื่องและทำหน้า
ที่ของเราที่รับผิดชอบให้ดีเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำอยู่แล้ว แต่การเปิดใจรับรู้รับฟัง
คนอื่นๆ ทั้งภายในองค์กร และภายนอกองค์กร จะทำให้เราทำงานกับคนอื่นๆได้ดีขึ้น
และเสริมการทำงานในหน้าที่ประจำของเราด้วย
- อาจารย์อยากให้พวกเราคิดไกลออกไปนอกตัวเรามากๆ เพื่อเกิดความคิดที่จะนำองค์กร
ให้ก้าวกระโดดดีมากๆครับ แต่คิดได้ยากมากครับ สิ่งที่คิดและทำให้ก้าวกระโดด กับความ
เป็นจริงที่จะทำได้มันฉุดกันไปมา ถ้าพูดในสิ่งที่ทำยากมากๆ มันก็เป็นได้แค่ความคิด
บางอย่างคิดได้แล้วแต่ต้องรอเครื่องไม้เครื่องมือให้มันมีราคาที่พอเหมาะพอควรไม่แพง
เกินไป คุ้มค่าแก่การลงทุน ก็ต้องรอเวลาที่เหมาะสม
ผมชอบเรื่องเล่าของ อ.ไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ มากครับ มันเป็นความรู้นอกเหนือตำรา
- ที่ทำให้เราทราบที่ไปที่มาหลายเรื่องที่เราไม่รู้
- บุคคลที่ชี้นำให้โลกมีการเปลี่ยนแปลงบางครั้งก็ไม่ได้เป็นคนเก่งมาก แต่ถ้ารู้จักใช้คนเป็น
ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่สำเร็จได้
- คนชั้นสูงหรือคนใก้ลชิดคนชั้นสูง (ชั้นสูงหมายถึงผู้นำ) มีความได้เปรียบสูง มีโอกาสสูง
ที่เป็นคนนำการเปลี่ยนแปลง ชี้นำ หรือกำหนดทิศทาง ขอให้คนเหล่านี้มีคุณธรรม จริยธรรม
สิ่งที่ชี้นำนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ผมขอขอบคุณอาจารย์ท่านอื่นๆและทีมงานทุกท่านด้วยครับ ที่ช่วยแนะนำและช่วยเหลือครับ
เรียนท่าน อาจารย์จีระและอาจารย์ทุกท่าน วันนี้ได้เรียนรู้ คำว่า “ learn Share Care” เป็นสิ่งสำคัญมากคะ ผู้นำที่บูรณาการสามสิ่งนี้ได้จะทำให้องค์กรเติบโตได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะคำว่า Care คะ ส่วนเรื่อง mindset ผู้นำต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้และมุ่งมั่นทำจริง เชื่อว่าทำได้คะ ส่วนเรื่องการตลาด ในระบบราชการคงเป็นสิ่งท้าทายที่ต้องทำด้วยความรอบคอบ โดยยึดหลักคุณธรรมคะ
วันนี้ได้เจอกับแนวคิดทั้งไทยและต่างประเทศ หลากหลายที่เกี่ยวกับ HR ยังจำได้ไม่หมดและต้องทำความเข้าใจเพิ่มเติม แต่จากหลักแนวคิดของอาจารย์บวกกับกิจกรรมกลุ่ม ทำให้เราได้หันกลับมาดูว่าองค์กรเราเป็นอย่างไรอาจไม่ชัดในบางประเด็น แต่ก็เกิดความตื่นรู้ว่ายังมีอีกหลายอย่างที่เราไม่เคยมองและไม่ได้ให้ความสำคัญเพราะคิดว่าไกลตัว เรายังเชื่อมั่นในskill และknowledge เพราะเป็นวิชาชีพเฉพาะแต่สิ่งที่ท้าทายการเปลี่ยนแปลงองค์กรเราในขณะนี้คือ การปรับmindset ของคนในองค์กร ที่จะไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้. ไม่ง่ายแต่ไม่ยากจนเราทำไม่ได้ใช่มั๊ยคะอาจารย์. ขอบพระคุณอาจารย์ที่มากด้วยภูมิรู้และประสบการณ์ที่เราคงไม่มีโอกาสหาได้ด้วยตัวเราเองที่กรุณามาช่วยพวกเราชาวคณะแพทย์ค่ะ
วันนี้ สะดุดใจ หลายอย่างที่ได้รับความรู้จากอ.หลายท่าน ซึ่งเก็บเกี่ยวแบบงง เป็นวิชาที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ทำให้รู้ว่า
1.คนเราไม่ได้เก่งตั้งแต่เกิด มันต้อง Learning How to Learn ทุกคนมีศักยภาพในตัวเอง และต้องงัด หรือกระเด้งมันออกมาให้ได้
2.หากเราตั้งต้นคิดที่จะทำอะไร ให้คิดมีกำไรไว้ก่อน ซึ่งกำไรมิใช่หมายถึงการเพิ่มขึ้นของวัตถุ แต่หมายถึงคุณค่าของการที่ได้ทำที่มีผลมากขึ้นกว่าเดิม แม้การได้มาซึ่งกำไร จะต้องผ่านอุปสรรคนานาประการก็ตาม แม้จะไม่ได้อะไร อย่างน้อยก็ได้ ประสบการณ์จากการเรียนรู้ในส่ิงที่จะทำ
3. การระดมสมองของอาจารย์ เริ่มจากการคุย คิด คลิ๊ก และคลำ (หลัง ๆ ฟังไม่ทัน ไม่เข้าใจคำว่า คลำขอคำอธิบายด้วยค่ะ) ได้มาทบทวนการทำงานที่ผ่านมา เราเริ่มจาก คลำ คิด คุย แล้วก็คลิ๊ก ค่ะ อาจารย์ช่วยตั้งชื่อให้หน่อยซิค่ะว่า จะเรียกอะไรดี
3.1 คลำ -คลำ ผิด คลำ ถูก ที่ใช้คำว่าคลำ เนื่องจากไม่ได้ใช้ประสาททั้งห้า ให้มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยเฉพาะ ตา จึงใช้คำว่า คลำ แทนคำว่า ทำ ซึ่งถ้าคลำผิด ก็เจ็บตัว ขาดความน่าเชื่อถือ เสียกำลังใจ แต่ถ้าคลำถูกอย่างดีก็รอดตัวไป คลำถูกอย่างสวย ก็ชมหน่อย พอได้มีกำลังใจทำต่อไป
3.2 คิด- คิดก่อนคุย คิดว่าจะคุยยังไง มีวิธีไหนบ้าง ให้ก้านความคิดของเขากับของเรามาบรรจบที่เรา มากที่สุด ไม่ให้เป็นเส้นขนาน
3.3 คลิ๊ก- กว่าจะคลิ๊ก ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง เราคลิ๊ก เขาไม่คลิ๊ก หรือคลิ๊กไม่หมด กั๊กไว้เป็นที่เข้าใจ ซึ่งวันนี้ก็ได้ mindset มา 1 คำ และคาดหวังว่า วิชาต่อไป คงมีให้ได้เรียนรู้ และรับรู้ได้มากขึ้นกว่าวันนี้
ปล. ข้อ 3.1 ถึง 3.3 ไม่ได้หมายถึงการทำงานกับหัวหน้า เพราะหัวหน้าดีมากๆมอบแต่สิ่งดี ๆ โดยเฉพาะการส่งให้มาอบรม แต่เป็นการทำงานทั่ว ๆ ไป ( อ.สอนให้มี 2r ซึ่งหนูก็ได้เขียนมาตามพื้นฐานของความเป็นจริงในการทำงานของหนูเอง)
วันอังคารที่ผ่านมา ได้มีโอกาสได้อบรม Root Cause Analysis ของกองการเจ้าหน้าที่ ทำให้ทราบว่า สิ่งที่มีปัญหา เริ่มจากตัวเรา/ปัจจัยภายในก่อน หากเราหา Root มันได้ เราก็สามารถถอนรากถอนโคนให้หมดไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ให้ปัญหาคาราคาซังอีกต่อไป ไม่นำปัญหามาสุม พันกันยุ่งแล้วแก้ไม่ออก มันเป็นอะไรที่ไม่เคยมองปัญหาที่ตัวเรา แล้วค่อย ๆแก้ทีละขั้นตอน อย่างมีระบบ
พอดีกับได้มาอบรมครั้งนี้
วันอังคาร ให้มองปัญหาที่ตัวเราก่อน + วันพฤหัส งัดศักยภาพในตัวออกมา = การได้คิดที่จะความสำเร็จ (จุดประกายความคิด)
เรียนท่านอาจารย์จีระและอาจารย์ในทีมทุกท่าน.ขอบคุณมากๆค่ะ....Learning How to Learn...ของอาจารย์ได้รวบรวมวิธีการเรียนรู้ทุกอย่างเพื่อHRที่เป็นเลิศ ....โดนใจค่ะ...ถึงจะยาก..แต่ท้าทายและจะพยายามเรียนรู้และพัฒนาต่อไป...น่าจะผลิดอกออกผลต่อไปค่ะ
สิ่งที่ได้ในวันนี้ทำให้เห็นว่าการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เริ่มต้นจาก วิธีการเรียนรู้ แบบ 4L's 2R's 2I 's 3V 3L's C-U-V และ Learn Share Care โดยมีมนุษย์เป็นทุนเริ่มต้น มีต้นทุนของปัญญา ความสุข จริยธรรม การมีสังคม ความยั่งยืน ความรู้ ทักษะ และทัศนคติของแต่ละคน ตลอดจนระบบIT (8K) เป็นตัวส่งให้เกิดผลลัพธ์ นอกจากนี้ในโลกปัจจุบันยังมี ความรู้ การสร้างสรร นวตกรรม อารมณ์ และวัฒนธรรม(5K)เป็นต้นทุนของการพัฒนาอีกด้วย ทุนพื้นฐานที่มีในองค์กรที่ดีมาจากความสุข นอกเหนือจากจริยธรรม ปัญญา ความยั่งยืนที่จะต้องมีก่อนการสร้างสรร และนวตกรรม
อนึ่งสิ่งที่ต้องมีในTalent Capital คือ Skill Knowledge และ Mindset หรือAttitude ซึ่งสำหรับ Mindset แล้วเป็นสิ่งที่เปลี่ยนยากเนื่องจากอิทธิพลจากการศึกษา อาชีพ การทำงาน และครอบครัว หากเปลี่ยนแปลงMindsetได้ การรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันก็จะง่ายขึ้น เกิดความล้มเหลวน้อยลง นั่นคือการปรับมุมมองต่อ ความท้าทาย อุปสรรค ความพยายาม คำวิจารณ์ และความสำเร็จของผู้อื่น ดังนั้นเราจะต้องรู้Mindset ของความเป็นคณะแพทย์ทั้งในอดีต ปัจจุบัน อนาคต มีเหตุ ปัจจัย อุปสรรค อย่างไร ได้แก่อะไรบ้าง และวิธีการที่จะแก้ไขปรับปรุง Mindset เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในคณะแพทย์
นอกจากความรู้ในเรื่องข้างต้นแล้วยังมีข้อสังเกตให้เห็นการเปรียบเทียบความแตกต่างในการจัดการธุรกิจกับองค์กรสังคมด้านBusiness กับด้าน Social และค่านิยมของการจัดการแนวใหม่ที่เป็นทุนนิยมของตะวันตกกับตะวันออก และของไทยตามแนวพระราชดำริของในหลวงอีกด้วย
บันทึกการเรียนรู้ 2 ต.ค.57
ทฤษฎีทุน 8 ประเภทพื้นฐานของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (8 K’s )
1. Human Capital ทุนมนุษย์ (ทุนตัวแม่ )
2. Intellectual Capital ทุนทางปัญญา (ทุนตัวลูก 2-8 )
3. Ethical Capital ทุนทางจริยธรรม
4. Happiness Capital ทุนแห่งความสุข
5. Social Capital ทุนทางสังคม
6. Sustainability Capital ทุนแห่งความยั่งยืน
7. Digital Capital ทุนทาง IT
8. Talented Capital ทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ
ทฤษฎีทุนใหม่ 5 ประการเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคโลกาภิวัฒน์ (5 K’s (ใหม่)
1.Creativity Capital ทุนแห่งการสร้างสรรค์
2. Knowledge Capital ทุนทางความรู้
3. Innovation Capital ทุนทางนวัตกรรม
4. Emotional Capital ทุนทางอารมณ์
5. Cultural Capital ทุนทางวัฒนธรรม
รู้ว่าอะไรสำคัญต่อตัวเรา ทำแล้วมีประโยชน์ และกระเด้งไป 3 V’s คือ
1. Value Added สร้างมูลค่าเพิ่ม
2. Value Creation สร้างคุณค่าใหม่ (คิด Outside the box )
3. Value Diversity สร้างคุณค่าจากความหลากหลาย
Mindset เป็นปรัชญาของชีวิต ทำให้เกิดพฤติกรรมบางอย่าง
ประกอบด้วย Positive / Growth Mindset (GM) พร้อมเปลี่ยนแปลง และ Fixed Mindset (FM)
ถ้ามีไม่เหมาะสมอาจเกิดความขัดแย้งในองค์กรขึ้น
องค์กรขนาดใหญ่เปรียบเสมือนรถยนต์ประกอบด้วยล้อ5 ล้อ องค์กรก็มีองค์ประกอบ 5 ส่วนเช่นกัน คือ
1. การตลาด
2. การผลิต
3. การเงิน
4. คน
5. ยางอะไหล่ มี Information ข้อเท็จจริง และ Infrastruction เครื่องมือการทำงาน
การตลาด (Marketing) ประกอบด้วย
1. Demand Side focus ต้องมองแบบ Outside in คนข้างนอกมองเราอย่างไร ต้องคิดว่าคนที่มารพ.เราจะมาพึ่งพาอะไร เช่นร้านStarbuck มีสโลแกนเป็น 3Rd place เป็นสถานที่ที่สามารถมานั่งได้ตลอด ดึงดูดลูกค้าได้
2. Network ออกแบบเป็น n! เป็นการสื่อความในการแตกตัวสไตล์ลูกโซ่
3. Branding รองเท้ายี่ห้อไนกี้,IKEA ไม่มีโรงงาน แต่ยังผลิตได้ สิ่งที่สำคัญของ Branding คือ ชื่อ ยี่ห้อ โลโก้ หรือ MASCOT (สัตว์ตัวนำโชค)
ในการสร้าง Branding ต้องอาศัย Experience ประสบการณ์ และ Expectation ความคาดหวัง
4. Repeat purchase การกลับมาใช้บริการอีก
นับเป็นความท้าทายของคณะแพทย์และคนในองค์กร ที่เราไม่เคย run game ด้านการตลาดนับแต่นี้เราต้องรู้เท่าทันการตลาด หรือ rule of the games จะต้องหาความพอดีในคณะเรา
สรุปวันนี้ ได้เรียนรู้หลัก 8K+5K เพื่อให้เกิด 3V เพื่อให้รู้เท่าทันการตลาด (marketing) และหากอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ที่ practical/ relevant / sustainable จะต้องเริ่มจาก Mindset ของตัวเรา พยายามมองตัวเอง เดินคู่กัน จินตนาการไปด้วยกันกับองค์กร
วันนี้เป็นวันแรกของหลักสูตร สิ่งที่เรียนรู้ ได้วิเคราะห์ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Globalization 8K+5K ที่เหมาะสมกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรคณะแพทย์ศาสตร์ รวมทั้งการเรียนรู้ mindset และการหายุทธวิธีในการปรับเปลี่ยน mindset เพื่อการพัฒนาคณะแพทยศาสตร์ ได้เรียนรู้หลัก Marketing
รวมทั้งประทับใจมากๆได้ฟังพระราชประวัติของสมเด็จพระราชบิดาจากอาจาร์จ้า รอคอยเวลาที่จะได้เรียนวิชานี้เพิ่มค่ะ
ประทับใจเรื่องเล่าจากประสบการณ์อาจารย์จิระ และอาจารย์ไกรฤทธิ์ค่ะ
เรียนท่านอาจารย์จีระ อาจารย์ทุกท่าน และทีมงานที่น่ารักทุกคนค่ะ
2 ตุลาคม 2557 วันแรกของโครงการ ยอมรับนะคะ ว่ารู้สึกมึน ๆ งง ๆ บ้าง
เริ่มจากสังเกตที่แผ่นพับต้อนรับ เปิดมา สะดุดตา กับคำสามคำ >> LEARN I SHARE I CARE <<
พอนั่งฟังไป จึงได้รู้ว่าคำสามคำนี้สำคัญมาก สิ่งแรกที่ได้รับ LEARN มาเริ่มเรียนรู้ ร่วมรับฟังความคิดเห็น จากผู้มีประสบการณ์ทั้งหลาย และ LEARN สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถศึกษาจากคลังความรู้ ข่าวสารในปัจจุบัน ซึ่งพร้อมที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกเวลา ศึกษาปัญหา ผลกระทบ เหตุการณ์ที่เกิดแล้ว และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น ที่อาจจะมีผลกระทบต่อองค์กรในอนาคต พร้อมทั้งสำรวจ/ติดตามความต้องการของมนุษย์อยู่เสมอ (คนภายนอกมองอย่างไร ต้องการการตอบสนองแค่ไหน) จากนั้นมาร่วม SHARE มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ ทุกวันนี้บทบาทหน้าที่ ช่องว่างระหว่างวัยทำงาน ทำให้เกิด SHARE ลำบาก ปัญหาเรื่องศาสนาอาจมีบ้าง ถ้าได้คำว่า CARE มาช่วยจะลดปัญหาตรงนี้ได้มาก และหันมายอมรับความคิดเห็นกันมากขึ้น สำหรับดิฉันคิดว่าการร่วมโครงการนี้ เป็นการเปิดโอกาสอย่างมากในการพัฒนาบุคลากร เริ่มจากกระตุ้นให้มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง แล้วร่วมมือขยายไปสู่การพัฒนาคนในหน่วยงาน (ปรับปรุง Mindset และปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร) โดยวางเป้าหมายไว้ เพื่อพัฒนาศักยภาพที่ดียิ่งขึ้นขององค์กรค่ะ
เริ่มต้นการเรียนวันนี้ได้รู้จักคำว่าทุน ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ทุนมนุษย์ ซึ่งเมื่อมีมนุษย์แล้ว ก็จะมีทุนชนิดอื่นๆตามมา นั่นก็คือ 7K + 5K หลังจากมีทุนแล้ว ก็ต้องมีการ LEARN+SHARE โดยที่ต้อง CARE ความเห็นที่แตกต่าง ซึ่งจะส่งผลต่อ Mindset ส่งผลให้เกิดการมองภาพที่เป็น Macro มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มองเห็น 3V และสุดท้ายแล้ว ก็นำไปลงมือปฏิบัติให้เกิด Sustainable development
สรุปตามแบบที่เข้าใจได้ว่า
1K --> 7K+5K --> Mindset --> 3V --> action --> Sustainable development
ความรู้สึกก่อนหน้าที่จะได้เข้าร่วมอบรมโครงการพัฒนาบุคลากรเพื่ออนาคตของคณะแพทยศาสตร์ มหวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รุ่นที่ 1 คิดว่าตัวเองจะเข้าอบรมเพื่ออะไร ส่ิ่งที่จะได้จาการอบรมคืออะไร และคิดว่าเราจะนำไปพัฒนาตนเอง หรือพัฒนาองค์กรได้จริงหรือไม่
แต่จากการที่ได้อบรมในวันแรก สามารถทำให้รู้ว่า อย่าน้อยก็สามารถทำให้เราได้เปิดโลกทัศน์มาก ได้รับรู้ และได้แนวคิดมากมายจากท่านอาจารย์ ได้รู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ถึงจะมีคำศัพท์มากมายที่ไม่เคยรู้จัก ไม่ว่าจะเป็น 8K+5K, 4L , 2R และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่คิดว่าหลังจากนี้ไปเราจะได้สามารถเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น และสามารถนำความรู้ต่างๆ มาพัฒนาตนเองและองค์กรได้ถึงไม่มากก็เถอะ
ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 อาทิตย์ผมได้รับแจ้งให้เข้าร่วมหลักสูตรนี้ในรุ่นที่2 ก็มีข้อสงสัยหลายประเด็นว่าทำไมต้องไปเรียน อายุงานเราก็ยังน้อย หน่วยงานเราเองก็เล็กๆ จะทำอะไรได้ แต่ก็ต้องมา และเมื่อมานั่งในชั่วโมงแรกก็รู้สึกไม่สนุก เริ่มมีความคิดทางลบกับการมานั่งเรียนแบบนี้ และ อ.จีระบอกว่าหากไม่สนใจ ไม่ชอบก็ไม่ต้องมาอีกแต่ก็ไม่มีใครไม่มาในรุ่นที่แล้ว ก็นึกในใจว่ามันมีอะไรเหรอทำไมอาจารย์พูดอย่างนั้น คงต้องลองดูว่าหลักสูตรนี้มีอะไรกันแล้วทำไม่อาจารย์จึงบอกอย่างนั้น
เมื่อนั่งๆ ไปจนบ่ายก็รู้สึกเริ่มได้อะไรบ้าง เช่น เรื่องทุนมนุษย์ mindset คืออะไร การเปลี่ยน mindset ทำอย่างไร แต่ก็ยังไม่ซึมซับมากนักก็คิดว่าอย่างน้อยเราอาจจะต้องเปลี่ยนทัศนคติกับการเรียนก่อนแล้วเราคงจะรู้มากขึ้น คิดเป็นได้มากขึ้น สังเคราะห์โจทย์หรือปัญหาได้ดีขึ้น
แต่มีสองสิ่งที่รู้สึกว่าดีก็คือ หนึ่งการได้เจอกับพี่ๆน้องๆ บุคลากรของคณะ ซึ่งบางทีเราเดินสวนกันก็แค่ส่งยิ้ม พยักหน้าทักทายกัน แต่การมาเรียนนี้ทำให้ได้รู้จักกันมากขึ้น สิ่งที่สองคือการได้ลองมานั่งฟังเรื่องที่เราไม่เคยสนใจแล้วมันมีอะไรมากกว่าที่เราคิด
ก็คงต้องลองดูว่าสามารถเรียนได้จนจบหลักสูตรนี้หรือไม่ หากเรียนได้จนจบเราเองได้อะไรเมื่อเทียบกับก่อนเข้ามาเรียน และคงต้องดูว่าเราเองจะสามารถนำมันไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพไหมอย่างไรและติดตัวเราเองหรือไม่
- การเรียนรู้ข้ามศาสตร์ทำให้เราได้พบเจอในสิ่งที่แตกต่าง
- การได้ออกจากกะลาใบเดิมเพิ่มค้นหากะลาใบใหม่ก่อนที่จะออกสู่โลกกว้างทำให้เราได้รู้เขารู้เรา และกล้าที่จะออกเผชิญกับสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น
การเรียนรู้ครั้งนี้เป้นสิ่งใหม่ ด้วยหลักการพัฒนาตนเอง พัฒนางาน เเละองค์กร โดยการใช้เเนวคิดเรื่อง Macro สู่ Micro มองทุกอย่าง 2ด้านอย่างเป็นระบบ นำมาวิเคราะห์ให้เหมาะสม โดยใช้หลักการHuman Capital ทุนมนุษย์ ,Mindset,8 K’s + 5K’sและการตลาด
ได้รับความรู้ของพื้นฐานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ของ8K โดยเฉพาะ ทุนทางมนุษย์ที่ต้องเล่งเห็นถึงความสำคัญ และเรียนรู้ในองค์ประกอบอื่่นๆๆด้วย
ขอบคุณอาจารย์จีระและทีมงานนะคะ ที่ช่วยสะท้อนความคิดให้เราสามารถมององค์กรคณะแพทย์ได้ลึกซึ้งและนำเครื่องมือ8k&5k. ให้พวกเราทำความรู้จักและนำมาวิเคราะห์ให้คม ชัด ลึกยิ่งขึ้น
ได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยรู้ ได้ออกนอกกะลา
บันทึกการเรียนรู้2 ต.ค.57
ทฤษฎีทุน 8 ประเภทพื้นฐานของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์(8 K’s )
1. Human Capital ทุนมนุษย์(ทุนตัวแม่ )
2. Intellectual Capital ทุนทางปัญญา(ทุนตัวลูก 2-8 )
3. Ethical Capital ทุนทางจริยธรรม
4. Happiness Capital ทุนแห่งความสุข
5. Social Capital ทุนทางสังคม
6. Sustainability Capital ทุนแห่งความยั่งยืน
7. Digital Capital ทุนทาง IT
8. Talented Capital ทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ
ทฤษฎีทุนใหม่ 5 ประการเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคโลกาภิวัฒน์ (5 K’s (ใหม่)
1.Creativity Capital ทุนแห่งการสร้างสรรค์
2. Knowledge Capital ทุนทางความรู้
3. Innovation Capital ทุนทางนวัตกรรม
4. Emotional Capital ทุนทางอารมณ์
5. Cultural Capital ทุนทางวัฒนธรรม
รู้ว่าอะไรสำคัญต่อตัวเรา ทำแล้วมีประโยชน์ และกระเด้งไป 3 V’s คือ
1. Value Added สร้างมูลค่าเพิ่ม
2. Value Creation สร้างคุณค่าใหม่ (คิด Outside the box )
3. ValueDiversity สร้างคุณค่าจากความหลากหลาย
Mindset เป็นปรัชญาของชีวิต ทำให้เกิดพฤติกรรมบางอย่าง
ประกอบด้วย Positive / Growth Mindset (GM) พร้อมเปลี่ยนแปลง และ Fixed Mindset (FM)
ถ้ามีไม่เหมาะสมอาจเกิดความขัดแย้งในองค์กรขึ้น
องค์กรขนาดใหญ่เปรียบเสมือนรถยนต์ประกอบด้วยล้อ5 ล้อ องค์กรก็มีองค์ประกอบ 5 ส่วนเช่นกัน คือ
1. การตลาด
2. การผลิต
3. การเงิน
4. คน
5. ยางอะไหล่ มี Information ข้อเท็จจริง และ Infrastruction เครื่องมือการทำงาน
การตลาด (Marketing) ประกอบด้วย
1. Demand Side focus ต้องมองแบบ Outside in คนข้างนอกมองเราอย่างไร ต้องคิดว่าคนที่มารพ.เราจะมาพึ่งพาอะไร เช่นร้านStarbuck มีสโลแกนเป็น3Rd place เป็นสถานที่ที่สามารถมานั่งได้ตลอด ดึงดูดลูกค้าได้
2. Networkออกแบบเป็น n! เป็นการสื่อความในการแตกตัวสไตล์ลูกโซ่
3. Branding รองเท้ายี่ห้อไนกี้,IKEA ไม่มีโรงงาน แต่ยังผลิตได้สิ่งที่สำคัญของ Branding คือ ชื่อ ยี่ห้อ โลโก้ หรือ MASCOT (สัตว์ตัวนำโชค)
ในการสร้าง Branding ต้องอาศัย Experience ประสบการณ์ และ Expectation ความคาดหวัง
4. Repeat purchase การกลับมาใช้บริการอีก
นับเป็นความท้าทายของคณะแพทย์และคนในองค์กร ที่เราไม่เคย run game ด้านการตลาดนับแต่นี้เราต้องรู้เท่าทันการตลาด หรือ rule of the games จะต้องหาความพอดีในคณะเรา
สรุปวันนี้ ได้เรียนรู้หลัก 8K+5K เพื่อให้เกิด 3V เพื่อให้รู้เท่าทันการตลาด (marketing) และหากอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ที่ practical/ relevant / sustainable จะต้องเริ่มจาก Mindset ของตัวเรา พยายามมองตัวเอง เดินคู่กัน จินตนาการไปด้วยกันกับองค์กร
การพัฒนาภาวะผู้นำและการสร้างผู้นำรุ่นใหม่
โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
3 ตุลาคม 2557
กรณีศึกษาผู้นำจีน 5 รุ่น
รุ่นที่ 1 (1949 - 1976)
เป็นผู้นำรุ่นบุกเบิกมี เมาเซตุง (Mao Tse-tung) หรือ โจว เอ็นไล (Zhou En lai) เป็นหลัก รุ่นนี้ คือ
รุ่นเปลี่ยนแปลงการปกครอง ชนะการปฏิวัติมา เป็นผู้บุกเบิก
ต้องบริหารการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างจะมาก
ต้องสร้างระบบให้แน่น เพราะระบบเดิมยกเลิกหมด เช่น
ทรัพย์สินทุกอย่างเป็นของรัฐไม่ใช่ของบุคคล
เศรษฐกิจ คือ รัฐเป็นคนกำหนด
รุ่นที่ 2 (1976 - 1992)
คือ เติ้ง เสี่ยว ผิง (Deng Xiaoping)
เป็นช่วงที่การเมืองนิ่งแล้ว แต่ระบบเศรษฐกิจแบบรัฐเป็นผู้กำหนด จะไม่สามารถสร้างรายได้ให้แก่คนในชาติได้ เพราะประชากรมาก – คาดหวังสูง จึงต้องมีเติ้งเสี่ยวผิงมาเป็นผู้นำ
เน้นทฤษฎีไปสู่ Practical เป็นผู้ที่พูดว่า “แมวสีอะไรก็ได้ขอให้จับหนูเป็น” คือ เป็น 1 ประเทศ 2 ระบบ นำเอาทุนนิยมเข้ามา – เชิญต่างประเทศเข้ามาลงทุน ทำให้จีนขยายตัวทางเศรษฐกิจเร็ว เพราะคนจีนขยันและเคยทำการค้ามาก่อน วันนี้จีนเติบโตมากกลายเป็นมหาอำนาจ
รุ่นที่ 3 (1992 - 2003)
คือ เจียง ซี มิน (Jiang Zemin)
üเป็นผู้นำประเทศสู่โลกภายนอก
üเศรษฐกิจแข็งแรงขึ้น แต่ต้องมีบทบาทในโลก
üจัดประชุม APEC 2003 ในจีน
üนำจีนเข้า WTO
üเปิดประเทศทางเศรษฐกิจมากขึ้น
üส่งความช่วยเหลือไป Africaและประเทศด้อยพัฒนา
üรุ่นที่ 4 (2003 – 2013)
üคือ หู จิ่นเทา (Hu Jintao)
üเห็นความรุ่งเรืองของเศรษฐกิจจีนเป็นอันดับ 2 ของโลก จีนมีอิทธิพลต่อโลกมากขึ้นทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ
üแต่เริ่มมีปัญหาเสรีภาพในประเทศ และความเหลื่อมล้ำ
รุ่นที่ 5 (2013 – 2023)
คือ สิ จินผิง (Xi Jinping)
ผู้นำรุ่น 5 จะต้องเก่งเรื่องประชาธิปไตยเปิดแบบจีนที่โลกยอมรับ มีสิทธิมนุษยชนมากขึ้น และดูแลการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจไปทุกกลุ่มและทุกภูมิภาคของจีนไม่ให้เหลื่อมล้ำ ให้เศรษฐกิจจีนสมดุลกับโลกภายนอก โดยเฉพาะค่าเงินหยวน
คุณวรวุฒิ โตมอญ: คนเราอยู่คนเดียวไม่ได้ ประเทศก็เช่นกัน ประเทศก็ต้องร่วมมือกับประเทศอื่น เรื่องธรรมชาติต้องมีความสัมพันธ์กัน คณะแพทย์ก็เช่นกันว่า ไม่มีอะไรได้มาฟรี และยิ่งให้ยิ่งได้
วิธีการคือ คณะแพทย์มีอะไรเป็นจุดเด่นที่จะแลกเปลี่ยน สิ่งที่เป็นรูปธรรม 2 ส่วนคือ วิชาการและการบริหารจัดการ
TMQA คณะแพทย์จะต่อยอดตรงนี้ เป็น Expert ได้อย่างไร เพื่อเป็นวิธีหนึ่งในการแลกเปลี่ยนความรู้กับต่างประเทศ
ศ.ดร.จีระ: คณะแพทย์มอ.จะส่งโครงการไปที่กรมวิเทศ กระทรวงต่างประเทศได้หรือไม่ ถ้ามีโอกาสอยากให้ทุกคนได้ปรึกษาวรวุฒิ ซึ่งควรจะเอางานวิจัยมาเป็น Commercial value มากขึ้น
คุณวรวุฒิ โตมอญ: ยังส่งได้ วิธีการคือ ต้อง Confirm สิ่งที่เราเก่ง กระทรวงต่างประเทศ ยินดีรับเสมอ
ศ.ดร.จีระ:หน่วยราชการมีหน้าที่เขียนโปรเจคให้เก่ง และต้องมีการนำเสนอที่ดี (Project presentation) การที่จะให้ได้โครงการต้องคิดเสมอว่าเราเขียนดีหรือยัง
เมื่อคุณวรวุฒิมาแล้ว หากไม่คิดทำเรื่องต่างประเทศให้ดี โครงการก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
หัวข้อ “Personality and Social Skills Development
โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์
3 ตุลาคม 2557
First Impression
- บุคลิกภาพ
- ภาพลักษณ์ภายนอก เสื้อ ผ้า หน้า ผม
- น้ำเสียง
- คำทักทาย
- ภาษากาย
- การแต่งกาย
Image: ภาพลักษณ์ภายนอก เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมาก ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง
Look ภายนอก มีอิทธิพล 55%
Sound การพูด น้ำเสียง มีอิทธิพล 38%
Word คำพูดที่รับรู้ได้ 7%
ศิลปะการแต่งกายสไตล์นักบริหารรุ่นใหม่
สีโทนร้อน แดง เหลือง ชมพู ส้มน้ำตาล ทอง
สีโทนเย็น น้ำเงิน เขียว ขาว เทา เงิน
ความหมายและอิทธิพลของสี
เหลือง สดชื่น
ส้ม สนุกสนาน เฮฮา สุขภาพดี
แดง ความรัด ลุ่มหลง ร้อนแรง สนุกสนาน อำนาจ
ชมพู หวานแหวว น่ารัก ขี้เล่น ความละเอียด
ทอง ความมั่งคั่ง พิธีการ ความสว่างโดดเด่น
ดำ ความเป็นหัวโบราณ ลึกลับ แต่ทันสมัย
เงิน ความโก้
ขาว สมบูรณ์ ใสซื่อ นุ่มนวล
เทา โบราณ
เบจ หัวเก่า
การแต่งตัวของผู้ชาย
การใส่สูท
เสื้อเชิ๊ต: ปลายแขนต้องพอดี มีความยาวพอดี ไม่ยาว ไม่สั้น เกินไป แต่ถ้าใส่สูทเสื้อเชิ้ตต้องอยู่ข้างใน
ต้องคำนึงถึง สีสัน เส้นสาย สัดส่วน
สายสิญจน์ไม่ควรผูกเวลาใส่เสื้อดีๆ เพราะไม่เข้ากัน จะทำให้เสียบุคลิก
ผู้หญิง ไม่ควรใส่รองเท้าส้นเตารีด
กางเกง: ความยาวของกางเกง ข้างบนต้องสั้นกว่าข้างล่าง กางเกงไม่ควรมีจีบ หากใส่กางเกงพอดีตัวจะเสริมบุคลิก ให้ดูทันสมัย
รองเท้าหัวยาว จะเสริมบุคลอกให้สูงขึ้น
เนคไท: ต้องพอดีกับหน้าและตัว สีเนคไทต้องเป็นสีเดียวกับเสื้อ
คอปกเสื้อ : มีหลายแบบ แบบปีกกว้าง แบบปกยาว ต้องเลือกให้เหมาะสม
ผู้หญิง ใส่สูท ควรใส่คัทชูหัวปิด Slim back จึงจะดูสุภาพ
กระโปรงทรง A ถ้ารูปร่างอ้วนไม่ควรใส่
รองเท้าเปิดหัว: ต้องดูว่าตัวเอง เท้าสวยหรือไม่ ถ้าไม่ทาเล็บเท้า ไม่ควรใส่รองเท้าเปิดหัว ถ้าเป็นรองเท้าหัวยาวจะสวย
สิ่งที่ไม่ควรทำ
วัยทำงาน ไม่ควรติดกิ๊บสีสัน ที่หนีบผม ที่คาดผม มาทำงาน
กระเป๋าสะพาย:
ต่างหู: ไม่เลือกที่ห้อยระย้า
เครื่องประดับ ดูให้เหมาะกับตัวเอง
เล็บ: ไม่เหมาะกับการเพ้นท์เล็กลายตุ๊กตา
Visual Poise
การเข้านั่งเก้าอี้
เข้าทางด้านซ้ายของเก้าอี้ และออกทางเดียวกัน ผู้หญิง นั่งครึ่งเดียว ขาซ้อนกัน แขนพาดไปข้างไปข้างหนึ่ง
ยืนให้ยืนแบบ 10 นาฬิกา และ 14.00 น. เพื่อบังน่องให้ดูเพรียว
การเดิน เอาส้นลงก่อนหน้าตาม
การไหว้ ตั้งพุ่มมือกลางหน้าอก ก้มศีรษะลงมาช้าๆ มองหัวนิ้วเท้าตัวเองให้ได้
ท่วงท่าน่าอับอาย สัญญาณร้าย ต้องรีบแก้ไข
การเดินนำผู้ใหญ่ ต้องเปิดทางและนำทางด้วยมือขวา
การเดินตาม อยู่ฝั่งตรงข้าม เพราะปกติจะถือกระเป๋าทางขวา เพราะฉะนั้นให้เดินตามทางข้างซ้าย
Tips 5 ข้อ
1. ปลอดภัย
2. สะดวกสบาย
3. ให้เกียรติ
4. อัธยาศัยไมตรี
5. ความมีระเบียบเรียบร้อย
การเดินขึ้นบันได : ผู้หญิงขึ้นบันไดก่อน
การลงบันได: ผู้ชายลงก่อน
ลิฟท์ว่าง ลูกน้องเข้าก่อน เพื่อกดให้ และเจ้านายออกก่อน
กรณีลิฟท์เต็ม เจ้านายเข้าลิฟท์ก่อน เพราะมีคนกดให้
การไปงานแต่งงาน คนที่ไปรดน้ำสังข์ คือ คนที่อายุมากกว่า
เจ้าบ่าวนั่งทางขวา เจ้าสาวนั่งฝั่งซ้าย
ต้องรดเจ้าสาวก่อน เพื่อให้เกียรติ
การจุดเทียน จุดทางซ้าย และขวา และค่อยจุดธูป
ชุดไปงานศพ: ไม่ควรใส่กางเกง ใส่เสื้อมีแขน ไม่ใส่กระโปรงสั้น
รูปร่าง: ต้องดูแลตัวเอง ทำอย่างมีความสุข
รูปร่างที่ต้องแก้ไข
หน้าท้องยื่น
ไหล่ห่อ ก้มงอไปข้างหน้า
ก้นยื่นไปข้างหน้า
ตำแหน่งของการนั่งที่ถูกต้อง Seating Position
การนั่งตามตำแหน่งที่ถูกต้อง: หากมี 3 คน เบอร์ 1 โซฟาเป็นที่ของแขก
เก้าอี้ ที่ใกล้ประตูเป็นที่ของเจ้าของบ้าน เบอร์ 2 นั่งเก้าอี้
ผู้หญิงไม่ควรนั่งใกล้ประตู เพราะต้องเน้นเรื่องความปลอดภัย
แต่ถ้าบังเอิญผู้ใหญ่นั่งโซฟา ก็ให้ผู้อาวุโส หรือผู้ใหญ่นั่งใกล้ที่สุด
ถ้าผู้ชายที่ไปด้วย อาวุโส ก็ต้องนั่งใกล้เจ้าของบ้าน และนั่งใกล้ประตู
การประชุม นำเสนองาน
ผู้พรีเซนต์ ต้องนั่งฝั่งตรงข้ามประตู เพื่อให้เห็นว่าเขามาหรือยัง
การนั่งรถยนต์: รถยนต์ ผู้ช่วยเจ้านายนั่งหลังคนขับ เจ้านายนั่งเยื้องคนขับ
ถ้าเจ้านายขับเอง เรานั่งข้างๆแบบเจียมเนื้อเจียมตัว
รถตู้ : ถ้าไปกันเยอะ เด็กขึ้นก่อน และเข้าด้านใน ผู้ใหญ่นั่งแถวแรกตรงกลาง
เวลาลงแถวหน้า คือ แถวผู้ใหญ่ลงก่อน
เรียนวิชานี้ได้อะไรบ้าง
สรุปการบรรยาย
หัวข้อ “Managing Self Performance”
โดย อาจารย์อิทธิภัทร ภัทรเมฆานนท์
3 ตุลาคม 2557
เป็นการสอนเรื่องการบริหารจัดการตัวเอง อยากให้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม
ความเชื่อเกี่ยวกับคน
ตัวอย่างหนังสือ ที่น่าสนใจขอแนะนำ คือ ผู้นำแห่งอนาคต คุณธรรม การนำร่วม และการเปลี่ยนแปลงจากภายใน
หัวข้อสัมมนาและวัตถุประสงค์
1. ตัววัดความสำเร็จ ศักยภาพและสมรรถนะการทำงาน รู้ว่าองค์กรมองและการพัฒนาบุคลากรและผู้นำด้านใดบ้าง
2. การเข้าใจตัวเองและรู้สึกว่าตัวเองมีเป้าหมาย
3. สมมติฐานที่เชื่อแล้วจะช่วย
Competency หมายถึง กลุ่มของความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ ซึ่งประกอบด้วยพฤติกรรม ทัศนคติ และแรงบันดาลใจ ที่บุคลากรจำเป็นต้องมีเพื่อปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เพื่อให้บรรลุสำเร็จตรงตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร
เมื่อคนอยู่ในกับดักของความรู้สึก คือ การ In the box ทำให้บางครั้งไม่อยากทำอะไรต่อ หยุดคิด
คุณลักษณะเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด
Competency ไม่ใช่พฤติกรรมที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ แต่เปรียบเทียบเป็นตุ๊กตาล้มลุก คือ ลม แต่เราก็เปรียบเป็นสิ่งที่อยู่ภายใน เข้าใจตัวตนของตัวเอง เป็น Inner ที่อยู่ภายใน
Competency แบ่งเป็นส่วนที่มองเห็นได้ชัด ความรู้ ทักษะ และส่วนที่มองไม่เห็น คือ ความเข้าใจ ทัศนคติ ค่านิยม การมองตัวเอง บุคลิกภาพและแรงจูงใจ
หนึ่งคุณลักษณะที่สำคัญของผู้ที่จะประสบความสำเร็จ
หนังสือที่แนะนำคือ The Success Principle ของ Jack Canfield
Concept Coaching
ทำอย่างไรให้การสื่อสารในองค์กรมีประสิทธิภาพ
The Success Principle ของ Jack Canfield: กฎแห่ง การรับผิดชอบต่อชีวิตคุณ 100%
สูตร รับผิดชอบต่อชีวิตคุณ 100%
เหตุการณ์ (E)+ การตอบสนอง (R)= ผลลัพธ์ (O)
ถ้าเราไม่พอใจในผลลัพธ์ปัจจุบัน มี 2 ทางเลือก
1. โทษเหตุการณ์ ที่ทำให้ไม่เกิดผลลัพธ์
2. เปลี่ยนการตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างที่เป็นอยู่จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
Cause ทำให้เกิดขึ้น เป็นสาเหตุของความสำเร็จ > Effect รอสิ่งที่เกิดขึ้น (คนที่ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์)
กฎแห่ง การเข้าใจให้ชัดว่าทำไมคุณถึงอยู่ตรงนี้
ต้องเข้าใจตนเองว่าคุณเป็นคนเช่นไร
อะไรคือเหตุผลเบื้องหลังสิ่งที่ทำ
กิจกรรม ให้วาดรูปดอกไม้
เพื่อให้เขียนว่าเราเป็นคนอย่างไร 4 ข้อ ในกลีบดอกไม้
เช่น เป็นคนมีระเบียบ ชอบช่วยเหลือคน ยุติธรรม เรียบร้อย
และกลีบข้างนอก ให้เขียนว่าคนอื่นชมเราอย่างไร 4 ข้อ
สิ่งที่มีอิทธิพลในชีวิตประจำวัน 3 สิ่งคือ
1. Be ตัวเองเป็นคนอย่างไร เช่น มีความคิดสร้างสรรค์ มีความมุ่งมั่น หากเรารู้สึกขาดในเรื่องการทำงานก็ต้องหาสิ่งอื่นมาทดแทนเพื่อให้สามารถเติบโตจากภายใน
2. Do
3. Have เป็นผลลัพธ์ ว่าจริงๆแล้วต้องการอะไร เป็นเป้าหมายในชีวิต หากเปรียบเป็นเรื่องการทำงาน ก็คือเป้าหมายในการทำงาน
คำถาม manager ต่างกับ Leader อย่างไร
การที่ทำให้แตกต่างคือ มุ่งมั่น ซื่อสัตย์ มีเป้าหมาย
กิจกรรม
ให้เลือกรูป 3 รูป ที่เกี่ยวกับชีวิตของเรา
รูปที่ 1 รูปไหนที่เป็นตัวเองใน5- 10 ปีที่แล้ว
รูปที่ 2 รูปไหนที่แสดงถึงปัจจุบัน
รูปที่ 3 รูปไหนที่แสดงถึงเป้าหมายชีวิต 5-10 ปีข้างหน้า
- ใช้เวลาพิจารณาประมาณ 3 นาที
รอบที่ 1 มองหาใครก็ได้ที่อยากคุยเอารูปไปด้วยแล้วให้คุยกัน
ให้เลือกว่าใครเป็น A หรือ B ให้ A พูดก่อน B รับฟัง แล้วสลับกัน
รอบที่ 2 ให้เล่าให้เพื่อนฟังอีกคนหนึ่ง
รอบที่ 3 จับกลุ่ม 6 คน แล้วพลัดกันเล่าเรื่อง
รอบที่ 4 ให้โหวตว่าใครพูดแล้วเกิดแรงบันดาลใจกับเรามากที่สุด
รูปดอกไม้ คือ การรู้ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร คือ กิจกรรมที่ให้วาดกลีบดอกข้างใน การที่คนอื่นมาชมเราก็ต้องรับคำชมจากคนอื่น
ตัวเราเองเป็นคนกำหนดชีวิต ไปยังความสำเร็จ ประเด็นที่สำคัญ คือ คนที่มีอุปนิสัย จะมี + กับ - อุปนิสัยเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต
การมีเป้าหมาย ถ้าชัดก็จะทำให้ไปยังเป้าหมายเร็วขึ้น
คนที่ Win Win เป็นคนที่สามารถประสานไมตรี
อุปนิสัย ต้องทำพฤติกรรมซ้ำ ๆ และมีศรัทธามากพอ เรื่องบางเรื่องเชื่อได้ แต่ต้องมีการพิสูจน์ก่อน
ความเชื่อ เปลี่ยนได้หากมีคนพิสูจน์ในเรื่องที่ต้องทำให้เชื่อ คือมีทั้ง Info และ Data
ผมขอชื่นชมคุณเสรี ศักดิ์จิรพาพงษ์ ที่ได้ส่งความคิดเห็นมาใน Blog รุ่นที่ 2 มาเป็นคนแรก โดยเฉพาะการได้วิเคราะห์ว่าเปิดโลกทัศน์ หรือกะลา ขอบคุณท่านที่ 2 คุณวรณัน สุวรรณภูมิ คุณ sirin sastranuruk ซึ่งมีหลายท่านพูดถึงเรื่อง Learning how to learn ส่วนคุณกาญจนา ใช้คำสั้นๆว่าเยี่ยม
โดยสรุปขอให้การแสวงหาความรู้ โดยผ่าน Blog เป็น Habit ที่เกิดขึ้น ผมก็ได้อ่านและชื่นชมทุกท่าน
ขอฝาก 2 ประเด็นที่ผมไม่ได้พูด คือ
1. เรื่อง Competency เรื่อง Entrepreneurship ซึ่งผมได้ใช้แนวของคุณ Mr. William E. Heinecke ซึ่งพูดถึงกฎทอง 25 ข้อ เผอิญในเอกสารประกอบการบรรยายไม่มีแนวคิดของผม ผมก็เลยจะเสริม ในเรื่องของจิตวิญญาณของผู้ประกอบการของผม ทั้ง 14 ข้อ ดังต่อไปนี้
1. Focus
2. Read of what you like
3. Follow up what you do
4. Know what is important and your organization each day
5.ต่อยอด 3V
6. Networking
7. Pain and Gain
8. Work hard but willing to accept the hard work
9. Deadline
10.ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง
11. Intelligent conversation (ฉลาดพูด)
12. Respect and Dignity
13. Inspiring
14. Empowering
และจะให้ทุกท่านช่วยเสริมเรื่องที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ ส่งเข้ามาใน Blog นี้
บางท่านเขียนยาวเป็นที่ประทับใจผมมาก คือ คุณเปรมมิกา คุณบุปผา และหลายๆท่าน และยังประทับใจคุณสุรพงษ์ ที่เน้นว่าก่อนเรียน และหลังเรียนก็เห็นคุณค่าของกิจกรรมของเรา
Panel Discussion & Workshop
หัวข้อ “3 V’s and Mini Research for the Innovative Project”
โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล
3 ตุลาคม 2557
วันนี้เป็นวันแรกที่ขอให้คิดเรื่อง Research ขอเน้นเรื่องการตั้งโจทย์ที่น่าสนใจ คนที่สามารถตั้งโจทย์ให้กระเด้งไปยังคณะได้ คือสิ่งที่สำคัญ
ข้อสังเกตเรื่อง Mini – Research for Innovative Project
1. ฝึกวินัยในการตั้งโจทย์ Hypothesis แล้วเก็บข้อมูลนำเสนอว่าตอบโจทย์ Hypothesis ที่ตั้งไว้ว่าทำได้หรือไม่? ถ้าทำได้ก็เดินหน้าต่อ ถ้าทำไม่ได้ก็เก็บข้อมูลพื้นฐานไว้ก่อน
คำว่า Mini คือ เมื่อเวลามีโจทย์ จะเก็บข้อมูลอย่างไร แต่ถ้าไม่เก็บก็ต้องเลือกข้อมูลที่มีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็น Primary data เป็นเพราะเวลาน้อย มีแค่ 3 เดือน
Research คือ ต้องตั้งโจทย์ที่มีเป้าหมายและเหตุผล
ต้องคิดว่าเอาข้อมูลมาจากที่ไหน ในเวลาที่จำกัด
2. Hypothesis ของ Mini Research ของคณะจะต้องเน้น
—Relevant นำไปใช้ในคณะของเรา
—มองอนาคต เกี่ยวกับคณะอย่างไร เพื่อไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่
—Expand to high value, 3V โดยเฉพาะระหว่างประเทศ หรือระหว่างหน่วยงานอื่นๆใน มอ. ,หรือ ภาคธุรกิจ, ราชการ, NGOs, 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฯลฯ
ยกตัวอย่างเรื่องการทำโครงการกศน. กับ 3V
ขอให้ทั้ง 5 กลุ่มลองเสนอมา 2 สมมติฐาน หลังจากทำแล้ว ก็ให้เริ่ม Review literature เช่น เรื่อง Telemedicine อาจจะนำมาจาก website และไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาไทยเท่านั้น ซึ่งตั้งเวลาไว้วาไม่ควรเกิน 2 สัปดาห์
ควรตั้ง Testable Hypothesis ด้วยเพื่อตรวจว่าถูกต้อง และทำต่อไปได้หรือไม่
3.ต้องคิดว่าร่วมกัน Learn อย่างวันนี้ จะให้สบายๆ แค่ explore หัวข้อ Hypothesis ก่อน แล้วค่อยๆ มาดูว่าอะไรเป็นไปได้ แล้วจึงวางแผนเก็บข้อมูล และ Review Literature อย่างไร? สำรวจว่ามีการทำ Research เรื่องนี้หรือยัง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
4. ที่สำคัญ คือ มองอนาคตของคณะว่าจะไปทางไหน? และย้อนกลับมาดูว่าจะต้องทำอย่างไร? ทำได้ดีหรือไม่? ดูสภาพแวดล้อมในอนาคตคล้าย ๆ คลื่นลูกที่ 4 และการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยที่มากระทบเราจะฉกฉวยโอกาสอย่างไร?
5. ศึกษารุ่นที่ 1 และปรึกษาหารือกับรุ่นที่ 1 เพราะเขามีประสบการณ์แล้ว ตัวอย่าง
ของโครงการของรุ่น 1 มีดังนี้
กลุ่มที่ 1 PPSH: Private Prince of Songklanagarind Hospital
กลุ่มที่ 2 ศึกษาความคาดหวังของการจัดตั้ง “ศูนย์เสริมพลัง” รพ.สงขลานครินทร์
กลุ่มที่ 3 การบริหารจัดการบุคลากรที่มีสมรรถนะสูง : Talent Management Roadmap
คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
กลุ่ม 4 Med PSU Smart Health 2020 for Smart Living and Better Care Services
กลุ่ม 5 โครงการบริหารจัดการระบบการดูแลผู้สูงอายุใน รพ. สงขลานครินทร์
6. ข้อดีของรุ่นที่ 2 คือ มีการวางแผนล่วงหน้า ผมเป็นหัวหน้า research ทุกกลุ่มปรึกษาผมได้ และผมจะมีอาจารย์ กิตติ คุณจ้าและทีมงานมาช่วย
7. ข้อที่พึงพิจารณา คือ
-Timing เวลามีไม่มาก
-ทำงานเป็นทีมอย่างวันแรกดีมาก คล้ายๆ Workshop หาหัวข้อที่ Relevant และไปต่อยอด 3V ให้ได้
-อยากเห็น V ที่ 3 กับ V ที่ 2 มากหน่อย คือ มองอะไรที่เป็นยุทธศาสตร์และสร้างสรรค์ และนอกจากสร้างสรรค์แล้วต้องทำให้สำเร็จ คล้าย ๆ จาก Creativity ไปสู่ Innovation แต่จะต้องเน้น Reality and Practical โดยมองจากองค์ความรู้ Basic Knowledge ที่มีและหาได้
ข้อดี คือ ต้องคิดโจทย์ที่ตรง มีมูลค่า Realistic กับเรา
8.วันนี้เป็นวันแรก.. หารือหัวข้อกันก่อน ควรจะเป็น Hypothesis ต้อง Relevant แต่ยังขาดการวิเคราะห์และเก็บข้อมูล ซึ่งจะยืนยันว่า Hypothesis ถูกต้องหรือไม่?
Secondary Data
Primary Data / Questionnaires / Focus Group หรือ In-depth Interview
แต่ที่สำคัญที่สุด คือ
อ่าน Case กรณีศึกษาต่าง ๆ ในด้านการแพทย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และกระเด้งไปสู่การบริหารจัดการของเรา และเน้นทุนมนุษย์ 8K’s และ 5K’s ให้มาก
มองอุปสรรคมากกว่าการตั้งโจทย์เท่านั้น อุปสรรค ต้อง Realistic อยู่ในบริบท (Context) ของเรา
มอง Research ว่าเป็นการอ่าน เรียนรู้เชิงลึก มีระบบความคิดเพราะต้องแยกข้อมูลที่จำเป็นกับไม่จำเป็น และสรุปมาเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเรา และในระยะยาวบางคนอยากเรียนปริญญาเอกก็อาจจะนำมาใช้ได้
งานวิจัยต้องเอาไปใช้ได้ในอนาคต เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งห้องนี้เต็มไปด้วยองค์ความรู้ สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องต่อยอดให้ได้
หัวข้อที่น่าสนใจ คือ
Happiness capital กับ Sustainability
Innovation กับ Creativity
ความขัดแย้งขององค์ในองค์กรระหว่าง Gen
ผมมีโอกาสดูแลวิทยานิพนธ์ของปริญญาโทและเอกหลายแห่ง และครั้งนี้ในฐานะ Coach ใหญ่ เรื่อง Mini – Research ของรุ่น 2 ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ผมมี Passion แล้ว ทุก ๆ คนปรึกษาได้ เป้าหมายของผม คือ เรียนรู้ไปด้วย โดยเฉพาะช่วงที่เบรก ทุกวัน คือ คิดถึง Research และนำเอาแนวคิดที่เรียนทุก ๆ วันในห้อง + การอ่านเพิ่มเติม มาใช้ในการทำ Research อย่าให้แตกแยกไปจากการเรียนในห้อง ให้การทำ Research เป็นเนื้อเดียวกันกับการเรียน
การทำวิจัยจะสนุกมากหากทุกคนช่วยกันคิด
คุณพิชญ์ภูรี: การเพิ่มมูลค่าจากความหลากหลายจะเป็นประเด็นหลักในการทำวิจัยครั้งนี้
การตั้งโจทย์ต้องใช้ความจริงของคณะแพทย์ มอ.
อาจารย์ทำนอง: อย่าไปเครียด
ให้เลือกเรื่องที่ชอบ
เลือกหัวข้อที่เราเก่งที่สุด
คิดว่าเพราะอะไรที่เราทำเรื่องนี้
workshop
เสนอโจทย์วิจัย (Hypothesis) ที่กลุ่มสนใจ 2 หัวข้อ ที่เกี่ยวกับ 3V และอธิบายเหตุผล
กลุ่ม 5
โครงการที่1 Prince of Songkla University
กลุ่ม 2
1. พัฒนาระบบ Referral System for accident / trauma
คนไข้ที่ได้รับอุบัติเหตุ อาจจะถูกส่งมาที่รพ.มอ. ต้องการศึกษาว่า ระหว่างการเกิดอุบัติเหตุ การ refer คนไข้ ใช้เวลา และมีขั้นตอน นานหรือไม่ที่คนไข้จะได้รับการรักษา
2. ผลของการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัด
อ.จีระ: ทั้ง 2 เรื่องเป็นเรื่องใหญ่ ต้องการให้มอ.เป็นผู้ดูแลเยียวยา 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้
กลุ่ม 1
1. Boutique Clinic
2. Public Nursery เนื่องจากสังคมปัจจุบันเป็นครอบครัวเดี่ยว ลุกไม่มีคนดูแล คนชราก็อยู่คนเดียว จึงมีแนวคิดสร้างศูนย์เด็กและคนชราร่วมกัน เพื่อให้คนชรามีความสุขมากขึ้น โรคภัยก็จะน้อยลง
อ.จีระ: ทั้ง 10 ข้อ มีประโยชน์และเกี่ยวข้องกับ 3V ทั้งสิ้น ระหว่าง 10 วันนี้ขอให้ตัดสินใจว่าจะเอาเรื่องไหน เพื่อให้มีการหาข้อมูลต่อไป
ทั้งหมดจะขอให้ทีมงาน และอาจารย์กิตติช่วยดูเรื่อง Research Methodology หลังจากนั้นขอให้ทุกกลุ่มทำ Research Proposal
การเรียนเรื่อง Personality and Social Skills Development ในวันนี้มีประโยชน์มากในการนำไปใช้ในชีวิตการทำงาน ที่ผ่านมาในบางครั้งยังมีการปฏิบัติหลายอย่างที่ีไม่ถูกต้อง และนำไปใช้ในการปรับปรุงตนเองในเรื่องของการใช้ชีวิตในสังคม ส่วนในเรื่อง Managing Self Performance ทำให้ได้มุมมองตนเองชัดขึ้น การมองตนเองที่ชัดเจนจะทำให้เราสามารถปรับทัศนคติในการมองคนอื่นได้ดีขึ้น ปรับโลกทัศน์ในการทำงานให้เป็นเรื่องการเข้าใจคนอื่นมากขึ้น
Personality and Social Skills Development ทำให้ สวย หล่อ อย่างมีคุณค่า คุณภาพ ค่ะ
Managing Self Performance ทำให้รู้ตนเองมากขึ้น มองปัญหาได้กว้างขึ้น และสามารถนำไปปรับใช้ได้ค่ะ .......ตอนแรก ยังงงๆ เข้าใจค่อนข้างยาก แต่การเรียน การสอน และมีรูปภาพประกอบทำให้เข้าใจง่ายขึ้น ส่วนหัวข้อวิจัยคิดว่าเราจะมาคุยกับทีมและอาจารย์ที่ปรึกษาอีกครั้ง
วันนี้ อ.จิระได้กล่าวถึงเราจะต้องรู้และติดตามสถานการณ์ภายนอกประเทศด้วย. เช่นขณะนี่ฮ่องกงเกิดการประท้วงรัฐบาลจีนด้วยเรื่องถ้าฮ่องกงจะเลือกผู้ว่าการฮ่องกงจะต้องส่งชื่อไปให้รัฐบาลจีนตรวจสอบก่อน. ซึ่งทำให้ประชาชนในฮ่องกงไม่พอใจ หากรัฐบาลจีนควบคุมการประท้วงไม่ได้หรือจัดการไม่ดีพออาจจะลุกลามถึงขนาดประเทศแตกเป็นหลายมณฑล. ซึ่งไทยจะมีผลกระทบในเรื่องเศรษกิจเพราะเราส่งออกไปจีนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเราต้องวิเคราะห์ถ้ามีผลกระทบกับเรา. เราจะเปลี่ยนอย่างไร ตั้งรับอย่างไร
03 ตุลาคม 2557
การพัฒนาภาวะผู้นำและการสร้างผู้นำรุ่นใหม่
โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
มุมมองการแก้ไขปัญหาของอาจารย์เก่งมากครับ อาจารย์ได้ยกตัวอย่างผู้นำจีน
ทั้ง 5 รุ่นซึ่งมีปัญหาที่ต้องแก้ไม่เหมือนกัน การเปลี่ยนแปลงของโลกที่ไม่อาจคาดเดาได้
ไม่สามารถป้องกันปัญหาอะไรได้มากนัก แต่การเตียมคนเตรียมผู้นำให้สามารถมองปัญหา
และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้เร็วน่าจะเป็นทางออกที่ดีและทำได้
วิชาที่ 4
หัวข้อ “Personality and Social Skills Development”
โดย อาจารย์นภัสวรรณ จิลลานนท์
อาจารย์สอนให้รู้จัก First Impression ซึ่งมันมีตัวประกอบอื่นหลายอย่างโดยเฉพาะ
เรื่องการแต่งกาย, มารยาททางสังคมที่ควรรู้, การเดิน, การนั่ง ซึ่งมีความจำเป็น
สำหรับการเข้าสังคม การต้อนรับผู้ใหญ่ ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน สำหรับหน่วยงานผม
มีการต้อนรับผู้มาดูงานบ่อย ผมจะนำไปประยุกต์ใช้ครับ
วิชาที่ 5
หัวข้อ “Managing Self Performance”
โดย อาจารย์อิทธิภัทร ภัทรเมฆานนท์
Concept Coaching เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริงๆ ครับ ต้องให้รู้อารมณ์ของตัวเอง,
หากพูดเรื่องปัญหาอย่างเดียวจะมีความเครียดมาก ต้องเปลี่ยนปัญหาเป็นคำถาม
การพยายามเข้าใจผู้อื่นก่อนนั้นเป็นเรื่องดีมากและทำยากจริงครับ แต่ถ้าทำได้ผม
คิดว่าเราจะเข้าใจลูกน้องและปรับจูนได้ดีกว่า
หัวข้อ “3 V’s and Mini Research for the Innovative Project”
โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
วันนี้ผมมีความเข้าใจ 3 V’s มากขึ้น การคิดหัวข้อ Mini Research ทั้ง 5 กลุ่ม 10 เรื่อง
โดนใจอาจารย์พอควรผมสบายใจขึ้นมากเลยครับ ผมกังวนกับค่าคาดหวังของอาจารย์
ซึ่งหมายถึงค่าคาดหวังของคณะฯด้วยครับ อะไรที่เราจะทำให้กับคณะฯได้ อะไรที่จะเป็น
ผลงานที่เป็นรูปธรรมที่คณะฯจะได้รับ พอเห็นแววเห็นช่องทางบ้าง ก็พอใจชื้นขึ้นบ้าง
แล้วครับ
วิชา Personality and Social Skills Development
คำแนะนำเรื่องบุคลิกภาพ
Tips การต้อนรับแขก
1. ความปลอดภัย
2. สะดวกสบาย
3. อัธยาศรัย ไมตรี
4. ระเบียบเรียบร้อย
5. ให้เกียรติ
คำแนะนำเรื่องทั่วไป
1. การขึ้นบันได ให้ผู้อาวุโส หรือ ผู้หญิง ขึ้นก่อนผู้ชาย แต่เวลาลงบันได ผู้ชายลงก่อน
2. กรณีเดินนำแขก เจ้าภาพต้องอยู่ด้านขวามือ
3. แขกคนสำคัญนั่งด้านขวามือของเจ้าภาพเสมอ
4. รดน้ำสังข์ แก่เจ้าสาวก่อน
การแต่งกาย
1. ผู้ที่ผิวคล้ำ ควรเลี่ยงสี เทา แดงก่ำ
2. การเลือกซื้อเสื้อเชิ้ต พิจารณาจาก ปกเสื้อ เป็นหลัก
3. ความยาวของเนคไท ปลายควรอยู่ที่บริเวณกลางเข็มขัด
4. ผู้หญิงที่สวมสูท ต้องสวมรองเท้าคัทชูปิดปลายเท้า
วิชา Managing Self Performance
1. เราต้องเป็นแบบตุ๊กตาล้มลุก ต้องมีลมเต็ม จะได้ล้มแล้วลุกได้
2. ควรเปลี่ยนปัญหาให้เป็นคำถาม
3. พูดกับลูก ต้องพูดในเชิงบวก/ในสิ่งที่เราอยากให้เป็น
วันนี้เป็นอีก หนึ่งวัน ที่สนุก และเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก มาก ได้อะไรๆที่ช่วย ค้นคว้าและรู้จักตัวเองภายใน เพื่อนำไปพัฒนาตนเองและเพื่อการเข้าใจผู้ร่วมงานอื่นๆอีกทั้งการปรับปรุงบุคลิกภาพ จาก อาจารย์ ณภัสวรรณ จิลลานนท์ โดย นักบริหารควรดูแลเรื่องบุคลิกภาพ เช่น ภาพลักษณ์ภายนอก( เสื้อ – ผ้า - หน้า - ผม) น้ำเสียง คำทักทายภาษากาย และ การแต่งกาย รวมถึงมารยาททางสังคม อื่นๆ
หัวข้อ “Managing SelfPerformance” อาจารย์อิทธิภัทร ภัทรเมฆานนท์
ใน เรื่องการบริหารจัดการตัวเอง มีสิ่งสำคัญคือต้องให้รู้อารมณ์ของตัวเอง แล้เมื่อเกิดความขัดแย้งในทีมวิธีการคือ อย่าพูดเรื่องปัญหาอย่างเดียวเนื่องจาก สถานการณ์จะมีความเครียดมาก ต้องเปลี่ยนปัญหาเป็นคำถาม เพื่อให้สถานการณ์ เปลี่ยน เป็นการช่วยกันคิดแก้ปัญหา
Personality and Social Skills Development อ.ณภัสวรรณ จิลลานนท์ ได้รับการบอกต่อมาตั่งแต่รุ่น1 ต้องบอกว่า ยอดเยี่ยมมากค่ะ วันนี้ได้เพิ่มเติมการใส่ใจในบุคลิกภาพเกล็ดเล็กเกล็ดน้อย โดยไม่มีข้ออ้างเรื่องเวลา ฯลฯ เรียนรู้มารยาททางสังคม ...มาดดีมีชัยไปกว่าครึ่ง มาดดีของสาวๆอยู่ที่รองเท้าส้นสูง มาดดีของหนุ่มๆอยู่ที่สูท
Managing Self Performance
อาจารย์อิทธิภัทร ภัทรเมฆานนท์ ก็ได้เรียนรู้การตระหนักรู้ตนเองอย่างแท้จริง และผู้อื่น เปลี่ยนปัญหาให้เป็นเป้าหมาย การcoachโดยการใช้การตั้งคำถามดีกว่าการตำหนิ ให้เวลาในการรอคอยคำตอบ และไม่มีคำว่ายาก มีแต่คำว่าไม่คุ้นเคย ...ปรับเปลี่ยนการcoachแบบเดิมๆ ขอบคุณอาจารย์ จะนำไปปรับใช้ค่ะ
3V's and Mini Research for the Innovative Project
ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล
ทึ่งค่ะ...ได้หัวข้อวิจัย 10ข้อใน5กลุ่ม
วันนี้เป้นอีกวันที่ได้เรียนรู้สิ่งภายในตัว (จิตใจและการรับรู้) และใกล้ตัว (การปฏิบัติและพฤติกรรม) ที่เราอาจจะยังไม่เข้าใจหรือไม่ได้นำมาคิดมาก่อน ทั้งในด้านความรู้สึกนึกคิดและจิตใจซึ่งเป็นนามธรรมที่มีความอ่อนไหวเปลี่ยนไปได้ตามกาลเวลาหรือกาละเทศะ ประเด็นวันนี้สามารถต่อยอดสู่บทเรียน mindset เมื่อวานได้ แต่ยังคงต้องศึกษาและเรียนรู้ต่อไป
วันที่ 2 ของการเรียนรู้ วันนี้รู้สึกดีมากๆเลยค่ะ
ตอนเช้า ท่าน อ.จีระได้เปิดโลกทัศน์ให้ได้เรียนรู้ภาวะผู้นำของประเทศจีนซึ่งอาจจะต้องมามองต่อในระบบการพัฒนาและสร้างผู้นำองค์กรในคณะแพทย์ ที่มีจุดแข็งอยู่หลายด้าน ต่อมาหัวข้อ Personality and Social Skills Development โดยอาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์ วิทยากรมืออาชีพผู้งามสง่า ได้ถ่ายทอดวิทยายุทธมากมาย ที่ประทับใจคือการสร้าง First Impression ต่อผู้รับบริการ การวางตัวให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์นับว่าได้ประโยขน์มากทีเดียว ทั้งสนุก ประทับใจ และใช้ได้จริง ช่วงบ่ายคาดว่าจะต้องง่วงแน่ๆ แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ หัวข้อ Managing self performance ที่อาจารย์อิทธิภัทร ด้วยความเชื่อที่ว่าแค่ imageไว้ แม้ยังไม่ได้ทำ วิธีการก็จะสามารถเกิดขึ้นได้ ให้มองเห็นศักยภาพของตนเอง แรงบันดาลใจพัฒนาcompetency ได้ ได้หลักการทำงานเปลี่ยนปัญหาให้เป็นคำถาม ถ้าทำได้คิดว่าดีมากๆ ในเบื้องต้นสามารถปรับใช้ในครอบครัวและที่ทำงานได้เลย ช่วงท้ายของวันนี้ได้ระดมสมอง คิดหัวข้อวิจัยกลุ่มละ 2ข้อ แต่ละกลุ่มคิดใหญ่ ฝันใหญ่ เพื่อคณะแพทย์ของเรา เสียงปรบมือและคำชมจากอาจารย์จะเป็นกำลังใจให้พวกเราสานฝันต่อไป เป็นกำลังให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
จากเมื่อวานสู่วันนี้ ได้เรียนหลายสิ่งหลายอย่างที่เราเคยได้ยินเมื่อก้าวเข้ามารับงานหัวหน้างาน แต่เราก้อยังไม่เคยมีโอกาสได้เรียนรู้คำต่างๆ เรื่องราวต่างๆ ประสบการณ์จากอาจารย์หลายๆท่านที่ได้มา Share ทำให้เราได้Learn นอกจากนี้เราเองก็ต้อง Share Learn &Careด้วย อีกทั้งต้องปรับ Mindset ของตัวเองเพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ในวันต่อๆไป ขอบคุณทางคณะและอาจารย์ทุกท่านที่ทำให้ได้มีโอกาสในการเข้าอบรมครั้งนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ
ช่วงเช้าครูใหญ่กระตุ้นให้พวกเราแสดงความคิดเห็นทางblogให้มากขึ้น รวมทั้งใช้เป็นช่องทางในการlearn/share/care และย้ำเรื่องทฤษฎี3VโดยเฉพาะVตัวที่3ที่คณะเราต้องขยายให้มากขึ้น ตัวอย่างชวนคิดเช่น เราได้รางวัลPMQAมาแล้วจะต่อยอดอย่างไร
ส่วนหัวข้อของอจ.น้อย สนุกสนานมีสาระและนำมาใช้กับชีวิตจริงได้เลยค่ะ เป็นบทพิสูจน์ว่าfirst impressionที่มีต่ออจ.มีผลต่อการเรียนรู้ของพวกเราจริงๆ ที่สำคัญอจ.มีรอยยิ้มตลอดเวลา เหมือนสอนโดยอวัจนภาษาค่ะ ช่วงบ่ายอจ.อิทธิภัทรมาแนะนำconcept coaching ถูกใจมากมาก มองบวก ปรับปัญหา เป็นเปิดาสให้แสดงความคิดเห็น ก็สามารถได้ทั้งใจได้ทั้งงาน
ท้ายสุดช่วงpresent หัวข้อวิจัย ทำให้มองเห็นทฤษฎี3Vชัดเจนขึ้นค่ะ ขอบคุณครูใหญ่ ทีมงาน และพีๆเพื่อนๆน้องๆทุกท่านค่ะ
วันนี้เป็นอีกวันที่สนุกและมีความสุขมากที่ได้เรียนรู้ในเรื่่่่่่่่องต่างๆเพิ่มขึ้นอีก
ในช่วงแรก ท่านอาจารย์จีระ ได้ให้เรียนรู้ภาวะผู้นำ โดยยกตัวอย่างผู้นำจีนในแต่ละรุ่น ทั้งหมด 5 รุ่น ซึ่งจะทำให้เรียนรู้ถึงการเปลียนแปลงไปในกระแสโลกาภิวัฒน์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเชื่อมโยงกันทางเทคโนโลยี การเงิน เศษรฐกิจ ทำอย่างไรใหสมดุลกันกับโลกภายนอก
วิชาที่ 4 หัวข้อ " Personality and Social Skills Development" โดยอาจารย์ ณภัสวรรณ จิลลลนนท์
ทำให้ตัวเองได้เรียนรู้เกี่ยวกับ " ภาพลักษณ์ภายนอก " ว่าเราต้องแต่งกายอย่างไร เสื้อผ้า หน้าผม รวมไปถึงเครื่องใช้ที่ใช้อย่างไรให้เกิดความประทับในเมื่อแรกพบ ตลอดจนได้เรียนรู้มารยาททางสังคมไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าอิริยาบถ ท่านั่ง การไหว้ การกล่าวทักทาย โดยอาจารย์ได้ให้ Trick ไว้ 5 ข้อ คือ
1.ความปลอดภัย
2.ความสะดวกสบาย
3.อัธยาศัยไมตรี
4.ความมีระเบียบเรียบร้อย
5.การให้เกียรติ
วิชาที่ 5 หัวข้อ " Managing Self Performance " โดยอาจารย์ อิทธิภัทร ภัทรเมฆานนท์ "
ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสื่อสารกับตนเองภายใน ก่อนที่จะไปสื่อสารกับคนอื่น เข้าใจคนอื่น
เรียนรู้การเปลี่ยนปัญหาให้เป็นคำถาม
เรียนรู้ 3 Verbs Concepts that drives Human Life ที่ช่วยให้เรารู้จักตนเอง และเข้าใจคนอื่นมากขึ้น
จะได้นำสิ่งที่ได้รับในวันนี้ไปปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
วิชาที่ 6 หัวข้อ " 3V's and Mini Research for the Innovative Project "
โดยอาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์ ทำให้ตัวเองได้เข้าใจการทำวิจัยมากขึ้น เพราะโดยส่วนตัวแล้วคิดว่ายากเนื่องจากถูกกดดันให้ทำเพื่อขอตำแหน่งชำนาญการพิเศษด้วย พอได้ฟังอาจารย์พูดแล้วก็ทำให้ตัวเองเข้าใจขึ้นและจะได้นำเอาประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนีัไปพัฒนาตัวเองให้กล้าที่จะทำให้สำเร็จให้ได้และสามารนำไปต่อยอดได้
วันแรกก็สาย เพราะไม่ทราบว่าจะได้อบรม จึงไม่ได้วางแผน และมอบหมายงานล่วงหน้าให้ผู้ร่วมงานทำแทน จึงขาด1หัวข้อ ปฐมนิเทศน์
วันนี้ เป็นวันที่ 2 รู้สึกเสียใจและเสียดายที่ไม่ได้เข้ามาเรื่อง การพัฒนาภาวะผู้นำและการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เนื่องจากลูกสาวไม่สบาย เป็นไข้ งอแงจะไม่ยอมไปโรงเรียน คุณสามีบอกว่า พ่ออยากให้แม่หยุดงานเพื่อดูแลลูก ลูกสำคัญที่สุด (มีลูกยาก ได้ลูกเมื่อสูงวัย ลูก 3 ขวบกว่า) พ่ออยากให้แม่เลือกลูกก่อน เราก็ได้แต่นิ่ง แล้วพูดไปว่า แม่ไม่เลือก เพราะแม่เลือกไม่ได้ ในฐานะที่แม่ทำงานในรพ. แม่ดูอาการลูกแล้วว่า กินยาพาราแล้วก็น่าจะลด คงไม่เป็นไรมากหรอกนะ แม่จะโทรเช็คอาการลูกกับครูแล้วกันนะ แม่สัญญา แล้วก็หันกลับมาถามต่อว่า ทำไมกระตืนรือร้นนัก ทำไม? เมื่อวานอ.สอนว่า ความเชื่อว่า ทำได้ ไม่มีอะไรทำไม่ได้ ให้เรามี Positive Thinking ในทุกสถานการณ์ แม่เห็นหน้า ศ.ดร.จีระ แล้วระลึกถึง อ.ธาดา, อ.เกษม อ.อารักษ์และอ.ท่านอื่น ๆ ที่จากไป เมื่อมีชีวิตเราได้แต่ยกมือไหว้เมื่อเวลาท่านเดินผ่านมา ถามทุกข์สุขไม่เกิน 5 นาที เราไม่ได้ล้วงตับของท่านมาประดับความรู้ใส่ตัวเราเลยทั้งที่ท่านจะ Happy มากๆ หากเรามีคำถามไปถามท่าน ทุนโอกาส ของแม่ลดลงไป และสิ่งที่แม่สัมผัสได้ คือความเป็นครู ผู้ให้ จากอาจารย์ท่านเหล่านี้ แม่ไม่อยากพลาดไป อีกอย่างกลุ่มแม่ ไม่มีหมอเป็นสมาชิกกลุ่ม ความรู้เราก็เท่าหางอึ่่ง จะไปสู้กลุ่มอื่น ๆ เขาได้ไหมหนอ แล้วก็บ่นกะ
อาจารย์สุรพงษ์ว่า กังวลที่ไม่มีหมอในกลุ่ม เหมือนไม่มีเสาหลัก แล้วยิ่งไปดูรุ่นที่ 1 มีแต่หมอคนเก่ง พยาบาลผู้เชี่ยวชาญ คนเด่นๆ ดัง ๆ ของคณะฯ อยู่ที่นั่นหมด เราจะไปรอดไหมนี่่
พออาจารย์ให้ตั้งหัวข้อ ระลึกถึงอาจารย์ท่านเหล่านั้น ว่า ถ้าในคณะแพทย์เรามีหรือสร้างอาจารย์แพทย์ที่มีความเป็นครู ผู้ให้ Role Model บวกกับ Mindset ในความเป็นลูกพระราชบิดา แพทย์ตัวอย่างดีเด่น และองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เกื้อหนุนให้เป็นแพทย์ที่มีความเก่ง ความดี ความเป็นเลิศในวิชาชีพทุกสาขา และมี Brand name เป็น Med PSU การันตี ความคิดจึงนำไปสู่หัวข้อวิจัย โรงเรียนแพทย์ชั้นเลิศสู่นานาชาติ งานวิจัยชิ้นนี้ เราจะใช้ทุนมนุษย์ที่อาจารย์มีให้ที่เรียนมาเมื่อวาน เอามาเป็นส่วนสำคัญ
ในการที่จะผลิตแพทย์(รายบุคคล)ให้มีความสมบูรณ์ ทั้งสภาวะร่างกาย จิตใจและอารมณ์
สิ่งที่ได้ในวันนี้ และประทับใจคือการได้ดูวิดีโอ การเผชิญหน้ากับความกลัว จึงได้รู้ว่า เราสร้างความกลัวเหมือนกับการตั้งเขี่อนกั้นความสำเร็จของเราเอง จึงสั่งจิตใต้สำนึกของตนเองและส่งจิตไปว่า ต้องสู้เท่านั้นถึงจะชนะนะคะ พี่น้องกลุ่ม 3
วันนี้ ก็รอดไปได้อีกหนึ่งวัน
Today,in the morning, I learnt about how to correct and improve my appearances and personality such as how to dress, how to walk, how to sit, how to take care people etc. There are tips that you should concern when you doubt about how to deal with other people. They are safety, convenience, hospitable, oder and honor.
In the afternoon, I learnt about managing self performance. Everyone has his/her abitlity to pull out the performance and can improve it. I was asked to write some inner good thing about myself that I see and other people see.Furthermore, there was an activity that make I to connect my story with the pictures that I picked up. This make I learnt to deal with the problem and solve it with my experience. There are 3 verbs that drive our life; be, do and have.
Last, I have join the group to think about the topics that we have to raise for our group's mini research. We raised 2 topics, one is about the orthopedic innovation and another is the good health program.
สองวันที่ผ่านมาได้เรียนรู้มาก วันแรก รู้เข้าใจ ทษ.การเรียนรู้ของอ.จีระะ (ได้ยินพี่รุ่น 1 พูด 8K 5K 3V เอ๊ะในใจคืออะไร) ได้ยินชื่อเสียงของอ.จีระแต่ไม่เคยเปิด Blog ของอาจารย์ เรียนรู้ Mindset การทำงานในยุคทีโลกมีการเปลี่ยนแปลงของ
เข้าใจ 3V มากขึ้น เข้าใจที่อาจารย์ชี้แนะเกี่ยวกับ Mini Research ซึ่งมีเวลาจำกัด
วันที่สองของการอบรมค่อยรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น มีการพูดคุยกับสมาชิกในกลุ่มมากขึ้น กิจกรรมการเรียนรู้ก็สนุกสนาน ได้หัวเราะโดยเฉพาะในช่วงเช้า ได้เรียนรู้การแต่งกาย การวางตัว ซึ่งเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ส่วนช่วงบ่ายของ อ.อิทธิภัทร ได้รู้ว่าอุปนิสัยเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต คนเราจะประสบความสำเร็จได้ต้องมีความมุ่งมั่น
วิชาที่ 6 หัวข้อ 3 V’s and Mini Research ได้เรียนรู้ถึงขั้นตอนการทำ Research การเลือกหัวข้อที่จะทำ โดยส่วนตัวถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่แปลกใหม่ ท้าทาย เนื่องจากเป็นคนอ่อนประสบการณ์ ต้องอาศัยพี่ ๆ ในกลุ่มช่วยชี้แนะอย่างมาก
ในการเรียนวันที่สอง เป็นการเรียนเพื่อมาใช้กับตัวเองจริงๆ อาจารย์น้อยทำให้เราเห็นว่าบุคลิกภาพที่ดีเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคน เมื่อคนชื่นชอบและชื่นชมในบุคลิกภาพที่ดีของเรา เราจะมีความสุขนั่นคือสิ่งแรกที่เราได้รับการเพิ่มคุณค่า จากภายนอกเข้าสู่ภายในในภาคบ่าย ชอบมากการได้สำรวจและทำความรู้จักตัวเอง พวกเราชาวคณะแพทย์ส่วนใหญ่ DO ..DO..DO...&DO จริงๆทำแต่งานจนไม่มองรอบข้างแม่กระทั่งตัวเอง การปฏิสัมพันธ์ระหว่างคน หน่วยงานยังมีน้อยมากมีแต่กลุ่มเล็กๆ การ. Workshop ทำให้เราได้มองเห็นตัวเองในมุมบวกและลบ และเห็นจุดของการพัฒนาตัวเองและหน่วยงานได้จะนำไปปฏิบัติให้เก็นเป็นรูปธรรม นะคะ ช่วงของอ.จิระ ทำให้เห็นว่าวิจัยไม่ยากอย่างที่เป็นมาอันนี้จากการแสดงออกของอาจารย์นะคะ กระตุ้นเราว่าคุณทำได้ คุณทำได้ ตอนฟังฮึกเหิมดีค่ะแต่พอคิดหัวข้อยังไม่มั่นใจตัวเองเท่าไหร่ ธรรมดานะคะที่เราจะกังวลงานที่เราคิดว่ายากและต้องขึ้นอยู่กับอะไรหลายๆอย่างที่จะทำให้สำเร็จแต่จะลองดูค่ะวันนี้ก็ยังเป็นอีกวันที่ยังสนุกกับการเรียนขอบคุณอาจารย์ทุกท่านค่ะ
จากการได้เข้าอบรมวันที่2ได้เรียนรู้เรื่องบุคลิกภาพ การวางตัวในสังคมอย่างถูกต้อง และการสร้างความประทับใจในครั้งแรก และช่วงบ่ายได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากอาจารย์ซึ่งสามารถทำให้ได้รู้จักตัวเองและเพื่อนๆในกลุ่มมากยิ่งขึ้น สนุกสนานและทับใจมากค่ะ
เข้ามาทักทายยามเช้าค่ะ ขอให้เรียนสนุกมีความสุขกับการเรียนนะคะ
การเรียนรู้ในวันที่สอง ทำให้ได้เรียนรู้มารยาททางสังคม ที่ในชีวิตประจำวันเราอาจจะได้ละเลยไป การเรียนรู้ที่จะรู้จักตนเอง รวมทั้งได้ปัญหาวิจัย ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้น Mini Research ต่อไป
วันที่ 2ของการเรียนรู้ สนุกมากค่ะ เริ่มตั้งแต่อาจารย์น้อยผู้หญิงที่มั่นใจ ไม่เคยหยุดสวย เป็นไอดอลของผู้หญิงหลายคน ช่วยแนะนำการปรับบุคลิกและการวางตัวที่เหมาะสมกับการเป็นผู้บริหารยุคใหม่
ช่วงบ่ายได้มีการปรับการมองสะท้อนให้รู้จักตนเอง เพื่อเรียนรู้ผู้อื่นได้ดีมากขึ้น
ถึง PSU MED 2
1. ฝากความคิดถึงทุกๆคนในวันที่ 3
2. ขอให้คิดและส่ง Blog ว่า 3 วันได้อะไรในแต่ละวัน เชื่อมโยงกันอย่างไร
3. เมื่อครบ 3 วัน เรื่อง Research จะมีแนวอย่างไร
4. สนุกกับการทำ Book Review และ Share ระหว่างกลุ่ม เพราะหนังสือเล่มนี้กระเด้งได้เยอะ
5. ขอบคุณสำหรับ Blog ไปได้ดีครับ ต้องส่งทุกๆช่วง
6. อ่านบทความแนวหน้า ผมด้วยมีรูปของ PSU MED ตามลิงค์นี้ครับ http://www.naewna.com/politic/columnist/14747
ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
วันที่สองของหลักสูตร
**Personality and Social Skills Development **โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์...
ให้เรามองที่ตัวเราก่อน..พัฒนา ดูแลตนเองก่อนที่จะไปพัฒนาดูแลผู้อื่น..ในทุกๆด้านทั้งความรู้วิชาการ สุขภาพ บุคลิกภาพ...ซึ่งสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน การทำงาน ใช้สอนแนะนำ คนในครอบครัว ผู้ร่วมงาน เป็นส่วนช่วยในการพัฒนา Human Capital ได้เป็นอย่างดี. หากบุคลากรของคณะแพทย์ ทุกคนได้รับการพัฒนาด้านนี้และนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง..ซึ่งเชื่อได้ว่า world class ถึงแน่
**Managing Self Performance **
โดยอ.อิทธิภัทร ภัทรเมฆานนท์
...เราต้องOut the boxบ้าง ต้องเป็นตุ๊กตาล้มลุกที่มีลมเต็ม เพื่อดึง competency จาก inner ออกมา
..อย่าพูดในสิ่งที่ไม่ต้องการ เหมือนการสั่งจิตให้คิดพูดทำแต่สิ่งดีๆ
..การcoaching เราต้องเปลี่ยนประโยคที่เป็นปัญหาให้เป็นประโยคคำถาม..ให้มีความเชื่อว่าเรากำหนดชะตาชีวิตเราได้..
...จุดเริ่มต้นของความสำเร็จอยู่ที่ความเชื่อ..
**3Vs and mini Research for the Innovative Project**
ได้ร่วมฝึก คิดโจทย์วิจัย ซึ่งทั้ง10เรื่อง เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก..ซึ่งกลุ่มต้องสานต่อ..ต่อไป
..ขอบคุณท่านอาจารย์ทุกท่าน มากๆค่ะ
สรุปการบรรยาย
หัวข้อ “การพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน”
โดย อาจารย์ชเนฎฐวัลลภ ณ ขุมทอง
วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557
มองการแพทย์แบบเป็นเศรษฐศาสตร์ เพราะชาวบ้านเวลารักษา ต้องคำนึงเสมอว่ามีเงินพอหรือไม่ ไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพมากนัก แต่ในทางกลับกันแพทย์มักจะอยากรักษาให้คนไข้หาย
Workshop
ท่านจะทำให้คณะแพทย์ มอ. มีความแตกต่าง จากที่อื่นอย่างไร (มีจุดเด่นอะไร)
กลุ่ม 3
เราแน่มาก !!!พร้อมที่จะบริการผู้ป่วย เป็นศูนย์ X-Ray มีการส่งนศ.แพทย์ไปเรียนตามที่ต่างๆ เราแน่มาก เป็นคำแทน การรักษาผู้ป่วยให้ได้ผล สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ป่วย เป็น Standard care
อาจารย์ชเนฎฐวัลลภ: เราต้องสามารถยืนยันได้
เมื่อได้ผลแล้ว ต้องอนุญาตให้คนไข้ท้าทายได้ แต่ระบบประเทศไทยไม่อนุญาตให้ทำ
ต้องคำนึงว่าคนอื่นมองมาที่เราอย่างไร ทุนมนุษย์ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ เป็นความหลากหลายมีหลายประเด็น
กลุ่ม 2 Service mind Smart & Health Tourism
สมาชิกในกลุ่มส่วนใหญ่เป็นพยาบาล มีฝ่าย IT จะเห็นวิธีคิดว่าคนกลุ่มไหนคิดอย่างไร มองว่าถ้าเอาการบริการเป็นตัวนำ ถ้าเป็นสิงค์โปร์จะเด่นเรื่องเทคโนโลยีการรักษา ซึ่งเราไม่ได้ แต่ประเทศไทยเน้นเรื่องการบริการ มีรอยยิ้ม ต่างชาติประทับใจ และสู้เราไม่ได้
ความเก่งของคณะแพทย์ มอ. ถือว่าในภูมิภาคใต้ เราเก่งที่สุด เครื่องมือทันสมัย
Health Tourismจุดขายที่เชื่อมโยงกับสังคมรอบๆข้างเรา เช่น วัด สปา ซึ่งเข้ากลุ่มที่ว่านี้แพร่หลายตามวิถีชาวบ้าน ซึ่งเชื่อว่าจะสู้กับคนในภูมิภาคนี้ได้แน่นอน
อาจารย์ชเนฎฐวัลลภ: มุมมองจะมองทางฝั่งบริการ ไม่ได้ออกมว่าเราให้อะไร ส่วนใหญ่จะเน้นคุณภาพ ซึ่งจะมีประโยชน์ไปยังผู้บริโภค ซึ่งเป็นการเน้นที่ช่วยเสริมกลุ่มแรกด้วย ขอท้าทายกลุ่มนี้ว่า
โรงเรียนแพทย์ของกรุงเทพ มีความอหังกาค่อนข้างมาก ขณะนี้โลกเจริญมากจนต้องยอมรับว่าตามไม่ทัน แต่ต้องคำนึงว่าทำอย่างไรถึงจะดึงจุดแข็งของตัวเองออกมาได้
ความคิดเห็นจากกลุ่มอื่น: ควรให้กลุ่ม 2 และ กลุ่ม 3 มารวมกัน และเน้นจุดขายของทรัพยากรธรรมชาติของภาคใต้ที่จะเน้นการท่องเที่ยวได้
กลุ่ม 4 Quality Come First
เป็นรร.แพทย์แห่งแรกที่ได้ TQC และนำมาด้วยคุณภาพตลอด มีคุณค่ามาก แตกต่างจากรพ.อื่นด้วยคำว่ามีคุณภาพ
อาจารย์ชเนฎฐวัลลภ: ประเด็นคือ ทำให้ยั่งยืนได้หรือไม่ ในการรับรองมาตรฐานต่างๆ ต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครทราบ อย่างประเทศอเมริกาตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นประเทศที่เป็นที่ 1 ของโลกอีกต่อไป
แพทย์รามา และศิริราช ก็มีปัญหาเรื่องคุณภาพที่หนักมากๆ เพราะต้องสู้กับรพ. กรุงเทพ
รพ.รามา มีการใช้จิตอาสา ร้องเพลง ให้คนไข้ฟัง
กลุ่ม 1 PSU Hospital Tourism
นึกถึงแบรนด์อะไรที่จะนึกถึง PSU คือ ต้องเห็นประโยชน์ส่วนรวม
Specialist ด้านวิชาการ วิจัย นวัตกรรมต่างที่ได้รับรางวัล งานโภชนาการได้รับการผ่านระบบ GMP HACC ขององค์การอาหาร สิ่งที่เหนือกว่าคือ การที่ได้รับรางวัล และงานวิจัยที่นำเสนอ เช่น การดูแลผู้ป่วยอ้วนกลุ่มเด็ก มะเร็ง
เรื่องเครือข่าย เรามองไปถึงเครือข่ายระดับภูมิภาค ซึ่งหากใครมาดูงานก็มดูงานที่เชี่ยวชาญได้หลายทางมาก
ความคิดเห็นกลุ่มอื่น
ผ่านไปแล้ว 4 กลุ่ม มองไปยังเชิงรุก และเชิงรับ มองไปถึงการให้บริการที่มีคุณภาพ แบรนด์ที่จะบอกคณะแพทย์ มอ. ชาวบ้านจะนึกว่ามาที่นี่หายแน่ๆ
อาจารย์ชเนฎฐวัลลภ: คณะแพทย์มอ. เด่นเรื่องบริการ และใกล้ชุมชน แต่ทางฝั่งผู้บริโภค และผู้ให้บริการ เราต้องทำให้เราเป็นชุมทาง และทำให้เป็นจุดเด่น
สังคม เครือข่าย บริการ เป็น 3 คำที่สำคัญมาก
เมื่อพูดถึงการบริการเชิงท่องเที่ยว รพ.กรุงเทพ บำรุงราษฎร์ เน้นกลุ่มผู้บริโภคระดับสูง คืนละ 150,000 บาท ในลักษณะเป็นอาคารชุด เพราะเน้นกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลาง ซึ่งจะมาทั้งครอบครัว ซึ่งเป็นวิถีชีวิต และไม่ต่างกับลูกค้าในประเทศไทย
กลุ่ม 5 Hope Heart Health
เน้นเรื่อง Medical Education PBL+SDL+CPIRD ไปยังการให้บริการ ที่มี Tertiary Excellence และ South โยงไปยังการทำวิจัย ด้าน Clinical Public Health และ International โดยมีเป้าหมายไปที่ 3H Holistic คือ Hope Heart Health
อาจารย์ชเนฎฐวัลลภ: ไม่มจำเป็นต้องอาศัยงบประมาณรัฐ ควรเน้นเรื่องสังคมเครือข่ายชุมชน หากขายของปานกลางจะขายได้เยอะ แต่ถ้าขายของหรูจะขายได้น้อย
หน้าปกของหนังสือนิตยสาร The Economist แสดงให้เห็นถึง The shape of things to come เห็นว่าคนอ้วนขึ้นเรื่อยๆ ประกอบไปด้วย
Health
Medicine
Science
Society
Politics
Culture
Technology
Economy
Biosphere
คำขวัญสุขภาพองค์การอนามัยโลกปี 2000 คือ สุขภาพดีถ้วนหน้าปี 2000 แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ดีขึ้น Well being เราไม่ได้ต้องการถึงขนาดไม่มีโรคเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้
คำถาม หากมนุษย์ไม่เจ็บไม่ปวดเลยดีหรือไม่
ตอบ การเจ็บปวด ในทางการแพทย์ถือว่าดี เพราะเป็นสัญญาณเตือนของร่างกาย เหมือนกับการเหงื่อออก เป็นการระบายความร้อน
ระบบในร่างกาย
หน้าที่ของเราคือการบริหาร Health Biosphere
1. Health risk การบริหารภาวะเสี่ยงต่อการแพทย์
- เรื่องสิ่งแวดล้อม
ถ้ารร.แพทย์ เน้นการบริหารความเสี่ยงต่อชุมชนของคนในพื้นที่นี้จะเป็นจุดเด่น โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรที่แพง ซึ่งจะช่วยแพทย์มาก
ในทางกฎหมาย มีคดีศาลมากมาย ซึ่งเป็นคดีที่ไม่มีความหมาย ทำให้ระบบกฎหมายและระบบยุติธรรมมีภาระมากเกินความจำเป็น
ระบบ Common law ระบบกฎหมายที่ไม่มีรัฐธรรมนูญ และอีกระบบคือระบบกฎหมายที่มีรัฐธรรมนูญ ประเทศไทยเป็นระบบมีรัฐธรรมนูญ โดยมีคำพิพากษาศาลเป็นตัวกำหนด
ระบบบริการสุขภาพ ไม่ต้องหวังว่าจะต้องมีระบบที่ดีเลิศ ขณะนี้มีระบบสุขภาพที่หลายประเทศทึ่งมาก องค์การอนามัยโลกชื่นชมไทยว่าดีเยี่ยม ประเทศอื่นพยายามทำ UC
แต่ผมเห็นว่าระบบการคลังของสาธารณะสุขไทย อีก 20 ปี น่าจะไปไม่รอด เพราะล้มละลายแน่ๆ เพราะ ในสมัยของผมไม่มีระบบสุขภาพถ้วนหน้า เมื่อก่อนหากใครเจ็บป่วยก็ล้มละลาย ไม่มีเงินจ่าย
DRG เป็นการจ่ายเงินตามกลุ่มโรค โดยนับเป็นแต้ม ซึ่งเป็นกลไกของการตั้งราสุขภาพ จ่ายค่ายา ค่าทดลอง มองโรคทังหมด ทอนเป็นไม่กี่กระบวนการของการรักษา เกิดจากการทำวิจัย
อุปสรรค คือ มีค่าใช้จ่ายแฝง เลยทำให้ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าความเป็นจริง รัฐบาลทำเป็นประชานิยม เหมือนการทำการจำนำข้าว เรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคไม่ควรทำ เพราะไม่ได้มองสำหรับ คนที่สามารถจ่ายได้ ไม่มีช่วยเหลือกันในระบบ
ระบบสุขภาพที่ดีที่สุด ตอบได้เลยว่าไม่มีระบบที่ดีที่สุด แต่มีเพียงระบบที่เหมาะสมกับบริบทต่างๆของท่าน
ความคิดเห็น
1. ก่อนที่มีนโยบายอะไรก็ตาม ก็ต้องมีการสร้างความเข้าใจร่วมกัน คือ Universal Cooperate สิ่งสำคัญก่อนนำไปใช้ต้องให้ประชาชนเข้าใจระบบด้วย ไม่มีระบบอะไรที่นำมาใช้ได้ หากไม่ดูบริบทของเรา
อาจารย์ชเนฎฐวัลลภ: สิ่งที่ไม่พอใจนักศึกษาไทย คือ มักจะถามว่าตอนตอบข้อสอบจะตอบอย่างไร หากไม่มีระบบที่แน่นอน
เวลาไปประชุม World bank อะไรที่ดีที่สุดของไทย คืออะไร ผมตอบไม่ได้ เพราะมันไม่มี มีแต่เหมาะสมสำหรับสถานการณ์
2. อาจารย์จีระเดช : ขอย้อนกลับไปก่อนการมีการแพทย์ ซึ่งมีการพึ่งตนเอง ต่อมามีการแพทย์ เราต้องมองตัวเอง ว่าอยู่ตรงไหน แต่มักจะรับความรู้ที่ฝรั่งเอามาให้ตลอด คนไทยเชื่อตามกระแส ไม่มีการประยุกต์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความไม่พร้อมต่อการเรียนรู้ ขอให้มองเรื่องความตระหนักของวิถีของเรา ต้องมีการคิด และวางแผน
วันที่ 3/10/57 ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง พัฒนาบุคลิกภาพ สิ่งที่คิดว่ารู้ดีแล้ว ก็ไม่ใช่ ได้เรียนรู้มากขึ้น ทำให้พัฒนาติวเองได้ดีขึ้น
เพิ่มเติมเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรมากขึ้น สามารถแนะนำผู้อื่นได้
สรุปการบรรยาย
หัวข้อ “กรณีศึกษาด้านการวิจัยและพัฒนา.. และการพัฒนางานของคณะแพทย์ มอ.”
โดย อาจารย์ชเนฎฐวัลลภ ณ ขุมทอง
น.ท.นพ.จักรพงศ์ ไพบูลย์
พญ.ใจทิพย์ ไพบูลย์
นายวีระศักดิ์ ไม้วัฒนา
ร่วมวิเคราะห์และดำเนินการอภิปรายโดย คุณพิชญ์ภูรี จันทรกมล
วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2557
คุณพิชญ์ภูรี จันทรกมล : ความท้าทายที่มาจากรุ่นที่ 1 คืองานวิจัย ในเรื่องของมอ. คณะ วิทยาศาสตร์เคยคิดครีมหน้าเด้งที่ทำจากยางพารา ซึ่งตอบโจทย์สังคมเพราะใช้ทรัพยากรทางภาคใต้ ทางการแพทย์มีการผ่าตัดนิ้วล็อคภายใน 1 นาที และมีการทำผิวหนังเทียมจากยางพารา วิทยากรทั้ง 3 ท่านช่วยเสริมเรื่อง Mini research ได้ดีมาก
อาจารย์ชเนฎฐวัลลภ ณ ขุมทอง: เรื่องงานวิจัยต้องดูแนวโน้มทางด้านสาธารณะสุขมี 3 ทิศทาง ซึ่งสอดคล้องกับระบบสุขภาพ ลักษณะแรก คือ Customize ขึ้นกับความพอใจของแต่ละบุคคล เป็นกระบวนการให้ความงา ซึ่งเป็นปัจเจกบุคคล ประชาชนเริ่มมีฐานะทางเศรษฐกิจดีขึ้น อะไรที่ไปเสริมให้ปัจเจกบุคคลพัฒนาในแนวที่ต้องการ
เรื่อง Customization เป็นแนวแรก แนวที่สองคือ ชุมชน คือใช้ตัวแปรของชุมชนตอบสนองมากขึ้น สังคมเริ่มแตกตัวมีความเป็นสามัญมาก มีความเป็นภูมิภาค ชาติพันธุ์มากขึ้น ตอนหลังจากพัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้ลักษณะเฉพาะของแต่ละชาติพันธุ์สูงขึ้น ประเทศเริ่มแตกตัวมาก ยูเครนปัจจุบันก็เริ่มแตก ตะวันออกกลางไม่มีอิรัก อิหร่าน กลายเป็น Isis ซุนนี
ในแง่ของระบบสุขภาพก็จะมีเช่นนี้ซึ่งต้องสอดคล้องกับชุมชน ชาติพันธุ์มากขึ้น ซึ่งคณะแพทย์มอ. ต้องพิจารณาในเรื่องนี้ ซึ่งมีทั้งด้านบวกและด้านลบ
อาหารฮาลาล เป็นอาหารเฉพาะของมุสลิม อาหารเจ ปรากฏมากขึ้นในปัจจุบัน
แนวที่สาม Alternative Medicine จะปรากฏค่อนข้างมากในเรื่องของแพทย์ทางเลือก เป็นแนวพัฒนาทางการแพทย์ไปสู่การวิจัย ในบริบทของการปกครองจะเกิดขึ้นอย่างไรเพื่อให้การแตกตัวเป็นประโยชน์ของสังคม เพื่อการตอบสนองของแต่ละชุมชนได้ค่อนข้างดี
หากจะส่งเสริมให้พัฒนาด้านนี้ ต้องให้รางวัล แต่ต้องระวังเพราะจะกลายเป็นการปิดกั้นทรัพยากร ต้อง Inclusive ไม่ใช่ Exclusive
คุณพิชญ์ภูรี: หากงานเรื่องโภชนาการ สามารถทำเรื่อง Commercial ได้ก็จะเป็นการต่อยอดที่ดีมาก ต้องคิดเรื่องการโภชนาการที่หลากหลายมากขึ้น
คนที่ใกล้ชิดว่างานวิจัยถ้าทำได้ จะไปขอสิทธิบัตรได้อย่างไร
นายวีระศักดิ์ ไม้วัฒนา: เรื่องกฎหมายสิทธิบัตร จะทำให้สมดุลได้คือ มีการบังคับใช้สิทธิ์ได้ หรือ การทำ CL ยา
คณะแพทย์มอ.รุ่น 1 มีความสงสัยเรื่องสิทธิบัตร ว่าจดแล้วได้อะไร
ขอตอบว่า ถ้าคนคิดเป็นลูกจ้าง ของหน่วยงานรัฐ กฎหมายกำหนดว่าสิทธิเป็นของนายจ้าง แต่คนคิดจะได้บำเหน็จพิเศษจากนายจ้าง
ทรัพย์สินทางปัญญา
เครื่องหมายการค้า เป็นสื่อทางการซื้อขายสินค้า เป็นตัวแสดงถึงคุณภาพของสินค้าที่ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อ เช่น ไปซุปเปอร์ แต่ไม่มียี่ห้ออื่น จะเลือกซื้ออย่างไร
เครื่องหมายบริการ เช่น ปั๊มเชลล์ เอสโซ่
เครื่องหมายร่วม เช่น เครือซีเมนต์ไทย ใช้เครื่องหมายช้าง
สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เช่น ไข่เค็ม ไชยา หมายถึงแหล่งผลิตสินค้า
สิทธิบัตร
ผลิตภัณฑ์ (Products) กรรมวิธี (Processes)
กรณีศึกษาอีโบลา ศิริราช บางครั้งสื่อถ่ายทอดผิด ศิริราชแถลงว่าค้นพบแอนตี้บอดี้อีโบล่า ซึ่งจะไปพัฒนาต่อเป็นยา คาดว่าสามารถรักษาอีโบล่าได้ค่อนข้างดี
ซึ่งเขายื่นต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา 2 วัน เพราะเกรงเรื่องการเปิดเผยก่อน ทางกรมได้อธิบดีใหม่พอดี ส่วนเรื่องอีโบล่าผมยังเปิดเผยไม่ได้ ถือเป็นความลับ และแสดงความจำนงในการจด PCT ด้วย
เครื่องสลายนิ่ว เวลายิงก้อนนิ่วก็จะยิงแบบสุ่ม กระสุนที่ยิงไม่โดนนิ่ว จะทำให้เนื้อเยื่อช้ำหรือไม่ หรือมีการคิดค้นเครื่องที่จะยิงตรงไปที่นิ่ว ปรากฏว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาของนักประดิษฐ์ไทย คือ ยังไม่ได้การทดสอบว่าเครื่องดีหรือไม่ดี
สารสกัดจากมังคุด มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค จึงไปเคลือบบน Mask และ Plaster ทำให้แผลแห้งเร็ว
ถ้าผลงานวิจัย กระทบกับคนหมู่มาก ก็ต้องจดสิทธิบัตร ถ้าใช้เพียงไม่กี่ชิ้น จะจดหรือไม่จดก็ได้ แต่ก็ควรมีการเผยแพร่เป็นเอกสาร และเก็บเป็นหลักฐานไว้ให้ดี เพราะถ้ามีคนมายื่นเราก็สามารถค้านได้ทันที
พญ.ใจทิพย์ ไพบูลย์: มีการผลิตไพรเจล ผลิตเป็นครีมแก้ปวดเมื่อย ก็อยากจะต่อยอดทางอุตสาหกรรมว่าควรจะให้ประชาชน ปัญหาคือ เมื่อทำตามสูตร ผลิตภัณฑ์คือรักษาโรคปวดข้อ แต่กลิ่นแรงมาก ซึ่งก็ขายไม่ได้ เพราะผู้บริโภคไม่ยอมรับ จึงต้องปรับสูตร แต่ติดสัญญาคุ้มครอง 10 ปี เพราะต้องทำตามสูตรเดิม จึงขอถามว่าถ้าเราวิจับจดสิทธิบัตรทางการค้าแต่ปรากฏว่าไม่เอื้อต่อการพัฒนาจะทำอย่างไร
นายวีระศักดิ์ ไม้วัฒนา: การจดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นการคุ้มครอง แต่เมื่อผลิตไม่เหมือนกับที่จดไว้ แล้วมีคนมาละเมิดตามสูตรที่ไม่เหมือนจะมีปัญหาว่าคนนั้นอาจจะไม่ละเมิด แต่เรื่องของการพัฒนาปรับปรุงต่อยอดสามารถเปลี่ยนสูตรได้ ทุกสินค้า ทุกองค์กร ต้องมีการปรับตัว ไม่อย่างนั้นก็อยู่ไม่ได้ เช่น บริษัท Kodak คิดเรื่องกล้องดิจิตอล แต่ปรับตัวไม่ทันก็เจ๊งไป
ทางนิติกรรมสัญญา จะมีสัญญาคุ้มครองรักษาเป็นความลับ จะผูกพันระหว่างคู่สัญญาเท่านั้น แต่อาจจะคุยได้ในการปรับสัญญา
น.ท.นพ.จักรพงศ์ ไพบูลย์: การจดสิทธิบัตร เป็นการเสียความลับหรือไม่
นายวีระศักดิ์ ไม้วัฒนา: ความลับถูกเปิดเผย แต่เรื่องสิทธิบัตร ทุกเรื่องที่ยื่นจะมีการประกาศเปิดเผย แต่ถ้าเราขายของแล้วออกสู่ตลาดแล้ว คนทีอยู่ใน Field นั้นสามารถทำตาม เราก็ควรจดสิทธิบัตร
การแสดงความคิดเห็น:
นายวีระศักดิ์ ไม้วัฒนา:
เปล้าน้อย มีการวิจัยว่าเป็นพืชสมุนไพร มีสารรักษาโรคกระเพาะ แต่งานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น แต่ทางมาทำทางพาณิชย์ทีละมากๆก็ไม่คุ้มกับการลงทุน เพราะฉะนั้นจึงไปจดวิธีการสังเคราะห์
กวาวเครือ
เรื่องสมุนไพร เป็นพืชท้องถิ่น ควรเป็นสมบัติของชาติ ถ้าใครมาใช้สิ่งเหล่านี้ต้องให้ชุมชนเป็นเจ้าของเพื่อมาพัฒนาชุมชนต่อไป เรียกว่าเป็นการขออนุญาตก่อนที่จะจด ให้มีการขออนุญาตขอทำเรื่องต่างๆ
การจดสิทธิบัตรเรื่องข้าวหอมมะลิของไทย ที่อเมริกาเกิดขึ้นได้อย่างไร
นายวีระศักดิ์ ไม้วัฒนา: อเมริกาเอาพันธุ์ข้าวของเราไปที่ เมืองอีลี่ ประเทศฟิลลิปปินส์ เหมือนกับข้าวหอมมะลิมาก ขณะเดียวกันเราไม่ยอม แต่เขามีการพัฒนา นวัตกรรมอย่างต่อยอด แต่อเมริกาก็ไม่จดให้ในที่สุด เพราะไม่ชอบในเรื่องที่เอาข้าวต้นแบบจากเมืองอีลี่ไป
อ.จีระเดช: ในการจดสิทธิบัตร หรือเจ้าของสมุนไพรไทย แหล่งสมุนไพรที่ใหญ่คือลาว ปัญหาของการใช้สมุนไพรดิบคือการบริโภคไม่ถูกต้อง มีการใช้ถูกใช้ผิด ถ้าคิดจะทำแพทย์ทางเลือกควรมีการให้ความรู้มากกว่านี้
นายวีระศักดิ์ ไม้วัฒนา: เรื่องข้าว หรือสมุนไพรไม่มีใครเป็นเจ้าของเพราะเป็นสมบัติชาติ แต่ปัจจุบันมีการคุ้มครองพันธุ์พืชแล้ว
ฤาษีดัดตน เป็นตัวยาของไทย แต่ญี่ปุ่นมาจดเป็นเครื่องหมายบริการนวด ยี่ห้อฤาษีดัดตนเป็นภาษาอังกฤษ เครื่องหมายการค้าไม่มีข้อห้ามที่จะจด มีเพียงห้ามเอาธงชาติมาจด
คำถาม: เวลาทำสื่อแล้วเอาภาพจากในอินเตอร์เนตแล้วมาเผยแพร่ได้หรือไม่
นายวีระศักดิ์ ไม้วัฒนา: ผิด ยิ่งเอาไปเผยแพร่ก็ผิด
อาจารย์ทำนอง ดาศรี : สตาร์บัง กับ สตาร์บัค
เป็นเจตนาดีของลูกค้า คือออกแบบโลโก้เหมือนสตาร์บัค แต่เปลี่ยนเป็นรูปอาบังอยู่ตรงกลาง ทางสตาร์บัค ขอร้องว่าอย่าให้เหมือนกัน แต่สตาร์บังไม่ยอม เพราะทำโดยสุจริต แต่ทางกฎหมายผิด แต่สุดท้ายก็ยอมเปลี่ยนโลโก้
อาจารย์ชเนฎฐวัลลภ ณ ขุมทอง: ต้องคุ้มครองคนที่มีความรู้ แต่ก็ไม่คุ้มครองคนที่เอาเปรียบของสาธารณะชน ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าจุดถ่วงดุลอยู่ตรงไหน
BCC เวลาจะออกรายการโดยนำเอาเพลงของนักร้องคนไหนมาออก ก็ต้องเสียเงินค่าลิขสิทธิ์
ซึ่งประชาชนต้องเข้าใจกระบวนการเหล่านี้
คำถาม: หากมีเรื่องของการต่อยอดนวัตกรรม เรามอบหมายให้คนที่ชำนาญพัฒนาต่อจะเป็นลิขสิทธิ์ของใคร
นายวีระศักดิ์: เป็นเรื่องของสิทธิบัตร ในเรื่องของการว่าจ้าง ควรทำสัญญาว่าสิทธิเป็นของใคร แต่ถ้าไม่ทำตามสัญญา ก็เป็นของผู้ประดิษฐ์
อนุสิทธิบัตร เป็นเรื่องของการเพิ่มเติมฟังก์ชั่น เช่น ไม้ตียุง ที่มีไฟฉายเป็นอนุสิทธิบัตร
คำถาม: เอาทำนองมาและใส่เนื้อเพลงผิดลิขสิทธิ์หรือไม่นายวีระศักดิ์: ลิขสิทธิ์เรื่องเพลงมีทั้งทำนองและเนื้อเพลง ซึ่งมีอายุการคุ้มครองตลอดชีวิต การดัดแปลงไม่ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์หากไม่ได้รับการได้รับอนุญาตจากเจ้าของ
การแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยก็ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเช่นกัน
แต่เจ้าของลิขสิทธิ์ มักจะไม่ฟ้องหน่วยงานภาคราชการ เพราะไม่ได้นำมาใช้ในเชิงพาณิชย์
วันที่ 3 ของการอบรม ช่วงเช้าได้รับความรู้เรื่องการพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน โดย อาจารย์ชเนฎธวัลลภ ณ ขุมทอง ท่านให้พวกเราได้ระดมสมองค้นหาอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของคณะแพทย์ พบความงามที่มีความหลากหลายล้วนเป็นความภูมิใจของลูกพระบิดา ส่วนภาคบ่ายได้รู้ในเรื่องหลักเกณฑ์การจดทะเบียนคุ้มครองสิทธิบัตร ผลงานวิจัย ฯ ได้ทราบแนวโน้มของงานวิจัยทางสธ.มี 3 ทิศทาง คือ1.Customization ความพอใจของบุคคลเช่นด้านความงาม 2. แนวชุมชน และ3.แนวการแพทย์ทางเลือก มาสู่การพัฒนาของคณะแพทย์ เช่นงานวิจัยที่ทำแล้วเกิดประโยชน์จำเป็นต้องมีการจดสิทธิบัตร ทราบเงื่อนไขการขอรับสิทธิบัตร จากวิทยากรผู้มีความรู้ความสามารถมาก เช่นอาจารย์วีระศักดิ์ ไม้วัฒนา น.ท.นพ.จักรพงศ์ ไพบูลย์และทีมงาน ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนและสอบถาม ทำให้พวกเราตาสว่างขึ้นเยอะ ตระหนักในสิ่งที่ทำมากขึ้น และช่วงท้ายก่อนกลับ เราได้เลือกประธานและรองประธานรุ่น 2 แล้ว happy ค่ะ
วันนี้การเรียนรู้เน้นการรู้จักงานวิจัยและพัฒนา ตลอดจนการเชื่อมโยงการผลจากงานวิจัยเกี่ยวกับทรัพยสินทางปัญญาและการจดสิทธิบัตรต่างๆ ทำให้เห็นว่าความเข้าใจที่ผ่านมานั้นไม่ถูกต้อง เดิมเข้าใจว่าการทำวิจัยเพื่อตอบคำถามและนำไปสู่การแก้ปัญหาเพื่อสุขภาพโดยรวมและส่งผลต่อคนส่วนมาก มีความยินดีถ้ามีคนนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ยิ่งมากยิ่งดี โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องทรัพยสินทางปัญญาหรือการจดสิทธิบัตรมาก่อน แต่จากวันนี้คงต้องปรับความคิดใหม่ ถ้าเราไม่ทำ คนอื่นก็นำของเราไปจดได้และทำให้คนอื่นใช้ประโยชน์ไม่ได้ นอกจากนั้นจะเห็นได้ว่าพวกเราในกลุ่มสองมองส่วนดีส่วนเด่นขององค์กรคล้ายคลึงกัน
เมื่อเชื่อมโยงบทเรียนที่ได้ในสามวันของสัปดาห์แรก สรุปว่า ช่วยให้พวกเราเข้าใจตัวเองทั้งจิตและกาย ปรับตนให้มีความสุข พร้อมทั้งให้คิดและหาจุดแข็งและจุดเด่นขององค์กรที่แตกต่างจากที่อื่นที่สามารถช่วยชุมชนของเรา โดยใช้งานวิจัยเป็นเครื่องมือ บทเรียนที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพวกเราในรุ่น 2 ค่ะ
ขอบคุณอาจารย์และทีมทุกๆท่านค่ะ
วันเสาร์ที่3เดือนตุลาคม 2557 ช่วงเช้าได้เรียนรู้เรื่องพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันทำให้หนูได้ค้นหาจุดเด่นของคณะแพทย์ที่เป็นจุดขายหลักสามารถดึงดูดผู้รับบริการได้มากกว่าโรงพยาบาลใกล้เคียงที่เป็นหนึ่่งในภาคใต้และพร้อมต้อนรับ2015กับAEC ช่วงบ่ายได้เรียนรู้กับการจดสิทธิบัตรการเป็นเจ้าของผลงานด้านวิจัย นวัตกรรม และด้านอื่นๆอีกมากมายชึ่งเป็นการเรียนที่น่าสนใจมากสามารถนำมาใช้ในการทำงาน ชีวิตประจำวันได้
วันที่ 3 ของการเปิดโลกทัศน์ "ไม่มีอะไรที่ดีที่สุด มีแต่คำว่าเหมาะสมที่สุด" สามารถปรับใช้กับอะไรหลายอย่างในชีวิตประจำวันได้ดีทีเดียว สำหรับ workshop ในช่วงเช้า ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ทำงานและเป็นส่วนหนึ่งของคณะแพทย์ เพราะ workshop นี้ แสดงให้เห็นสิ่งที่เป็นที่สุดจากการทำงานของชาวคณะแพทย์ทุกคน จนเกิดเป็นความโดดเด่นมากมาย ช่วงบ่ายจากการถาม-ตอบ ในเรื่องลิขสิทธิ์ และสิทธิบัตร เห็นได้ชัดเจนว่าคณะแพทย์เรา ได้เตรียมตัวผลิตและต่อยอดนวัตกรรมที่หลากหลายของเราไว้แล้ว ปิดท้ายวันนี้ด้วยความเฮฮา รุ่น 2 ของเรา มีประธาน รองประธานและเลขาของรุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เย้!
October 4, 2014; in the morning, I learnt about health care system and biosphere from Ajarn Chanetwallop and did a group activity to brainstorm on "PSU medical school and the prospective Thai health care system within the AEC". My group came out with the theme "Quality come first". This activity shared many ideas and brought me to learn and know from other angles such as provider and patient views.
In the afteroon, I learnt about patents from Ajarn Weerasak and I knew the categories of intellectual properties. Furthermore, I listened the experiences from Ajarn Jakkapong, Giffarine company vice president. I knew that how we get the licence to be our property by stating in the contract.
In my group, we have assigned the topics in the chapter 7 and 9 of the "Abundance" book to our members.
Finally, the conclusion is that looking at our strength and using it to make the outstanding in health service.
Day3:-4 ต.ค.57
เป็นอีกหนึ่งวันที่ได้มีกิจกรรมร่วมกันสมาชิกเริ่มคุ้นชินมีการปะทะปัญญากันมากขึ้น..เสียดายที่อ.จีระไม่ได้อยู่ร่วมวงปะทะด้วย...
โดย อ.ชเนฏฐวัลลภ ณ ขุมทอง..
กับคำถาม "เราจะทำให้โรงเรียนแพทย์ มอ.แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร?"เพียง3คำต่อกลุ่ม..ก็ได้ภาพวาด คณะแพทย์ฯมอ.ที่สุดยอดจริงๆ...แต่จะเป็นตามนั้นหรือไม่..อยู่ที่ทุกคนทุกระดับของคณะฯ..ขอบคุณอาจารย์ค่ะที่ช่วยกระตุ้นให้คิด...
ภาคบ่าย..
**"กรณีศึกษาด้านการวิจัยและพัฒนา..."ได้เรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์มาก ที่หลากหลาย...การชึ้นทะเบียนสิทธิบัตรและอื่นๆ
..และสุดท้ายของสัปดาห์กลุ่ม2ของเราก็ได้ อ.เป้า เป็นประธาน และรองประธาน ตามที่ทุกคนตั้งใจและไม่ผิดหวังจริงๆ..เราได้สถานที่ ที่จะไปทำ CSR.เรียบร้อยแล้ว..
คงต้องขอบคุณทีมอาจารย์ วิทยากร ทีมสนับสนุนดูแลความเรียบร้อยและสมาชิกกลุ่ม2ทุกท่านที่ร่วมด้วยช่วยกันนะค่ะ..
สรุปสามวันของการเรียน
วันแรกหัวข้อทุุนมนุษย์-mildset ทำให้จุุดประกายความคิดว่าจะต้องนำเอาทฤษฎี 8k,5k มาปรับใช้ในการปรับกระบวนการคิดของพนักงานใหม่ในหน่วยงานเพื่อให้เกิด mildset ในทางบวกเพราะพวกเขาเหล่านั้นคือฐานกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาของหน่วยงาน ช่วงบ่ายหัวข้อการตลาดของอาจารย์ภิชานไกรฤทธิ์ สนุกมากไม่มีโอกาสหลับเลย ด้วยเรื่องราวที่เกิดตั้งแต่ยุคกำเนิดโลกจนถึง คลื่นลููกที่สี่โดยสอดแทรกทฤษฎีได้อย่างกลมกลืน ประทับใจการเล่าเรื่องประวัติพระราชบิดาของอาจารย์มากน้ำเสียงน่าฟัง เนื้อหาบอกเล่าถึงพระปรีชาสามารถฟังด้วยความปลื้มปิติ อยากฟังต่อค่ะ
วันที่สองหัวข้อบุคลิกภาพได้ทั้งความสนุกและความรู้ไปพร้อมๆกันตั้งแต่การแต่งกาย การยืน เดิน การไหว้รวมถึงมารยาททางสังคมที่ถูกต้องเหมาะสม ในส่วนของอาจารย์อิทธิสอนดีมากเลยค่ะ สอนให้เรารู้จักตัวเองและเข้าใจผู้อื่น ได้ข้อคิดเรื่องการนำธรรมะมาประกอบใช้ในการทำงาน สุดท้ายของชั่วโมงได้แรงผลักจากอาจารย์จีระให้หาหัวข้องานวิจัยให้ได้สองหัวข้อในเวลาไม่ถีงชั่วโมง หินมากๆแต่ไม่น่าเชื่อพวกเราทำได้แถมได้รับคำชมเป็นน้ำหล่อเลี้ยงกำลังใจพวกเราอย่างมาก ขอบคุณจริงๆค่ะ การคิดหัวข้องานวิจัยทำให้เข้าใจ 3v มากขึ้น
วันที่สาม เรื่องการพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ได้ข้อสรุปว่าไม่มีระบบการให้บริการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุด มีแต่ระบบที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศนั้นๆ ช่วงบ่ายได้เรียนรู้เรื่องการจดทะเบียนคุ้มครองสิทธิบัตร ประเภทของการคุ้มครองสิทธิบัตร เป็นหัวข้อที่มีการถามตอบมากที่สุด
ตลอดสามวันได้นำความรู้ไปถ่ายทอดให้สมาชิกในครอบครัวได้เรียนรู้ไปด้วยกัน เรียนด้วยความสนุกเรียนจนลืมเวลากินข้าวเที่ยง มาเรียนตั้งแต่เช้ากลับบ้านมืดไม่ได้ดูเวลา(เพลินลืมเวลา)
04 ตุลาคม 2557
หัวข้อ “การพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน”
โดย อาจารย์ชเนฎฐวัลลภ ณ ขุมทอง
- อาจารย์เป็นนักเศรษฐศาสตร์ ชวนคิดถึงจุดขายของเราว่าเรามีอะไรเด่นกว่าคนอื่น
- ถ้าการแข่งขันกับนานาชาติแล้วพวกเราคิดว่า Service mind เป็นจุดแข็งของเรา
เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ มีบริการอื่นๆทางด้านสุขภาพที่เสิรมกันได้ดี
- แต่เราก็เป็นความหวังของคนภาคใต้ในเรื่องการคุณภาพการรักษา ผมชอบคำว่า
Hope ของกลุ่ม 5 มากครับมันโดนใจ กลุ่มผมใช้คำว่า Smart แทนความ
เก่งของความเชี่ยวชาญด้านการรักษาและความพร้อมของเครื่องมือที่เรามี
- ที่สำคัญอาจารย์สอนให้เห็นว่าทุกอย่างไม่มีคำว่าดีที่สุด มันดี ณ เวลานี้ อีกเวลา
อาจไม่ใช่ มันดีสำหรับภูมิภาคนี้ แต่ที่อื่นอาจไม่ใช่ อาจารย์สอนให้มองแบบ
มหภาค อย่างมองแต่จุลภาค (ท่านคณบดีเราก็สอนในที่ประชุมบ่อยครับเรื่องนี้)
อาจารย์สอนให้มองในมุมมองของผู้รับบริการอย่ามองแต่ตัวเราเอง
หัวข้อ “กรณีศึกษาด้านการวิจัยและพัฒนา.. และการพัฒนางานของคณะแพทย์ มอ.”
โดย อาจารย์ชเนฎฐวัลลภ ณ ขุมทอง,น.ท.นพ.จักรพงศ์ ไพบูลย์,พญ.ใจทิพย์ ไพบูลย์
นายวีระศักดิ์ ไม้วัฒนา,คุณพิชญ์ภูรี จันทรกมล
- อาจารย์วีระศักดิ์ ไม้วัฒนา ได้ให้ความรู้เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา การจดลิขสิทธิ์
และสิทธิบัตร น่าจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มนักประดิษฐ์คิดค้นครับ ผมรู้เพิ่มอีก
อย่างคือถ้าผลงานเราถูกเผยแพร่ให้สาธารณชนแล้ว แม้เราไม่จดคนอื่นก็นำของ
เราไปจดไม่ได้ถ้าเรามีหลักฐานแสดงให้เห็นชัดเจน
- อาจารย์ น.ท.นพ.จักรพงศ์ ไพบูลย์ และอาจารย์พญ.ใจทิพย์ ไพบูลย์ ได้จุดประกาย
สิ่งที่เราน่าจะนำมาเป็นจุดขายได้มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเราทำได้อย่างไม่ยาก
+ วิชาการที่ดีและไม่แพง นำมาประดิษฐ์และขายได้ เช่น การนำพืช ใบบัวบก,
ขมิ้นชัน, เฝือกไม้ไผ่ มาทำผลิตและขายในราคาที่ไม่แพง
+ การบริการ รพ.รัฐมีผู้มารับบริการมากจนล้นโดยเฉพาะ รพ.ขนาดใหญ่ ทำให้
แพทย์ถูกฟ้องร้องมากขึ้น
+ การสื่อสาร โดยเฉพาะการสื่อสารกับคนไข้และญาติ ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่ไม่กล้า
คุยหรือถามแพทย์ และแพทย์ก็ไม่อธิบายให้คนไข้รับรู้ข้อมูลที่ควรรู้ เช่น
เป็นโรคอะไร หรือจะรักษาอย่างไร อะไรที่เป็นความเสี่ยงที่เกิดได้ในกระบวน
การรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยและญาติได้รับรู้
+ การเป็นผู้กล้ามาประกาศแจ้งเตือนประชาชน ให้รู้ถึงภัยในเรื่องต่างๆที่ประชาชน
ควรทราบและได้ประโยชน์ เช่นเรื่อง ซูซิ บ้านเราใช้ปลาทะเล ปน กับปลาน้ำจืด
มีความเสี่ยงที่จะได้รับพยาธิตัวจี๊ดจากปลาน้ำจืด การออกมารณรงค์และเตือน
ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับ รพ.มอ.
วันที่สามของการอบรมได้เรียนรู้ประโยคหนึ่งที่ชอบมากคือ ไม่มีอะไรที่ดีที่สุด มี่แต่เหมาะสมที่สุด ชอบกิจกรรมที่ทำตอนเช้า มีการแบ่งกลุ่มใหม่ ทำให้ได้รู้จักเพื่อนเพิ่มขึ้น
วันที่สองของหลักสูตร พวกเราได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องใกล้ตัวที่อยู่กับเราทุกวันกับอาจารย์นภัสวรรณ จิลลานนท์ อาจารย์ปูพื้นฐานมารยาททางสังคมที่เกิดขึ้นกับเราทุกๆวัน อันได้แก่การไหว้ รับไหว้อย่างไรจึงดูดีมีความจริงใจ การขึ้นลงบันได เข้าออกประตู รวมถึงการนั่ง ยืน เดิน เข้าพบผู้ใหญ่ เจ้าของบ้าน ตลอดจนการนำเสนองานต่างๆ รวมถึงการสร้างความประทับใจใน 5 วินาทีแรกแก่ผู้พบเห็นด้วยวิธีการเลือกแบบ สี เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และทรงผมอย่างไรให้เหมาะสมกับรูปร่างหน้าตาสีผิวของแต่ละคน สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความประทับในครั้งแรกที่พบเห็น แต่สิ่งที่จะทำให้เกิดความประทับใจในตัวตนของคนๆนั้นอย่างยาวนาน และมั่นคง ก็คือ การมีปัญญา มีอารมณ์ดีมั่นคง คิดบวก และมีวัฒนธรรม ซึ่งจะเป็นเสน่ห์ในตัวมากกว่ารูปร่างหน้าตาที่พบเห็นจากภายนอก
ในช่วงบ่ายพวกเราได้มีโอกาสดีอีกครั้งที่ได้รับการชี้แนะจากอาจารย์อิทธิภัทร ภัทรเมฆานนท์ ในการเข้าใจตัวเองจากภายใน ซึ่งเป็นคุณลักษณะของตัวตนที่สำคัญต่อการมีCompetency อันได้แก่ พฤติกรรม ทัศนคติ และแรงบันดาลใจ เนื่องจาก Competency หมายถึง ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ โดยตัวคุณลักษณะนี้เป็นส่วนสำคัญของบุคลากรในปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลจนบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ขององค์กร เพราะเมื่อเราเข้าใจภายในตัวตนเองแล้ว มันก็จะไม่ยากที่จะตั้งเป้าหมายและไปให้ถึงจุดนั้น
ในช่วงเย็นศ.ดร.จีระ หงส์รดารมภ์ ได้ปูพื้นฐานการสร้างงานวิจัยจากการใช้ 3V's ในการพิจารณา เสนอเรื่องที่จะทำเป็น Mini Research โดยให้เป็นลักษณะของโครงการ ที่มี Innovation ที่เป็นไปได้ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในคณะแพทยศาสตร์ได้จริง มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับภายนอกคณะไปจนถึงต่างประเทศได้ นอกจากนี้อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมลยังได้ช่วยแนะแนวทางเพิ่มเติมแก่พวกเราในการพิจารณาเรื่องที่จะทำว่าควรเป็นเรื่องที่ชอบ และถนัด วันนี้จึงเป็นวันที่เราออกจากคณะด้วยความอุ้ยอ้าย เพราะแบกความรู้กลับบ้านไปเต็มสมอง พร้อมๆกับงานในมือที่ต้องวางแผนให้ทำสำเร็จภายในระยะเวลาสามเดือนนี้
วันที่3ของการอบรม ......
ช่วงเช้าประทับใจลุคของอจ.ชเนฏ..และสไตล์การสอน ชวนให้คิดตามตลอด อจ.ได้เปิดมุมมองใหม่และworkshopก็ต่อเนื่องให้เราได้ย้อนกลับมามองทุนของคณะเรา ได้รู้จักต่อยอดสิ่งดีๆที่มีอยู่ และหาแนวร่วมมาช่วยกันเสริมทัพให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น.....ได้เข้าใจยิ่งขึ้นว่าคิดMACRO เป็นประมาณนี้....การวิเคราะห์ระบบหลักประกันสุขภาพของอจ.ได้ใจจริงๆ..จะช่วยกันอย่างไรดีให้มันwin win ระบบก็ไปได้ ประชาชนก็ไม่หมดตัว...
ช่วงบ่ายเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาน่าสนใจมาก ตอนแรกเกือบจะง่วง แต่พยายามฝืน ก็ได้พบว่านี่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเหมือนที่เคยคิด อจ.อธิบายได้ชัดเจนและตอบข้อซักถามได้ชัดเจนเช่นกัน ขอบคุณที่อจ.ช่วยให้ความกระจ่างในเรื่องสิทธิบัตรข้าว/ฤาษีดัดตน...พอต่อด้วยอจ.จักรพงศ์ ที่กระตุกideaเราชาว
สาสุขด้วยแนวคิดนำภูมิปัญญาชาวบ้านมาต่อยอดให้สอดคล้องกับแนวการรักษา เพื่อดี ดี ดีและไม่แพง
ได้อ่านบทความของครูใหญ่ในแนวหน้าแล้วค่ะ รู้สึกฮึกเหิม และมีกำลังใจ อจ.ตั้งความหวังกับพวกเราไว้มากเลยค่ะ...จะพยายามทำสุดความสามารถ..
วันที่สามของการอบรม หลังจากที่ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ได้ชี้ชวนให้พวกเรามาตั้งแต่แปดโมงครึ่ง และเข้าไปร่วมพบปะพูดคุยกับอาจารย์หลายๆท่านทั้งในเวลาเช้า เที่ยง และเบรค นั้น ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสร่วมโต๊ะกับท่านอาจารย์ทั้งหลาย รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีโอกาสได้ฟังการแลกเปลี่ยนความรู้ มุมมอง และวิธีการจัดการกับปัญหาขององค์กรที่ๆอาจารย์ได้ไปพบเห็นแลกเปลี่ยนมา ถ้าจะเปรียบไปแล้วอาจารย์แต่ละท่านนั้นเสมือนหนังสือเล่มโตที่เดินมาหาเราถึงที่ มีเรื่องราวต่างๆมากมายที่หาอ่านไม่ได้ในหนังสือที่วางขายอยู่ในท้องตลาด เพราะฉะนั้นทำไมเราจะปล่อยให้โอกาสดีๆเหล่านี้ผ่านเลยไปโดยไม่ฉวยมันไว้
นี่เป็นอีกวันที่พวกเราสนุกกับการถ่ายทอดและดึงเอาความรู้ของพวกเราออกมาของอาจารย์ชเนฎฐวัลลภ ณ ขุมทอง อาจารย์สอน และชี้แนะจากการกลั่นกรองความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ในตัวพวกเราเอง แล้วนำมาตีแผ่ชี้ให้เห็นว่าการคิด วางแผนพัฒนาอะไรเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่เป็นประโยชน์นั้นไม่ใช่ดูว่าเราอยากจะทำอะไรให้แก่ผู้รับ แต่ควรที่จะมองในมุมของผู้รับว่าต้องการอะไรจากเรามากกว่า เพราะเมื่อเราคิดว่าเราทำทุกอย่างดีพร้อมในสายตาเราแล้วนั้น ไม่ได้แปลว่าจะใช่ในสายตาของผู้รับเสมอไป เปรียบได้กับการที่หนุ่มสาวจะตกลงปลงใจแต่งงานกันนั้นมันไม่ได้ง่ายแค่เพียงคิดว่าเราดีพร้อมเพียงฝ่ายเดียวแล้วอีกฝ่ายจะยอมแต่งงานด้วย
ในช่วงบ่าย พวกเรามีโอกาสดีที่มีอาจารย์ถึงสี่ท่านมาแลกเปลี่ยนให้ความรู้ในด้านการจดสิทธิบัตร การขอจดลิขสิทธิ์ ปัญหาที่เกิดขึ้น เหตุผลที่ต้องจด หรือการไม่จดแล้วจะมีโอกาสเผชิญกับปัญหาอะไรได้บ้าง รวมถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิทธิต่างๆที่เกิดขึ้นหลังการจด และไม่จด พวกเราสร้าง คิด และปรับปรุงอะไรหลายอย่างโดยไม่รู้จริงว่าเราควรทำสิ่งใดบ้างกับผลงาน หรือระบบ นวตกรรมเหล่านั้น วันนี้จึงเป็นวันที่พวกเราได้สร้างความกระจ่างให้กับตัวเองเท่าที่จะคิดคำถามได้ เป็นอะไรที่ดีมากอีกหนึ่งวัน
จากการวันเสาร์ที่ 4 ทำให้ไดัรับความรู้จากอ. ชเนฎวัลลภ ในการตั้งคำถามของอ. ที่ว่าเราจะทำให้โรงเรียนแพทย์สงขลานครินทร์ต่างจากที่อื่นๆ(อะไรคือจุดขาย) สรุปได้ว่าจุดเด่นคือการบริการและการสร้างเครือข่ายเข้าถึงชุมชน และเราสามารถต่อยอดในการให้บริการกับกลุ่มลูกค้าระดับที่สูงกว่าได้โดยการ สร้างเครือข่ายส่งต่อไปยังรพ.ที่รองรับลูกค้าระดับเลิศได้ ในเรื่องลิขสิทธิ์ขอบคุณ อ.วีระศักดิ์ ที่ให้ความรู้ต่างๆอาธิเช่น งานวรรณกรรม ตำรา โดยปกติถ้าไม่มีสัญญาตกลงกันไว้ สิทธิเป็นของผู้สร้างสรรค์ เพราะฉะน้้น ก่อนการว่าจ้าง ต้องระบุว่าสิทธิเป็นของใคร ของผู้จ้าง หรือผู้รังสรรค์งาน
ช่วงเช้า ได้รับการกระตุ้นให้คิดถึง Brand หรือจุดขาย ของโรงพยาบาลเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ ซึ่งสมาชิกในกลุ่มสามารถนำเสนอออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีสิ่งที่ดีที่สุด มีแต่สิ่งที่เหมาะสมที่สุด
ช่วงบ่าย ได้เรียนรู้การจดสิทธิบัติทรัพย์สินทางปัญญาและเห็นอีกมุมมองของ กิฟฟารีน
Panel discussion เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้มีความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการจดสิทธิบัตร แนวคิดที่ได้จากกิฟฟารีน มีความหลากหลาย ไม่ได้คำนึงถึงกำไรอย่างเดียว งานวิจัยที่ต่อยอดเป็นนวัตกรรม วิจัยควรทำในสิ่งที่รู้แล้วแต่ไม่มีคนทำเช่นเรื่องขมิ้นชัน เป็นการจุดประกายความคิดการต่อยอดในงานที่ทำเพื่อให้คณะแพทย์ของเราก้าวหน้า
เรียนวันที่ 3 ช่วยเปิดโลกทัศน์ในการมององค์กรให้พุ่งไปข้างหน้า ช่วยหาจุดเด่นที่จะทำให้สงขลานครินทร์มีความแตกต่าง มีจุดขายที่จะให้บุคคลภายนอกมองและอยากมาใช้บริการที่สงขลานครินทร์ มีการหยิบยกเอาความเป็นเลิศด้านต่างๆเช่น ศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์มะเร็ง ร่วมกับจุดเด่นของการเข้าถึงชุมชนความเป็นภาคใต้ที่ไม่เหมือนภูมิภาคอื่น
ช่วงบ่ายการได้พบตัวจริงของรองประธานบริษัทกิฟฟารีน ทำให้เข้าใจมุมมองของบริษัทที่มีแพทย์เป็นเจ้าของ การนำองค์ความรู้จากวิจัยสู่ผลิตภัณฑ์สินค้า นอกจากนี้ยังได้รู้เกี่ยวกับขั้นตอนการจดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาต่างๆที่น่าสนใจ
เสียดายช่วงบ่ายเป็นวิทยากรที่มีคุณค่าแต่เวลาน้อย ทำให้การแลกเปลี่ยนได้แค่ช่วงสั้นๆ อยากให้เพิ่มเวลาหรือปรับเป็นสองช่วงไปเลยค่ะ
การเรียนในวันที่ 3 อาจารย์ชเนฎวัลลภ. ได้ตั้งคำถามให้เราค้นหาว่า ร.พ.มอ.แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร ซึ่งจากการวิเคราะห์ในกลุ่มและมีการนำเสนอจากกลุ่มอื่นๆ จะมีเรื่องการให้บริการที่. รพ.มอ.แตกต่างจากที่อื่น. อ.บอกว่าไม่ต้องมาถามว่าคำตอบที่ถูกคืออะไร. แต่เราต้องรู้จักวิเคราะห์ค้นหาคำตอบที่ดีที่สุดเอง. และระบบสุขภาที่ดีที่สุดในโลกนี้ไม่มี. มีแต่ระบบสุขภาพที่เหมาะกับบริบทของตนเอง. ในช่วงบ่าย อาจารย์วีระศักดิ์ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิบัตรคืออะไร สิ่งประดิษฐ์แบบไหนที่จะได้รับความคุ้มครองเป็นต้น และอาจารย์จักรพงศ์ ได้นำประสบการณ์เกี่ยวกับลิขสิทธิ์มาแชร์. ทำให้ผู้เรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์มากขึ้น
ช่วงที่1 ของการอบรมผ่านไปแล้ว เป็น 3 วันที่ทำให้ตระหนักเพิ่มขึ้นว่ายิ่งมีความรู้อีกมากที่เราต้องเรียนรู้ เหมือนเปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้น วันแรกหัวข้อทุุนมนุษย์-mildset ทฤษฎี 8k,5k นับว่าเป็นวิชาที่เป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร การนำหลักการเหล่านี้มาเป็นแนวทางในการเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์เพื่อพัฒนาองค์กรน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก แต่เนื้อหายังค่อนข้างน้อยคงต้องมีการศ฿กษาต่อยอดเพิ่มขึ้นอีกจึงจะนำมาใช้ได้
วันที่สองหัวข้อบุคลิกภาพ แม้จะเคยเรียนมาบ้างแล้วแต่ก็มีมุมมองอีกหลายส่่วนที่เป็นประโยชน์โดยเฉพาะมารยาทในการเข้าสังคมซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น ในส่วนของอาจารย์อิทธิ ช่วยให้เรารู้จักตัวเองและเข้าใจผู้อื่น ได้ข้อคิดในการทำงานหลายอย่าง
วันที่สาม เรื่องการพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก สรุปประเด็นได้ว่าไม่มีระบบการให้บริการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุด มีแต่ระบบที่เหมาะสมกับบริบทนั้นๆ ซึ่งในระดับชาติ/ระดับองค์กรควรมีการทบทวนประยุกต์แนวทางต่างๆให้เหมาะสมกับบริบทตนเองอย่างรอบคอบ ช่วงสุดท้ายได้เรียนรู้การจดทะเบียนคุ้มครองสิทธิบัตร ประเภทของการคุ้มครองสิทธิบัตร ได้รับรู้แนวคิด มุมมองจากประสบการณ์ของวิทยากรหลายๆท่าน นับว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก
วันที่3ของการอบรม "การพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกีบกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน"โดย อ.ชเนฎฐวัลลภ ณ ขุนทอง ชวนให้คิดว่าระบบสุขภาพในอนาคตจะเป็นอย่างไร...ภาพวิวัฒนาการของมนุษย์จนถึงภาพสุดท้ายอ้วยลงพุง มือหนึ่งถือน้ำ(น่าจะเป็นน้ำที่ทำลายสุขภาพ) ดูแล้วเศร้าใจ อนาคตhealthไม่ใช่คำตอบเดียว
ช่วงบ่าย "กรณีศึกษาด้านการวิจัยและพัฒนา...และงานพัฒนางานของคณะแพทย์ มอ." อ.ชเนฎวัลลภ ณ ขุมทอง น.ท.นพ.จักรพงศ์ ไพบูลย์ นายวีรศักดิ์ ไม้วัฒนา ร่วมวิเคราะห์และดำเนินการอภิปรายโดย อ.พิชญ์ภูรี จันทรกมล
ทำให้เราเห็นตัวเองชัดเจนขึ้นในความเป็นโรงเรียนแพทย์มอ. เราต้องทำใน 3 เรื่อง วิชาการ บริการ การสื่อสาร อ.ยกงานวิจัยหลายเรื้องของเรา อย่างเรื่องครีมหน้าเด้งที่ทำจากยางพารา...ทำให้ถามตัวเองว่าทำไมเราคนใต้ไม่ได้ใช้.... แล้วคนมอ.ใช้กันมั้ย?....
ส่วนเรื่องลิขสิทธิบัตร ทรัพย์สินทางปัญา มีคำถามเยอะมาก อ.ทำให้พวกเราชัดเจนขึ้น สื่อที่เรารับรู้บิดเบือนข้อเท็จจริงมากๆ...ขอบคุณคณาจารย์ทุกท่านค่ะ เปิดโลกทัศน์จริงๆค่ะ
การพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน ควรมีการ Discuss ระหว่างอาจารย์กับผู้เข้าอบรมมากกว่านี้ แม้ว่าจะได้ประเด็นว่าจะทำอย่างไรให้มีความเด่นของตัวเองเมื่อต้องแข่งขันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก เนื่องจากวิทยากรเป็นผู้มีความสามารถมากในทางเศรษฐศาสตร์ถ้ามีการอภิปรายในวงกว้างนอกเหนือจากการทำกลุ่มแล้วจะทำให้ผู้อบรมได้รับประโยชน์มุมมองกว้างขึ้นเพราะเชื่อว่าพวกเรามักไม่ค่อยได้มองถึง ส่วนใหญ่มักทำงานตามบทบาทที่ได้รับมอบหมายก็รู้สึกว่ายุ่งเหลือเกินแล้ว
ช่วงบ่ายเราพูดถึงลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร นับว่าได้ประโยชน์ต่อหลายคน แต่ท่านวิทยากรอีก 2 ท่านในช่วงบ่ายไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก คิดว่าชั่วโมงนี้อาจจะต้องมีการปรับ เสียดายท่านทั้ง 2 ที่มีความเชี่ยวชาญ
สรุปการเรียน 2-4 ต.ค.57
วันแรกคำที่โดนใจสุดๆ คือคนเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดขององค์กร โดนใจสอง คือ Mindset ต้องเป็น positive growth โดยใช้ 8K's & 5K's และนำไปสู่ 3V's
ในยุค globalization การจัดการภาครัฐคิดเรื่องความคุ้มค่า ในฐานะโรงเรียนแพทย์การตลาดต้องทำอย่างไรที่จะให้เขารู้ว่าเราคือ มอ. ขณะที่เตียงรองรับผู้ป่วย และจำนวนบุคลากรจำกัด การขยายบริการเป็นไปอย่างช้า คิดใหม่ทำใหม่จัดเครือข่ายขยายการให้บริการโดยส่งแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะโรคไปทำการรักษาในโรงพยาบาลใกล้เคียงตามศักยภาพของโรงพยาบาลนั้น ๆ 5 วัน/เดือน เป็นต้น และผลที่ได้เป็นการฝึกฝนหรือเรียนรู้ร่วมกันของโรงพยาบาลในเครือข่าย
วันที่สองหลังจากเหมือนตีแสกหน้าในวันแรกให้มีความคับข้องใจว่าทำไมฉันช่างโลกแคบ แต่หลังจากเจออ.ณภัสวรรณ ต่อมฮาแตกลืมความเครียด จากคำวิจารณ์น่ารัก ๆ เกี่ยวกับบุคลิกของผู้เข้าร่วมอบรม ความประทับที่เกิดขึ้นในครั้งแรก ได้แก่ภาพลักษณ์ ซึ่งสามารถเห็นได้จากการแต่งกายที่เหมาะสมแก้ไขจุดบกพร่อง ถูกกาละเทศะ เสริมสร้างบุคลิก นอกจากนี้ น้ำเสียง คำพูด positive ทัศนคติ และอารมณ์ต้องดีด้วย ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมในการทำงาน ทั้งผู้ร่วมงาน ผู้มารับบริการมีความรู้สึกอบอุ่น ประทับใจ คุณคือที่ 1
ช่วงบ่ายตามติดมาด้วยอิทธิภัทร ภัทรเมฆานนท์ เกี่ยวกับ Competency เป็นตัววัดความสำเร็จ และสมรรถนะการทำงาน ซึ่งมี 2ลักษณะคือที่มองเห็นและที่มองไม่เห็น ในส่วนที่มองไม่เห็นนั้นถ้าสามารถดึงออกมาได้ โดยแนะนำการใช้พุทธศาสนามาใช้ในการทำงาน การตั้งคำถามย้อนกลับเมื่อมีปัญหา ด้วยประโยคแล้วเป็นอย่างไร
ปิดวันนี้ด้วยศ.ดร.จีระ ให้แต่ละกลุ่มตั้งคำถามวิจัยกลุ่มละ 2 เรื่อง ในเวลาอันน้อยนิด แต่ก็ผ่านไปได้ท่านอาจารย์ช่างมีพลังมากมายจริง ๆ วันนี้จึงกลับที่พักอย่างกระปลกกระเปลี้ย
วันที่ 3 การพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน สิ่งสำคัญ ทรัพยากรในท้องถิ่น ชุมชน network ช่วงบ่ายเป็นเนื้อหาที่สอดคล้องเกี่ยวกับสิทธิบัตร และลิขสิทธิ์(ใช้กับวรรณกรรม) คิดได้อย่าเพิ่งเผยแพร่ให้จดสิทธิบัตรก่อน...กฎหมายกับจริยธรรมมีแค่เส้นบางๆ และขอขอบคุณ คุณพิชญ์ภูรี ที่ช่วยให้การดำเนินอภิปรายสนุกสนาน และสรุปเนื้อหาให้เข้าใจมากขึ้น
สัปดาห์แรกต้องกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ทุกท่านที่มาช่วยเปิดโลกทัศน์ให้พวกเราคะ
สรุปสิ่งที่ได้จากการเรียน
3ต.ค.57
หัวข้อ " Personality and Social Skills Development " โดย อ.นภัสวรรณ จิลลานนท์
ทำให้ทราบถึงการสร้าง image , know how to use body language , ท่าทางอิริยาบถต่างๆ. ว่าควรปฎิบัติอย่างไรจึงจะเหมาะสม ซึ่งถ้าเราไม่ทราบว่าจะแก้ปัญหาหรือทราบว่าอันไหนถูกหรือผิด ให้พิจารณาจาก 5 ข้อนี้
1.ความปลอดภัย
2.ความสะดวกสบาย
3.อัธยาศัยไมตรี
4.ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
5.การให้เกียรติ
บรรยากาศของการเรียนในวิชานี้ ทุกคนในห้องรู้สึกสนุกสนานและเพลินกับการให้ความรู้ของอาจารย์เป็นอย่างมาก
ช่วงบ่ายเป็นวิชาของ อ.อิทธิภัทร ภัทรเมฆานนท์. " Managing Self Performance "
มีกิจกรรมให้เรามองตัวเองว่าเราเป็นอย่างไร ผ่านการเขียนลักษณะนิสัยของเราบนส่วนต่างๆของดอกไม้ 1 ดอก และนอกจากนี้ให้เราเลือกภาพ 3 ภาพที่คิดว่าเกี่ยวกับตัวเรา หลังจากนั้นให้เลือกภาพแต่ละภาพแทนเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบันและอนาคต และถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆให้เพื่อนๆฟัง มีข้อคิดดีจากในหัวข้อนี้ คือ ควรพูดในสิ่งที่ต้องการ ไม่ควรพูดในสิ่งที่ไม่ต้องการ
จากที่เรียนผ่านมาใน2 วันแรกทำให้รู้ว่ามีอะไรที่เราต้องเรียนรู้อีกมากมาย เพราะฉะนั้นการที่จะเริ่มอะไร ไม่มีคำว่าสาย เปรียบเทียบกับตัวเราเองว่าเราได้เริ่มพัฒนาตัวเองแล้วหรือยัง ทุกคนเป็นทุนมนุษย์ที่มีคุณค่าอยู่ในตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าเราถนัดด้านไหน ศักยภาพของแต่ละคนย่อมมีอยู่ในทุกคนอยู่แล้ว อยู่ที่เราจะนำออกมาใช้เมื่อไหร่ สู้ๆนะคะ ทุกคนในรุ่น 2
วันแรก พฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม 2557
วันแรก งงมากเลยค่ะ เหมือนกบในกะลาจริงๆ ฟังอาจารย์พูดไทยคำภาษาอังกฤษ 5 คำ แต่ก็จะพยายามฟังให้รู้เรื่องค่ะ สิ่งที่ได้จากการฟังในวันนี้ได้ทราบถึงวัตถุประสงค์และวิธีการเรียน ได้รู้ถึงวิธีการเรียนรู้ของ ดร.จีระ เพื่อ HR เป็นเลิศ เพื่อการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ (4 L's) การมองวิเคราะห์ปัญหาและการเรียนรู้ (2 R's) การเรียนรู้และสร้างพลังในการทำงาน (2 I's) การสร้างมูลค่าเพิ่ม คุณค่าใหม่ และคุณค่าจากความหลากหลาย (3 V) การทำงานยุคใหม่ (3 L's) และการทำงานยุคใหม่ (C&E) ในเรื่องของทุนมนุษย์ Mindset ได้รู้ว่าผู้นำส่วนหนึ่งมาจากพรสวรรค์ แต่สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้และสามารถฝึกฝนได้ ทำให้เราเรียนรู้ว่าคนคือทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่ามากที่สุดขององค์กร และทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันไม่ใช่เงิน สิ่งของ แต่เป็นคน ได้ทราบถึงทฤษฎี 8 K’s ทฤษฎีทุน 8 ประเภทพื้นฐานของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และ 5 K’s ทฤษฎีทุนใหม่ 5 ประการเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งแนวคิดและความรู้ที่ได้รับเหล่านี้สามารถนำไปปรับใช้ในหลักการทำงานได้เป็นอย่างดียิ่ง โดยนำเอาไปประยุกต์ใช้กับการทำงานเพื่อพัฒนาให้มีศักยภาพยิ่งขึ้นตามที่อาจารย์สอน ให้เกิดแรงผลักดันนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
วันที่ 2 วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม 2557
วันที่สองเรื่อง การแต่งกายสไตล์นักบริหารยุคใหม่ เป็นการอบรมเป็นอีกวันหนึ่งที่มีความสุข ไม่เครียด น่าประทับใจและสนุกมาก อาจารย์สอนเข้าใจง่าย สร้างความบันเทิงเริงใจให้กับผู้เข้าร่วมประชุมอย่างประทับใจสุดๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องใกล้ๆ ตัวเราที่สามารถนำไปปรับปรุงบุคลิกภาพเพื่อนำไปพัฒนาตนเอง ได้เรียนรู้ถึง การนั่งเก้าอี้ในตำแหน่งที่ถูกต้อง วิธีการเดิน การใส่เสื้อเชิ้ตผู้ชาย การเดินตามเจ้านาย การไหว้ การขึ้นลง บันได การรดน้ำสังข์ และ Tips 5 ข้อคือ ปลอดภัย สะดวกสบาย อัธยาศัย มีระเบียบเรียบร้อย และให้เกียรติ ซึ่งสิ่งที่อาจารย์ให้ความรู้นี้ มีประโยชน์ต่อการนำไปใช้ในชีวิตการทำงานได้เป็นอย่างดี และมีประโยชน์ในอนาคตอันใกล้นี้ ในเรื่องของการบริหารจัดการตัวเอง Managing Self Performance ชอบกิจกรรมที่อาจารย์ให้ ให้เลือกรูปภาพที่ชอบมา 3 รูป แล้วให้อธิบายรูปที่ 1 รูปไหนที่เป็นตัวเอง รูปที่ 2 รูปไหนที่แสดงถึงปัจจุบัน รูปที่ 3 รูปไหนที่แสดงถึงเป้าหมายชีวิต ทำให้เราทราบตัวเองและเพื่อนๆ ว่าชีวิตในวัยเด็ก ปัจจุบัน และอนาคตมีลักษณะเป็นอย่างไร และเรียนรู้ถึงในชีวิตคนเรามีสิ่งที่มีอิทธิพลในชีวิตประจำวัน 3 อย่างคือ Be Do Have ซึ่งสิ่งที่อาจารย์สอนทำให้เข้าใจตัวเองก่อน เข้าใจผู้อื่น อุปนิสัยพฤติกรรมซ้ำๆเป็นนิสัย มีความศรัทธา และคววามเชื่อ
วันที่ 3 วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2557
การอบรมเกี่ยวกับ "การพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน" ทำให้ได้แนวความคิดหลายหลากเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับคณะแพทย์ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีหลักเกณฑ์ของกาจดทะเบียนคุ้มครองสิทธิบัตร ทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่พวกเราคงต้องนำมาปรับเปลี่ยนแนวความคิดใหม่ให้เกิดประโยชน์ต่อคณะแพทย์และคนที่มารับบริการจากโรงพยาบาลมอ. ให้มากยิ่งขึ้น
สรุปทั้ง 3 วันที่ได้ฟังคำอบรมมาล้วนแต่มีสาระประโยชน์และมุมมองแนวความคิดที่จะนำไปสู่การเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆให้เกิดขึ้นกับตัวเองในภายภาคหน้า ซึ่งจะได้นำไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการฟังบรรยายในครั้งนี้ของอาจารย์แต่ละท่านล้วนมีคุณค่าทางปัญญาและความรู้ซึ่งหาจากที่ไหนไม่ได้...!!!!
ขออภัยค่ะวันแรก2ตค.57 ไม่ได้เข้าร่วม เริ่มวันที่ 3ตค.57 วันแรกชอบมาก เพลินมากตรงกับงานที่ทำมากเลยหัวข้อ " Personality and Social Skills Development " โดย อ.ณภัสวรรณ จิลลานนท์ สามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวันและงานที่ทำ บางอย่างไม่รู้ หรือรู้แบบผิดๆ ไม่ต้องจด ถ้าจำไม่ได้ให้ยืดหลักปฏิบัติ 5 ข้อ คือ ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย อัธยาศัย มีระเบียบเรียบร้อย และการให้เกียรติกัน
ช่วงบ่ายเป็นวิชาของ อ.อิทธิภัทร ภัทรเมฆานนท์. " Managing Self Performance " เหมือนเรียนพุทธศาสนา มนุษยศาสตร์ เมื่่อฟังอาจารย์ก็นึกถึงคนที่เราพบปะอยู่ทุกวัน นึกถึงลูกที่บ้านเพราะอาจารย์พูดถึงลูกอาจารย์ เหมือนโลกแคบคิดได้แค่นี้ มาดูตารางเรียนวิชาต่อไปเครียดอยากลาออก อยากโทรหาหัวหน้าที่ลงชื่อให้มาเรียนทั้งวันทั้งคืนเลย ว่าขอลาออกจากการอบรมได้ไหมค่ะ เครียดมากค่ะ แต่เมื่อทราบว่าคณะฯจะต้องเสียเงินมากมายเพื่อการนี้ วันที่ 3 ตค.57 ก็มาแบบเครียดๆ ค่ะ แต่ก็มา มีการบ้าน งานที่ต้องทำ แปลหนังสือภาษาอังกฤษ ซึ่งไม่ได้ใช้เลยตั้งแต่เรียนจบ แนวปรัชญา จิตวิทยาอีกต่างหาก
คิดว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะขอบคุณค่ะ
สรุปบทเรียนต่อนะคะของวันที่ 3 ต.ค.57
วิชาสุดท้ายของวันนั้นเป็นวิชา ในหัวข้อ " 3V's and Mini Research for the Innovative Project " โดย อ.จีระ หงส์ลดารมภ์ และ อ.พิชญ์ภูรี จันทรกมล
แต่ละกลุ่มคิดว่าจะทำ Mini Research เรื่องใด คิด 2 หัวข้อ ซึ่งอาจารย์มีข้อที่พึงพิจารณา คือ Hypothesis ของ Mini Research จะต้องเน้นให้มี Relevant สามารถนำไปใช้ในคณะแพทย์ของเราได้ , มองอนาคต , Expand to high value & 3V มองอะไรที่เป็นยุทธศาสตร์และสร้างสรรค์ เน้น Reality & Practical โดยมองจากองค์ความรู้ Basic Knowledge ที่มีและหาได้ ควรเอาแนวคิดที่เรียนทุกๆวันในห้องและการอ่านเพิ่มเติม มาใช้ในการทำ Research
วันที่ 4 ต.ค. 57
วิชาที่ 7 หัวข้อ " การพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน " โดย อ.ชเนฎธวัลลภ ณ ขุมทอง
อาจารย์มี Workshop ให้เราทำ คือ แบ่งกลุ่มเป็น 5 กลุ่ม แล้วให้แต่ละกลุ่มคิดคำ 3 คำที่เรา PSU ต่างจาก ร.ร.แพทย์ที่อื่นอย่างไร ซึ่งแต่ละกลุ่มได้นำเสนอแนวคิดที่ดีออกมา สุดท้ายแล้ว คำ 3 คำที่ได้จากการทำกลุ่มคือ บริการ สังคมและเครือข่าว
ช่วงบ่ายของวัน เป็นวิชาที่ 8 หัวข้อ " กรณีศึกษาด้านการวิจัยและพัฒนา.. และการพัฒนางานของคณะแพทย์ มอ. โดยมีวิทยากร 3 ท่าน มาให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร ทำให้ทุกคนได้ทราบและเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มขึ้น
จากการอบรมทั้ง 3 วันสามารถเอามาเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน โดยเริ่มตั้งแต่ตัวเราเองที่ต้องมีความเข้าใจและปรับทัศนคติที่ดี เพื่อพัฒนาศักยภาพ เข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของสังคม โลกและสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา นอกจากนี้ได้เรียนรู้การทำงานเดี่ยว กลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ ซึ่งผลสรุปของทั้งหมดสามารถนำไปสู่การพัฒนาองค์กรต่อๆไป
อบรมวันที่ 03/10/57
หัวข้อ การพัฒนาภาวะผู้นำและการสร้างผู้นำรุ่นใหม่
โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารม
อาจารย์ได้เปิดกะลาของดิฉันซึ่งไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมืองและดูข่าวสาร รู้แต่โลกแคบ ๆ ในวิชาชีพทางด้านการพยาบาล อาจารย์ทำให้รู้ว่าผู้นำต้องมองการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ ต้องตั้งรับได้และแก้ไขปัญหาได้ ถ้าเราตามการเปลี่ยนแปลงของโลกไม่ทัน เราก็ไม่สามารถอยู่ได้อย่างสมดุล
หัวข้อ“Personality and Social Skills Development
โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์
ประทับใจอาจารย์มาก ๆ อาจารย์เป็นคนที่มีบุคลิกดีมาก สิ่งที่อาจารย์ได้แนะนำสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน และการเข้าสังคมได้อย่างดี จากเดิมที่เคยทำแบบผิดๆ มาตลอด ด้วยความไม่รู้ และให้จำคำว่าคิดอะไรไม่ออกให้ยึดหลัก 5 ประการ คือ
1. ปลอดภัย
2. สะดวกสบาย
3. ให้เกียรติ
4. อัธยาศัยไมตรี
5. ความมีระเบียบเรียบร้อย
หัวข้อ Managing Self Performance
โดยอาจารย์อิทธิภัทร ภัทรเมฆานนท์
ประทับใจ สิ่งที่อาจารย์พูดและให้ความรู้จะแฝงด้วยธรรมะ และคุณธรรม เป็นการสอนเรื่องการบริหารจัดการตัวเอง พัฒนาตนเอง ตัวเราเองเป็นคนกำหนดชีวิต ไปยังความสำเร็จ การมีเป้าหมาย ถ้าชัดก็จะทำให้ไปยังเป้าหมายเร็วขึ้น
หัวข้อ“3 V’s and Mini Research for the Innovative Project”
โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล
อาจารย์พูดว่า :งานวิจัยต้องเอาไปใช้ได้ในอนาคต เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้มีความรู้สึกว่าเราจะสามารถทำได้หรือไม่ แต่จะพยายามทำให้ได้และให้ดีที่สุด
ในวันนี้ ได้มีการค้นหาตัวเรา(ร.พ.มอ.) ให้ชัดเจนว่าแตกต่างจากที่อื่นอย่างไรมีจุดอ่อนที่จะนำไปปรับปรุง หรือ จุดเด่นที่จำต่อยอดให้ไปสู่ความเป็นเลิศอะไรบ้าง และ ได้อย่างไรโดยการที่จินตนาการที่ให้ไปถึงดวงดาว (Think big) โดยการ share จากในกลุ่ม และนอกกลุ่ม นำไปสู่การ learn ร่วมกัน เปิดความคิดให้กว้างขึ้น ฝึกการรับฟัง ผู้อื่นไปด้วย ซึ่งได้ในส่วนของการ care ตามนิยามการเรียนรู้ที่ต้องการ
วันพฤหัสบดี ที่ 2 ตุลาคม 2557 สิ่งที่ได้เรียนรู้
ทฤษฎี 3 V
- Value added เป็นพื้นฐาน และทำให้เกิดมูลค่า หรือพื้นฐานมากขึ้น เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว แต่การเรียนในวันนี้ทำให้รู้มากขึ้น
-Value creation การรวมตัวกันคิดนอกกรอบ มีความคิดสร้างสรรค์ มีนวัตกรรมขึ้นมา มีโครงการใหม่ๆ Value diversity
การสร้าง 3 V ของคณะแพทย์เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก หากทำสำเร็จจะประสบความสำเร็จมาก
ทฤษฎี 4L’s
- Learning Methodologyมีวิธีการเรียนรู้ที่ดี
- Learning Environmentสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
- Learning Opportunities สร้าง/เกิดโอกาสจากการเรียนรู้ ได้ประทะกันทางปัญญา ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
- Learning Communities สร้าง/เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้
ทฤษฎี 2 R’s
-Reality - มองความจริง
-Relevance - ตรงประเด็น มองครบ
ทฤษฎี 3L’s
-Learning from pain เรียนรู้จากความเจ็บปวด
-Learning from experiences เรียนรู้จากประสบการณ์
-Learning from listeningเรียนรู้จากการรับฟัง
8 K’s : ทฤษฎีทุน 8 ประเภทพื้นฐานของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
-Human Capital ทุนมนุษย์
-Intellectual Capital ทุนทางปัญญา
-Ethical Capital ทุนทางจริยธรรม เป็นตัวสำคัญในการบิดเบือนศักยภาพของคน
-Happiness Capital ทุนแห่งความสุข
-Social Capital ทุนทางสังคม
-Sustainability Capital ทุนแห่งความยั่งยืน
-Digital Capital ทุนทาง IT
-Talented Capital ทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ
Mindset
-อยู่ภายในอย่างฝั่งลึก
-มีผลต่อแนวคิด พฤติกรรม ของเรา
-มีทั้งด้านบวกและลบ
วันศุกร์ ที่ 3 ตุลาคม 2557 สิ่งที่ได้เรียนรู้
คำแนะนำเรื่องบุคลิกภาพ
เรื่องการแต่งกาย มารยาททางสังคมที่ควรรู้ การเดิน การนั่ง ซึ่งมีความจำเป็น
สำหรับการเข้าสังคม การต้อนรับผู้ใหญ่ เป็นต้น
ความเชื่อเกี่ยวกับคน
-มนุษย์ทุกคนทีทรัพยากรที่ดีในตัวเอง
-ทุกคนสามารถพัฒนาได้และต้องการได้รับการพัฒนา
-การสื่อสารกับตัวเองภายใน สื่อสารกับผู้อื่น และการมีส่วนร่วมมีความสำคัญกับมนุษย์
-ต้องการประสบการณ์ที่ดี และต้องให้ประสบการณ์ที่ดีต่อกันคนใกล้ชิดก่อนการให้ประสบการณ์ที่ดีกับคนที่ห่างออกไป
วันเสาร์ ที่ 4 ตุลาคม 2557 สิ่งที่ได้เรียนรู้
การพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่มีระบบการให้บริการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุด มีแต่ระบบที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศนั้นๆ และอาจารย์มาแลกเปลี่ยนให้ความรู้ใน ด้านการจดสิทธิบัตร การขอจดลิขสิทธิ์ ปัญหาที่เกิดขึ้น เหตุผลที่ต้องจด หรือการไม่จดแล้วจะมีโอกาสเผชิญกับปัญหาอะไรได้บ้าง รวมถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิทธิต่างๆที่เกิดขึ้นหลังการจด และไม่จด จะมีผลอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ถึงลูกศิษย์ PSU MED 2
สามวันที่ได้เรียนรู้จากท่านวิทยากรหลากหลายสาขาอาชีพ เป็นการเพิ่มทุนมนุษย์จริงๆ ทำให้เกิดการเรียนรู้ การพัฒนาความคิดของตัวเอง คนเราไม่ใช่เรียนจบทำงานอย่างเดียว แต่การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การอ่านหนังสือที่มีคุณค่า การได้รับฟังประสบการณ์ต่างๆ จากผู้รู้เป็นการเปิดโลกทัศน์ของตัวเรา้ให้ฉลาดขึ้น คิดทำอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ทำให้เรารู้สึกมีคุณค่ามากขึ้นจริงๆ การปรับความรู้ แนวคิด บุคลิกภาพให้ดูดีชอบจริงๆ ชอบการสอนของ อ.ชเนฎฐวัลลภ พั้งๆ ดีถูกใจ ไม่ต้องลีลามากสบายๆ หัวเราะหรอยดี อ.จีระ สอนแล้วดูมั่นใจ สร้างพลังใจ อย่าไปกลัวเรียนรู้เข้าไป คนเก่งเสียงดังจริงๆ เชื่อแล้วจะพยายามเรียนรู้จากอาจารย์ให้มากๆ แล้วจะไม่พลาดในการอบรมจนครหลักสูตร สัญญาๆ
อ.จีระ หนูได้รับหัวข้อ the limit of growth ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรงแต่รู้ว่า โลกคงรับไม่ได้แน่ถ้าอัตราการเพิ่มของประชากรไม่สิ้นสุด เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ทรัพยากรโลกที่อยู่อย่างจำกัด จึงมีการออกแบบการจำกัดอัตราการเกิดของมนุษย์ในหลายๆ ประเทศเพื่อให้เกิดความสมดุลกับทรัพยากรโลก รวมถึงผลที่เกิดจากนโยบายต่างๆ ของรัฐที่นำใช้
The limit of growth มาแปลอยู่หลายวันเพราะไม่เก่งภาษา เท่าที่จับประเด็นได้ว่า โลกไม่สามารถรองรับอัตราการเกิดของประชากรที่ไม่สิ้นสุด ในขณะที่ทรัพยากรของโลกมีอยู่จำกัด จนเกินความสามารถที่จะิกเลี้ยงตัวเองได้ จึงทำให้นักคิดตระหนักถึงภัยเงียบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ จึงมีการตีพิมพ์ข้อจำกัดต่อการเจริญเติบโต ที่จำเป็นต้องลดอัตราการเติบโตของประชากรทั่วโลก ก่อนที่จะเกิดวิกฤติที่เลวร้าย
กำลังอ่าน และสรุปการบ้านที่ได้รับมอบหมายในบทที่ 3 คือ Seeing the forest through the trees รอบที่ 2 เนื่องจากรอบแรกยังงงๆ แต่คิดว่าน่าสนใจ ทำให้เราได้มุมมองที่กว้างขึ้น มีโอกาสอ่านเรื่องที่ไม่ค่อยได้อ่านมาก่อน การรู้จักตัวเองและรู้ว่าความจริงคืออะไร เป็นสิ่งสำคัญมาก แต่ที่สำคัญกว่าคือการนำมาปรับใช้ให้ได้จริงๆตามบริบท
สรุปจากการเรียน 2-4 ต.ค.57
คิดว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเอง ว่าโลกนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะมาก โดยเฉพาะศาสตร์และศิลป์ที่นอกเหนือจากวิชาชีพของเรา อาจารย์ผู้สอนทุกท่านเป็นระดับปรมาจารย์ของแต่ละสาขาทั้งสิ้น
วันแรก จะเป็นเรื่่องเกี่ยวกับทุนมนุษย์ ทฤษฎี 8 Ks 5 Ks ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ซึ่งเมื่อทำกลุ่มแล้วนำมาวิเคราะห์กับองค์กรของเรา ทำให้เห็นบางมุม ที่ไม่เคยคิด/เห็นมาก่อนเลย ช่วงบ่ายเป็น ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ รู้สึกประทับใจตอน อจ. เล่าว่า เรียนมากับ Peter Senge ซึ่งเป็นผู้เขียน" The Fifth Discipline" ที่ดิฉันได้ใช้ทฤษฎีของท่านในการทำวิทยานิพนธ์ตอนเรียน ป.โท และเมื่อฟัง อจ.สอน รู้สึกว่า อจ. รอบรู้มากจริงๆ
วันที่่สอง ช่วงเช้า เป็นการดูแลบุคลิกทั้งภายนอก-ภายใน อจ.ณภัสวรรณ สอนชนิดที่นักเรียนตั้งใจฟังแบบลืมเวลากันเลยทีเดียว ได้อะไรจากอจ.เยอะมาก ช่วงบ่าย อจ.อิทธิภัทร สอนให้รู้จักตัวเอง และ ศ.ดร.จีระ assign ให้แบ่งกันแปลหนังสือภาษาอังกฤษ "A Bandance" และฝึกให้ลองตั้งโจทย์วิจัย
วันที่สาม เริ่มด้วย อจ.ชเนฏฐวัลลภ สอนให้เราค้นหาจุดขาย/จุดเด่น/สื่งที่องค์กรเราทำได้ดีกว่าที่อื่น ช่วงบ่ายเป็นการอภิปราย 4 ท่าน เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นช่วงที่มีคำถามเยอะที่สุด ได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องชนิด/การจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ที่คิดว่ามีประโยชน์มากค่ะ
ในสัปดาห์ที่ไม่มีการเรียนการสอน ทางกลุ่มได้รับ assign ให้แปล "A Bandance" บทที่ 3-4 มีช่วงที่กล่าวถึง TED talk ที่ Hans Rosling นำเสนอ ได้ลองเปิดดู รู้สึกเข้าใจเนื้อหาขึ้น ทำให้เพิ่มการเรียนรู้ขึ้นมากเลยค่ะ ขอขอบคุณ ท่านผู้บริหารของเราที่ทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น และขอขอบคุณคณาจารย์ทุกท่านที่มาให้ความรู้ค่ะ
สรุปจากการเรียน 2-4 ต.ค.57
คิดว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเอง ว่าโลกนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะมาก โดยเฉพาะศาสตร์และศิลป์ที่นอกเหนือจากวิชาชีพของเรา อาจารย์ผู้สอนทุกท่านเป็นระดับปรมาจารย์ของแต่ละสาขาทั้งสิ้น
วันแรก จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทุนมนุษย์ ทฤษฎี 8 Ks 5 Ks ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ซึ่งเมื่อทำกลุ่มแล้วนำมาวิเคราะห์กับองค์กรของเรา ทำให้เห็นบางมุม ที่ไม่เคยคิด/เห็นมาก่อนเลย ช่วงบ่ายเป็น ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ รู้สึกประทับใจตอน อจ. เล่าว่า เรียนมากับ Peter Senge ซึ่งเป็นผู้เขียน" The Fifth Discipline" ที่ดิฉันได้ใช้ทฤษฎีของท่านในการทำวิทยานิพนธ์ตอนเรียน ป.โท และเมื่อฟัง อจ.สอน รู้สึกว่า อจ. รอบรู้มากจริงๆ
วันที่สอง ช่วงเช้า เป็นการดูแลบุคลิกทั้งภายนอก-ภายใน อจ.ณภัสวรรณ สอนชนิดที่นักเรียนตั้งใจฟังแบบลืมเวลากันเลยทีเดียว ได้อะไรจากอจ.เยอะมาก ช่วงบ่าย อจ.อิทธิภัทร สอนให้รู้จักตัวเอง และ ศ.ดร.จีระ assign ให้แบ่งกันแปลหนังสือภาษาอังกฤษ "A Bandance" และฝึกให้ลองตั้งโจทย์วิจัย
วันที่สาม เริ่มด้วย อจ.ชเนฏฐวัลลภ สอนให้เราค้นหาจุดขาย/จุดเด่น/สื่งที่องค์กรเราทำได้ดีกว่าที่อื่น ช่วงบ่ายเป็นการอภิปราย 4 ท่าน เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นช่วงที่มีคำถามเยอะที่สุด ได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องชนิด/การจัดการทรัพย์สินทางปัญญาที่คิดว่ามีประโยชน์มากค่ะ
ในสัปดาห์ที่ไม่มีการเรียนการสอน ทางกลุ่มได้รับ assignให้แปล "A Bandance"บทที่ 3-4 มีช่วงที่กล่าวถึง TED talk ที่ Hans Roslingนำเสนอ ได้ลองเปิดดูรู้สึกเข้าใจเนื้อหาขึ้น ทำให้เพิ่มการเรียนรู้ขึ้นมากเลยค่ะ ขอขอบคุณ ท่านผู้บริหารของเราที่ทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น และขอขอบคุณคณาจารย์ทุกท่านที่มาให้ความรู้ค่ะ
สรุปจากการเรียน 2-4 ต.ค.57
คิดว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเอง ว่าโลกนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะมาก โดยเฉพาะศาสตร์และศิลป์ที่นอกเหนือจากวิชาชีพของเรา อาจารย์ผู้สอนทุกท่านเป็นระดับปรมาจารย์ของแต่ละสาขาทั้งสิ้น
วันแรก จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทุนมนุษย์ ทฤษฎี 8 Ks 5 Ks ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ซึ่งเมื่อทำกลุ่มแล้วนำมาวิเคราะห์กับองค์กรของเรา ทำให้เห็นบางมุม ที่ไม่เคยคิด/เห็นมาก่อนเลย ช่วงบ่ายเป็น ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ รู้สึกประทับใจตอน อจ. เล่าว่า เรียนมากับ Peter Senge ซึ่งเป็นผู้เขียน" The Fifth Discipline" ที่ดิฉันได้ใช้ทฤษฎีของท่านในการทำวิทยานิพนธ์ตอนเรียน ป.โท และเมื่อฟัง อจ.สอน รู้สึกว่า อจ. รอบรู้มากจริงๆ
วันที่สอง ช่วงเช้า เป็นการดูแลบุคลิกทั้งภายนอก-ภายใน อจ.ณภัสวรรณ สอนชนิดที่นักเรียนตั้งใจฟังแบบลืมเวลากันเลยทีเดียว ได้อะไรจากอจ.เยอะมาก ช่วงบ่าย อจ.อิทธิภัทร สอนให้รู้จักตัวเอง และ ศ.ดร.จีระ assign ให้แบ่งกันแปลหนังสือภาษาอังกฤษ "A Bandance" และฝึกให้ลองตั้งโจทย์วิจัย
วันที่สาม เริ่มด้วย อจ.ชเนฏฐวัลลภ สอนให้เราค้นหาจุดขาย/จุดเด่น/สื่งที่องค์กรเราทำได้ดีกว่าที่อื่น ช่วงบ่ายเป็นการอภิปราย 4 ท่าน เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นช่วงที่มีคำถามเยอะที่สุด ได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องชนิด/การจัดการทรัพย์สินทางปัญญาที่คิดว่ามีประโยชน์มากค่ะ
ในสัปดาห์ที่ไม่มีการเรียนการสอน ทางกลุ่มได้รับ assignให้แปล "A Bandance"บทที่ 3-4 มีช่วงที่กล่าวถึง TED talk ที่ Hans Roslingนำเสนอ ได้ลองเปิดดูรู้สึกเข้าใจเนื้อหาขึ้น ทำให้เพิ่มการเรียนรู้ขึ้นมากเลยค่ะ ขอขอบคุณ ท่านผู้บริหารของเราที่ทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น และขอขอบคุณคณาจารย์ทุกท่านที่มาให้ความรู้ค่ะ
สรุปจากการเรียน 2-4 ต.ค.57
คิดว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเอง ว่าโลกนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะมาก โดยเฉพาะศาสตร์และศิลป์ที่นอกเหนือจากวิชาชีพของเรา อาจารย์ผู้สอนทุกท่านเป็นระดับปรมาจารย์ของแต่ละสาขาทั้งสิ้น
วันแรก จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทุนมนุษย์ ทฤษฎี 8 Ks 5 Ks ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ซึ่งเมื่อทำกลุ่มแล้วนำมาวิเคราะห์กับองค์กรของเรา ทำให้เห็นบางมุม ที่ไม่เคยคิด/เห็นมาก่อนเลย ช่วงบ่ายเป็น ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ รู้สึกประทับใจตอน อจ. เล่าว่า เรียนมากับ Peter Senge ซึ่งเป็นผู้เขียน" The Fifth Discipline" ที่ดิฉันได้ใช้ทฤษฎีของท่านในการทำวิทยานิพนธ์ตอนเรียน ป.โท และเมื่อฟัง อจ.สอน รู้สึกว่า อจ. รอบรู้มากจริงๆ
วันที่สอง ช่วงเช้า เป็นการดูแลบุคลิกทั้งภายนอก-ภายใน อจ.ณภัสวรรณ สอนชนิดที่นักเรียนตั้งใจฟังแบบลืมเวลากันเลยทีเดียว ได้อะไรจากอจ.เยอะมาก ช่วงบ่าย อจ.อิทธิภัทร สอนให้รู้จักตัวเอง และ ศ.ดร.จีระ assign ให้แบ่งกันแปลหนังสือภาษาอังกฤษ "A Bandance" และฝึกให้ลองตั้งโจทย์วิจัย
วันที่สาม เริ่มด้วย อจ.ชเนฏฐวัลลภ สอนให้เราค้นหาจุดขาย/จุดเด่น/สื่งที่องค์กรเราทำได้ดีกว่าที่อื่น ช่วงบ่ายเป็นการอภิปราย 4 ท่าน เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นช่วงที่มีคำถามเยอะที่สุด ได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องชนิด/การจัดการทรัพย์สินทางปัญญาที่คิดว่ามีประโยชน์มากค่ะ
ในสัปดาห์ที่ไม่มีการเรียนการสอน ทางกลุ่มได้รับ assignให้แปล "A Bandance"บทที่ 3-4 มีช่วงที่กล่าวถึง TED talk ที่ Hans Roslingนำเสนอ ได้ลองเปิดดูรู้สึกเข้าใจเนื้อหาขึ้น ทำให้เพิ่มการเรียนรู้ขึ้นมากเลยค่ะ ขอขอบคุณ ท่านผู้บริหารของเราที่ทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น และขอขอบคุณคณาจารย์ทุกท่านที่มาให้ความรู้ค่ะ
Today (October 15, 2014), I have learnt many things in the different perspectives from my background. In the morning, we presented about the assignment 1 "Abundance book". There were good stories that telling us about how can we use our brain and thinking in different ways to solve the problems as well as using technology and changing mindset. Furthermore, I have learnt about leadership characteristics and wisdom for life management. The topics that I like are "the golden fish theory" and "4Qs".
In the afternoon, I knew more about the 3 South border provinces from the invited speakers in the different views. In addition, the workshop that we discussed about the projects for our faculty and the 3 South border provinces leading us to have new idea to create the valued projects.
In conclusion, I think today's topics are interesting and can help me to adapt in my working place and my life.
สัปดาห์ที่ 2 ของการเรียนแล้วสินะ มาคนแรกเลยตื่นเต้นค่ะที่ต้องเป็นตัวแทนกลุ่มนำเสนอการแปลและวิเคราะห์ประเด็นที่น่าสนใจจากหนังสือ A bundance กราบขอบคุณท่านอ.จีระค่ะที่กรุณาชมว่าเป็นเหมือนมังคุด วันนี้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ
Leadership & Teamwork : รศ.ดร.เฉลิมพล เกิดมณี วิทยากรระดับชาติสอนให้เราต้องเชื่อมั่นว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เราทำไม่ได้ การตัดสินใจให้ 4Qs ทำงาน ในการแก้ปัญหาของผู้บริหารให้มองว่าทุุกปัญหามีทางออก หาข้อมูลที่เป็นทางออก แล้วพิจารณาโอกาสของข้อมูลให้คิดบวก วิเคราะห์ข้อจำกัด สอนให้เข้าใจธรรมชาติ มองทั้งสองด้านทั้งด้านดีและไม่ดี รู้จักว่าง ปล่อยใจให้ว่าง เพราะความสำเร็จอยู่ในที่ที่ว่าง นอกจากนี้ได้พูดถึงการสร้างทีม ความสำเร็จของทีมให้ใช้ทฤษฎีตัวช่วย เรียนรู้ทุกสิ่งอย่างไม่เที่ยง ไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลง แต่จะให้ดีต้องเปลี่ยนแปลงแบบ win win ให้เราเปืดใจยอมรับทุกความคิดเห็น
ในช่วงบ่่าย หัวข้อ คณะแพทยศาสตร์ มอ.กับบทบาทและการงานด้านความมั่นคงของประเทศฯ ได้รับเกียรติจากวิทยากรมืออาชีพอีกเช่นกัน ได้รู้จักและเข้าใจปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าใจประชาชนที่เป็นพี่น้องคนมุสลิมมากขึ้น ทราบหลักของการอยู่ร่วมกันและการสร้างสันติสุขใน3จังหวัด การแพทย์เป็นสิ่งที่จำเป็นและได้รับการไว้วางใจสูงในการสร้างความมั่นคงของประเทศฯ ใน 3 จังหวัด ช่วงสุดท้ายมีการทำ workshop เกี่ยวกับโครงการของคณะแพทย์ที่ผ่านมาว่ามีจุดอ่อนอะไรบ้าง และให้โครงการในอนาคตที่ทางกลุ่มอยากจะทำในรูปแบบการทำงานของคณะแพทย์กับบทบาทการรักษาความมั่นคงและเครือข่ายใน 3จังหวัด ได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้กันอย่างกว้างขวางค่ะ
ขอบพระคุณอาจารย์จีระและทีมงานทุกท่านค่ะ
วันนี้ท่านวิทยากร รศ.ดร.เฉลิมพล เกิดมณี มาสร้างพลังให้เกิดความมุ่งมั่น เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราเป็นผู้วางให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกกาลเทศะ ปัญหาทุกอย่างมีทางออกอยู่ในตัวของมันเอง ต้องอยู่อย่างมีความหวัง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด จิตก็จะสบาย ส่วนปัญหา 3 ชายแดนภาคใต้ อ,ไชยยงค์ พูดได้ตรงประเด็น เหมือนที่ตนเองคิดไว้ว่าความต้องการเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่เราจะพยายามเข้าใจ เข้าถึงเพื่อปกป้องแผ่นดินของเราเหมือนกัน ถึงดับไฟใต้ไม่ได้ แต่ให้ค่อยๆ มอดลงๆ ก็ยังดี
สำหรับวันนี้ได้รับความรู้มากมาย ได้เรียนรู้ความหมาย ความสำคัญเกี่ยวกับ Leadership &Teamwork สามารถทำให้เราได้เข้าใจตัวเอง และเข้าใจธรรมชาติได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น และให้แนวคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้นำเป็น และควรจะเป็น ส่วนช่วงบ่ายรู้สึกว่าตัวเองได้รู้เรื่องเกี่ยวกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้มากยิ่งขึ้น ได้รู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลามมากขึ้น ได้รับทั้งความรู้ความสนุกสนานในการเรียนค่ะ
ในสัปดาห์ที่ 2 นี้ รู้สึกว่าสนุกกับการเข้าอบรมเพิ่มขึ้น ความรู้สึกกังวลที่จะไม่รู้เรื่องได้ลดน้อยลง เพราะทราบแล้วว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ซึ่งมันค่อนข้างจะตรงกับสิ่งที่กลุ่มของเราได้เรียนในหัวข้อ "Leadership & Teamwork" โดย รศ.ดร.เฉลิมพล เกิดมณี ต้องจัดการกับอุปสรรคให้ได้ ซึ่งก็คือความคิดของเรานั่นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ มี 2 ด้าน การที่เรามองสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดีควรขึ้นกับสถานการณ์ อยู่ที่ว่าเราจะจัดวางอย่างไร ดังนั้นคนที่เป็นผู้นำขององค์กรต้องเข้าใจธรรมชาติของแต่ละบุคคลว่าเค้าเป็นอย่างไร ควรให้เค้าเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้นการสร้างทีม ควรเป็นผู้ให้ที่ถูกที่ ถูกเวลาและถูกคน มีกติกาการอยู่ร่วมกันอย่างโปร่งใสยุติธรรม ปล่อยวางตัวตนและประโยชน์ของตน เป็นคนสาธารณะ นอกจากนี้ในความสำเร็จของทีม ควรมีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน มองที่ปัจจุบันและทำให้ดีที่สุด ควรแก้ปัญหาเป็นระยะๆ เพราะ "ทุกปัญหามีทางออก" เริ่มจากหาข้อมูลที่จะเป็นทางออก พิจารณาโอกาสของข้อมูลว่าบวกดีมากน้อยแค่ไหน มีอะไรลบบ้างที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ และเราต้องใช้ตัวบวกแก้ตัวลบ
ในช่วงบ่ายของวันที่ 16ต.ค.57 เป็นหัวข้อเกี่ยวกับ "คณะแพทยศาสตร์ มอ.กับบทบาทและการงานด้านความมั่นคงของประเทศในมุมมองของข้าพเจ้า" โดยวิทยากรหลายท่านร่วมกันอภิปราย
เกี่ยวกับปัญหาในการแบ่งแยกดินแดนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้ฟังปมปัญหาที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเป็นปัญหาระดับประเทศ ดังนั้นเมื่อมีปัญหาขนาดเล็กควรปรับปรุงในสิ่งที่เราทำ แต่เมื่อมีปัญหาใหญ่กว่านั้น ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด
และสุดท้าย จากงานที่ทุกกลุ่มได้รับมอบหมายให้อ่านหนังสือเรื่อง Abundance ทุกกลุ่มได้มีการนำเสนอได้ดี มองเห็นสิ่งที่จะทำให้เกิดความอุดมสมบูรณรงค์พูนสุข ซึ่งหนังสือเล่มนี้ท่าน อ.จีระ ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ทุกคนควรจะมีไว้อ่านเพื่อเตือนใจ กระตุ้นให้เรามีการพัฒนาและกระเด้งไปที่ 3V ขอบคุณสำหรับเนื้อหาของวันนี้ที่ทำให้เราได้ Learn Share & Care ค่ะ
วันที่ 16ตค.57
ในสัปดาห์ที่ 2 นี้ รู้สึกว่าสนุกกับการเข้าอบรมเพิ่มขึ้น ความรู้สึกกังวลที่จะไม่รู้เรื่องได้ลดน้อยลง เพราะทราบแล้วว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ซึ่งมันค่อนข้างจะตรงกับสิ่งที่กลุ่มของเราได้เรียนในหัวข้อ "Leadership & Teamwork" โดย รศ.ดร.เฉลิมพล เกิดมณี ต้องจัดการกับอุปสรรคให้ได้ ซึ่งก็คือความคิดของเรานั่นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ มี 2 ด้าน การที่เรามองสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดีควรขึ้นกับสถานการณ์ อยู่ที่ว่าเราจะจัดวางอย่างไร ดังนั้นคนที่เป็นผู้นำขององค์กรต้องเข้าใจธรรมชาติของแต่ละบุคคลว่าเค้าเป็นอย่างไร ควรให้เค้าเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้นการสร้างทีม ควรเป็นผู้ให้ที่ถูกที่ ถูกเวลาและถูกคน มีกติกาการอยู่ร่วมกันอย่างโปร่งใสยุติธรรม ปล่อยวางตัวตนและประโยชน์ของตน เป็นคนสาธารณะ นอกจากนี้ในความสำเร็จของทีม ควรมีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน มองที่ปัจจุบันและทำให้ดีที่สุด ควรแก้ปัญหาเป็นระยะๆ เพราะ "ทุกปัญหามีทางออก" เริ่มจากหาข้อมูลที่จะเป็นทางออก พิจารณาโอกาสของข้อมูลว่าบวกดีมากน้อยแค่ไหน มีอะไรลบบ้างที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ และเราต้องใช้ตัวบวกแก้ตัวลบ
ในช่วงบ่ายของวันที่ 16ต.ค.57 เป็นหัวข้อเกี่ยวกับ "คณะแพทยศาสตร์ มอ.กับบทบาทและการงานด้านความมั่นคงของประเทศในมุมมองของข้าพเจ้า" โดยวิทยากรหลายท่านร่วมกันอภิปราย
เกี่ยวกับปัญหาในการแบ่งแยกดินแดนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้ฟังปมปัญหาที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเป็นปัญหาระดับประเทศ ดังนั้นเมื่อมีปัญหาขนาดเล็กควรปรับปรุงในสิ่งที่เราทำ แต่เมื่อมีปัญหาใหญ่กว่านั้น ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด
และสุดท้าย จากงานที่ทุกกลุ่มได้รับมอบหมายให้อ่านหนังสือเรื่อง Abundance ทุกกลุ่มได้มีการนำเสนอได้ดี มองเห็นสิ่งที่จะทำให้เกิดความอุดมสมบูรณรงค์พูนสุข ซึ่งหนังสือเล่มนี้ท่าน อ.จีระ ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ทุกคนควรจะมีไว้อ่านเพื่อเตือนใจ กระตุ้นให้เรามีการพัฒนาและกระเด้งไปที่ 3V ขอบคุณสำหรับเนื้อหาของวันนี้ที่ทำให้เราได้ Learn Share & Care ค่ะ
รู้สึกประทับใจตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งวันนี้ คือวันที่ 4 ของการเรียน (ขอสรุปทั้ง 4 วันค่ะ) วันแรกได้มีการจัดปฐมนิเทศ และมีการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้แบบ “Learn & Share & Care” ซึ่งเป็นการเรียนที่ทำให้ทุกคนได้รับความรู้ใหม่ มีการแลกเปลี่ยน แบ่งปันความรู้และที่สำคัญคือยอมรับในความต่าง เพราะในบางครั้งความต่าง อาจจะนำมาซึ่ง Creativity หากถ้ารู้จัก ที่จะ Integration อย่างถูกต้อง ถูกที่ และ ถูกเวลา ไม่ยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตนเองจนเกินไป เพราะเชื่อว่าบางครั้งไม่ว่าจะเป็นสถาบันครอบครัว,การศึกษา,องค์กรสังคมหรืออื่นๆที่อยู่รอบๆตัวเรา เป็นสิ่งที่หล่อหลอมทำให้เรามี Inner belief หรือ Mindset กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่แตกต่างกันออกไป เช่น ทำไมบุคลากรส่วนใหญ่ในสถาบันการศึกษาหรือสาธารณสุข ยังไม่ค่อยเปิดใจยอมรับในเรื่องของ การนำ Marketing และ Business Mangement มาประยุกต์ใช้ในสถาบัน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้รู้ว่าสิ่งหนึ่งที่คนเหล่านี้คิดเพราะพวกเขามีความเชื่อว่า เขาเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร และเขาเป็น Key สำคัญที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ เพราะเขาเป็นผู้ให้บริการ ผู้รับบริการจะประทับใจหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวผู้ให้บริการ ซึ่งก็ไม่ผิดที่เขาสามารถคิดเช่นนี้เพราะเขาได้ปฏิบัติตามหลักวิชาชีพที่เรียนมา ซึ่งเมื่อมองความจริงเกี่ยวกับปัญหาทางด้านการศึกษาสมัยก่อนที่การเรียนการสอนยึด ครูเป็นศูนย์กลาง และหลักจากนั้นต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด/สอนใหม่เป็นแบบ Child Center ไม่ใช่ผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง หรืออาจจะกล่าวได้ว่า บางครั้งเราลืมมองภาพแบบ Macro แต่ชอบมองแบบ Micro มองเฉพาะบทบาทหน้าที่ของเรา เพียงอย่างเดียว เช่น ฉันทำดีที่สุดแล้ว การทำให้ผู้รับบริการพึงพอใจตามวิชาชีพที่ร่ำเรียนมา ถ้าเป็นครู ก็จะบอกว่าฉันได้สอนตามที่ฉันได้ร่ำเรียนมา นี่น่าจะเป็นการคิดแบบ Micro แต่ถ้าระดับ Macro อาจจะต้องมองว่าปัจจุบันนี้หลักสูตรใดบ้างที่เป็นที่ต้องการของตลาด และเราจะปรับหลักสูตรเราอย่างไรเพื่อให้บัณฑิตของเราเป็นที่ต้องการของตลาดโลก หรือรองรับตลาดอาเซียน ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกองค์กร์นั้นเอง นอกจากปัจจัยภายในขององค์กรที่สำคัญแล้วที่จะทำให้เราดึงเอาจุดเด่นของเรามาต่อสู้แข่งขันเพื่อให้เกิด Differntation เราเองต้องเรียนรู้ปัจจัยภายนอกด้วย เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ให้สามารถต่อสู้แข่งขันกับ สถาการณ์หรือคู่แข่งขัน ในอนาคตได้ ตลอดทั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่สำคัญ ที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เราได้ เช่น ในเรื่องของสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์ หรือในขณะเดียวกันหากเราไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็อาจจะส่งผลกระทบ ก่อให้เกิดความเสียหายหรือสูญเสียทรัพยากรที่มีค่าของเรา หรือ เงินทอง ก็อาจจะเป็นไปได้ บางครั้งก็ควรรู้จักมองคุณค่าของสิ่งที่อยู่ใกล้ๆตัวเราบ้าง เพราะสิ่งเรานี้ทำให้ช่วยลดต้นทุนทางการผลิตและสร้าง Productivity ซึ่งแนวคิดที่ได้จากเรื่องนี้ก็คือ การได้รับฟังเกี่ยวกับการพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน และกรณีศึกษาด้านการวิจัยและพัฒนา ...และการพัฒนางานของคณะแพทย์ มอ.
บางครั้งการเรียนรู้ความเจ็บปวดไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น เป็นสิ่งที่ดีและมีค่ามาก หรือเป็นประสบการณ์ที่ดียิ่ง ที่ทำให้เราเกิดการเรียนรู้ใหม่ๆหากเราได้เปิดใจยอมรับในสิ่งนั้น และมองให้รอบมิติ เราเองอาจจะพบว่าบางครั้งเรามองตนเอง ยึดมั่นถือมั่นในตัวตนมากจนเกินไปรึเปล่า บางครั้งเลยลืมนึกไปว่า แท้จริงแล้วผู้รับบริการต้องการอะไรมากกว่านี้ไหม? องค์กรฉันต้องการให้ฉันเป็นอย่างไร? และฉันจะช่วยองค์กรของฉันให้ไปถึงจุดหมายได้อย่างไร ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน? ฉันจะทำอย่างไรให้การเติบโตนี้ยั่งยืน หรือสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงให้ประเทศชาติของฉันอย่างยั่งยืนตลอดไป?
นี่คือ สิ่งที่หลายคนลืมคิดไป สังเกตว่าอาจารย์หลายท่านมักจะไม่ได้มาพูดในเรื่อง ของ Midical เพราะเชื่อว่าชาวคณะแพทย์ทำได้ดีอยู่แล้วโดยศักยภาพที่มีอยู่ โดยส่วนตัว ในเรื่องทุนมนุษย์ทฤษฎี 8 K , 5 K คิดว่าสิ่งที่พวกเรามีน่าจะเป็น Intellectual Capital , Ethical Capital ,Digital Capital ,Knowledge Capital ,Innovation Capital แต่สิ่งที่คณะแพทย์ฯ อาจจะต้องนำไปปรับคือในเรื่องของ Happiness Capital , Social Capital, Talented Capital
และสิ่งที่เราต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องคือการสร้าง Creativity ซึ่งจะมี รูปแบบ Activity หรือรูปแบบกิจกรรมแบบใด ที่จะดึงศักยภาพของบุคลากรที่มีอยู่ 8 K , 5 K มา Integration เข้าด้วยกันและก่อให้เกิด ValueCreativity Value Innovation Value Added (3 V) ขึ้นในระดับ หน่วยงาน,องค์กร ท้องถิ่น ประเทศ และก้าวสู่สากล สุดท้ายนี้เราคงต้องพัฒนาไปตามลำดับขั้นตอน เพื่อให้เกิด Sustainable Capital มิใช่แบบก้าวกระโดด ต้องอยู่ในพื้นฐานความเป็นไปได้ภายใต้ทรัพยากรที่เรามีอยู่ แต่ต้องสร้างความได้เปรียบหรือ Differentation
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดต้นทุนแต่เพิ่ม Productivity บริหารทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่นในบางครั้งการนำเอาผลิตผลทางการเกษตรของภูมิภาคเราที่มีอยู่จำนวนมาก แล้วนำเอา ศาสตร์ต่างๆ มาบูรณาการด้วยกัน เช่น การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการหลักสูตรหรืออาจจะเป็นลักษณะของ Project แต่ต้องมีการนำเอาศาสตร์ต่างๆกันมา Integration เพื่อร่วมกันสร้างนวัตกรรม เช่น แพทย์ ,เภสัช,วิทยาการจัดการ และคณะทรัพยฯ ของเรา หรือ แพทย์แผนไทย,กายภาพบำบัดและ คณะศิลปะศาสตร์ อาจจะสามารถเข้าร่วมได้กับทุก Project เพื่อความเป็นสากล เป็นต้น
และสิ่งที่ขอชื่นชมอีกเรื่องหนึ่งคือ การอบรมครั้งนี้ได้โยงเอาความรู้ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาบุคลิกภาพ , LEADERSHIP & TEAMWORK และความมั่นคงของประเทศ ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ผู้นำทุกท่านควรจะ พึงมี เช่นการบุคลิกภาพที่ดี รู้จักปฏิบัติตนได้ถูกต้องตามสถานการณ์ ทำให้เรามีความมั่นใจและได้รับการยกย่อง ชมเชย แต่ที่สำคัญที่สุดคือการสวยจากข้างใน คือ ต้องมีจิตใจที่ดีด้วย มองโลกในแง่บวก ซึ่งก็ค่อนข้างจะสอดล้องกับ หัวข้อ LEADERSHIP & TEAMWORK ซึ่งมีหลักแนวคิดที่ดีมากในการดำเนินชีวิต ซึ่งสุดท้ายก็หนีไม่พ้นในเรื่องของ Mindset บางครั้งการไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงคนอื่นมันทำได้ยากต้องรู้จักปรับปรุงตัวเราเองก่อน นั่นคือ ปรับ Mindset ของตนเอง ชีวิตเราก็จะมีความสุขกับสิ่งรอบข้าง เรียนรู้ข้ามศาสตร์หรือคนคิดต่างบ้าง เพราะการสร้างกรอบแนวคิดเป็นอุปสรรคเป็นการสกัดกั้นความคิด บางครั้งมันทำให้เกิดความเคยชินจนจนไม่สามารถพัฒนาได้ สิ่งแวดล้อม ประสบการณ์ การเรียนรู้ ทำให้คนเราต่างกัน ต้องมองโลกในแง่บวกคิดเสียว่าในดีมีเสียในเสียมีดี แล้วเลือกนำสิ่งดีๆมาใช้ให้ถูกที่ ถูกเวลา เช่นเดียวกับ Put the right man on the right job . ให้ตระหนักเสมอว่าทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง อยู่ที่ว่าเราจะดูมุมไหนหรือเลือกเอามุมไหนของเขามาใช้ในการทำงาน ปัญหาทุกปัญหามีทางออก หากเราใช้ปัญญาของเรามาแก้ไข หรือการใช้ Network สิ่งสำคัญอีกอย่าง ของการสร้าง TeamWork ที่ดีคือ ต้องให้ทุกคนรู้เป้าหมายร่วมกันและที่สำคัญคือต้องร่วมวิเคราะห์ วางแผนร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งบางครั้งในการทำงานเป็นทีมเราอาจจะมีความขัดแย้งกันบ้างในการคิดต่าง แต่หากเราอยู่ในพื้นฐานของการ รู้จักแบ่งปัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน หากผิดก็พร้อมที่จะกล่าวคำว่าขอโทษ และสำคัญยิ่ง ผู้ที่เป็น Leadership ที่ดี จะต้องไม่มี EGO ทำตัวเป็นคนกลาง รับฟังข้อมูลและข้อคิดเห็นของทุกคน เวลามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ต้องมีแผนที่ชัดเจน รู้ว่าใครบ้างได้รับประโยชน์ สร้างให้เกิด WIN WIN มิควรให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เสียเปรียบหรือได้เปรียบฝ่ายเดียว และปัจจัยภายนอกที่สำคัญที่สุดในวันนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายคณะ แพทยฯ ยิ่งนักคือ เหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราจะมีส่วนเยียวยา ช่วยเหลือ ได้อย่างไรบ้าง เพื่อก่อให้เกิดความมั่นคงของชาติ ซึ่งในวันนี้ก็ทำให้พวกเราหลายกลุ่มได้เห็นความสำคัญของ Culture Capital และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม
สิ่งที่ได้เรียนรู้ ในวันศุกร์ ที่ 3 ตุลาคม 2557
เริ่มต้นช่วงเช้า โดย...อาจารย์จีระและอาจารย์วรวุฒิ
ได้เรียนรู้กรณีศึกษาของผู้นำจีนทั้ง 5 รุ่น และสิ่งสำคัญทำให้รู้ว่าไม่ควรหยุดการติดตามข่าวสารบ้านเมือง เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวเร็ว และไม่ได้จำกัดเวลา
เพราะการรับรู้ข่าวสารนอกเหนือจากภายในประเทศ โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากเครือข่ายระหว่างประเทศ
องค์กรควรเตรียมผู้นำที่ดี ที่สามารถรับรู้ เรียนรู้ วิเคราะห์ และตั้งรับปัญหาได้อย่างทันท่วงที และควรสร้าง Branding ของคณะ จากสิ่งที่เก่ง/จุดเด่น นำเสนอออกไปให้ภายนอกรู้จัก และแลกเปลี่ยนให้ต่างประเทศได้เห็น
หัวข้อ Personality and Social Skills Development โดย...อาจารย์ณภัสวรรณ เป็นหัวข้อที่รอคอย และสิ่งที่ได้รับ อยากขอบคุณมากเพราะสมกับการรอคอยค่ะ โดยเฉพาะการแต่งกายของแต่ละคน ที่ส่งเสริมบุคลิกภาพ
สามารถนำมาปรับใช้ในการทำงาน ชีวิตประจำวัน และถูกกาลเทศะ ส่วนตัวประทับใจเรื่องการไหว้ การให้เกียรติ การวางตัวในสังคม ซึ่งสามารถนำไปใช้กับเพื่อนร่วมงานต่างวัยและผู้มารับบริการ
ช่วงบ่าย ในหัวข้อ Managing Self Performance โดย...อาจารย์อิทธิภัทร
ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นจากกิจกรรม และรู้จักผู้อื่นมากขึ้น การเข้าใจคนอื่นโดยเอาใจเราไปใส่ใจเขา และได้แนวคิดที่ดีว่าเมื่อมีปัญหามา อย่าใส่ปัญหาซ้ำ ควรเปลี่ยนปัญหา มาเป็นคำถาม ว่าต้องทำอย่างไร อยากให้เป็นอย่างไร
ให้หัดพูดเชิงบวกบ้าง อย่าพูดในสิ่งที่ไม่ต้องการ (พ่อแม่-->ลูก) และสิ่งที่เป็นแรงผลักดันที่ดี คือ ไม่มีคำว่า "ยาก" มีแต่ "ไม่คุ้นเคย"
ปิดท้ายวันนี้ด้วย ข้อสังเกต Mini Research for the Innovative Project โดย...อาจารย์จีระและอาจารย์พิชญ์ภูรี ได้ใช้ 3V's มาช่วยในมากำหนดโจทย์วิจัย และสามารถส่งผลสะท้อนที่ดีทุกรอบด้านขององค์กร
นำสิ่งที่ได้เรียนรู้ สิ่งที่เรามี เราเด่น มาผนวกรวมกัน และต้องทำให้ได้ และมองให้ไกลไปถึงอนาคต
สิ่งที่ได้เรียนรู้ ในวันเสาร์ ที่ 4 ตุลาคม 2557
เริ่มด้วยหัวข้อ การพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน โดย...อาจารย์ชเนฎธวัลลภ
ได้เรียนรู้ว่า ไม่มีสิ่ง(ระบบสุขภาพ)ที่ดีที่สุด มีแต่สิ่ง(ระบบสุขภาพ)ที่เหมาะสมที่สุด(กับองค์กรของท่าน) ชอบการแบ่งกลุ่มของอาจารย์ และให้คำถามเพื่อให้เข้าใจตัวเอง และสิ่งที่ภายนอกมองเราว่าเป็นอย่างไร ในวันนี้แต่ละกลุ่มได้ช่วยกันเสนอจุดขายของโรงเรียนแพทย์ของเรา ว่ามีความแตกต่างจากโรงเรียนแพทย์อื่น ๆ อย่างไร
และได้เรียนรู้มุมมองทางด้านเศรษฐศาสตร์ ที่ระบบสุขภาพนั้นเปรียบเสมือนเครื่องมือ/มาตรวัดที่ช่วยในการเดินทาง
ช่วงบ่าย ในหัวข้อ กรณีศึกษาด้านการวิจัยและพัฒนา และงานพัฒนางานของคณะแพทย์ ม.อ. โดย...อาจารย์ชเนฎวัลลภ อาจารย์จักรพงศ์ อาจารย์วีระศักดิ์ และดำเนินการอภิปรายโดย...อาจารย์พิชญ์ภูรี
ได้เรียนรู้ การเสนอแนะให้บุคลากรพยายามเสนอวิธีการแก้ปัญหา ของวงการแพทย์ 3 อย่าง คือ วิชาการ บริการและการสื่อสาร แล้วเสนอผู้บริหาร
การเข้าใจในหลักเกณฑ์การจดคุ้มครองสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร และได้รับความรู้มากขึ้นจากการถามตอบ และคิดว่ามีประโยชน์มากถ้านำมาใช้กับผลงานวิจัยของคณะ และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้องค์กรมากขึ้น
_________________________________________________________________________
เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ของโครงการฯ
สิ่งที่ได้เรียนรู้ ในวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2557
เริ่มต้นด้วย แต่ละกลุ่มทำการนำเสนอประเด็นที่ได้จากหนังสือ Abundance และ อาจารย์จีระ ให้คำแนะนำว่า เมื่ออ่านแล้วอย่าลืม วิเคราะห์เชื่อมโยง/นำมาปรับใช้กับองค์กร กระเด้งไปที่ 3V และต้องมีการทำอย่างต่อเนื่อง ต่อเนื่องและต่อเนื่อง
ต่อด้วยหัวข้อ Leadership & Teamwork โดย...อาจารย์เฉลิมพล
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ได้รู้คุณค่าของตัวเราเอง และมีโอกาสได้ชื่นชมผู้อื่น (รู้ถึงคุณค่า) การเข้าใจและใช้ 4Qs เพื่อเป็นแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ และเราเปิดใจให้กว้างขึ้น ทุกปัญหามีทางออก สิ่งที่สกัดกั้นคือความคิดของเราเอง
ให้เข้าใจธรรมชาติของผู้อื่น มองทั้งด้านบวกและด้านลบ แต่ให้เน้นที่ด้านบวกที่มีน้ำหนักสูง
ได้แนวคิดของผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง การใช้ทฤษฎีตัวช่วยไปสู่ความสำเร็จของทีม (win win)
ช่วงบ่าย หัวข้อ คณะแพทยศาสตร์ ม.อ.กับบทบาท และการงานด้านความมั่นคงของประเทศในมุมมองของข้าพเจ้า โดย...อาจารย์ทั้ง 3 ท่านที่ใช้เวลาศึกษาข้อมูล รู้ลึก และรู้จริง
รู้สึกขอขอบคุณอาจารย์ทั้ง 3 ท่าน อย่างมากที่สามารถทำให้ดิฉันรู้สึกไม่แน่นอกอีกต่อไป สิ่งใดที่มันติดอยู่ในใจดิฉัน อาจารย์ทั้ง 3 ท่าน สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด เป็นข้อมูล
ดิฉันเป็นคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นับถือศาสนาอิสลาม ตั้งแต่อนุบาลถึงชั้น ป.5 ได้ย้ายตามผู้ปกครองไปรับราชการครบทั้ง 3 จังหวัด หมุนเวียนกันไป
จังหวัดปัตตานี 1 ครั้ง /อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี 2 ครั้ง /จังหวัดนราธิวาส 2 ครั้ง และเกือบทุกวันหยุดราชการ จะเดินทางกลับจังหวัดที่เป็นบ้านเกิดคือ จังหวัดยะลา
ทำให้ต้องปรับตัว เรียนรู้ กับความต่างของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดิฉันตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ยอมรับว่ามีเพื่อนต่างศาสนามากกว่า ศาสนาเดียวกัน และมักจะได้ยินเสมอว่าเรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
สิ่งนี้เป็นเรื่องจริง แต่ถ้าเราได้เรียนรู้และเข้าใจซึ่งกันและกัน ก็จะทำให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการเปิดใจกันและไม่นำอดีตและประวัติศาสตร์มาตอกย้ำ ให้เกิดชนวนปัญหา มาทำลายการเป็นอยู่ คุณภาพชีวิต
ความคิดเห็นส่วนตัวของดิฉัน จากที่ได้สัมผัส ยกตัวอย่างจากที่ได้มีประสบการณ์จากคนในครอบครัว รู้สึกประทับใจกับโครงการผลิตแพทย์เพื่อ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ***เฉพาะคนที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส นั้น ชื่นชมโครงการนี้ทำเพื่อคนในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จริง ๆ
แต่ต้องมาสะดุดกับเกณฑ์ในการชดใช้ทุนเรียน ที่มีระยะเวลาถึง 12 ปี หลังจากนั้นถึงไปต่อเฉพาะทางได้ ณ ขณะนั้น กลุ่มที่ได้ผ่านการคัดเลือกเข้าโครงการนี้ ปฎิเสธที่จะรับทุนเกือบทั้งหมด เพราะคิดว่าเมื่อรับทุนเรียนมันยาวนานเกินไป แต่ถ้าไม่รับทุนเรียน แพทย์เหล่านี้ต้องกลับมาใช้ทุน (ผ่านเข้าโครงการ) แค่เพียงทำงานในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ครบ 3 ปีเท่านั้น จากนั้นไปศึกษาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง และหาที่ทำงานอื่นได้
สิ่งที่ได้รับ คือ ก็คงยังเกิดปัญหาขาดแคลนแพทย์อยู่ดี ซึ่งจะเห็นว่าปัญหาอยู่ที่ความคิดของคน และต้องทำอย่างไร ให้ได้คนในพื้นที่ที่รักบ้านเกิดของตัวเองอย่างแท้จริง แม้กระทั่งแพทย์ที่ประจำในพื้นที่ดั้งเดิม ที่มีลูกเรียนแพทย์ในปัจจุบัน ยังสนับสนุนให้ลูกรับทุนโครงการอื่น ๆ นอกเหนือจากโครงการนี้ ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่นั้น มีความได้เปรียบในเรื่องคนไข้ในพื้นที่แล้ว วันนี้เรายังไม่ทราบเหตุผลของแพทย์เหล่านั้นเลย
*** สุดท้ายก็อยากให้กำลังใจกับคณะทำงานด้านความมั่นคง ในการแก้ไขไฟใต้ และดิฉันเองยินดีที่จะให้ร่วมมือกับองค์กรในการช่วยเหลือและบรรเทาสถานการณ์ ลดความขัดแย้งต่อไป เพื่อระบบสุขภาพที่ดีที่ส่งผลคุณภาพที่ดีของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อไปค่ะ
รู้สึกประทับใจตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งวันนี้ คือวันที่ 4 ของการเรียน (ขอสรุปทั้ง 4 วันค่ะ) วันแรกได้มีการจัดปฐมนิเทศ และมีการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้แบบ “Learn & Share & Care” ซึ่งเป็นการเรียนที่ทำให้ทุกคนได้รับความรู้ใหม่ มีการแลกเปลี่ยน แบ่งปันความรู้และที่สำคัญคือยอมรับในความต่าง เพราะในบางครั้งความต่าง อาจจะนำมาซึ่ง Creativity หากถ้ารู้จัก ที่จะ Integration อย่างถูกต้อง ถูกที่ และ ถูกเวลา ไม่ยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตนเองจนเกินไป เพราะเชื่อว่าบางครั้งไม่ว่าจะเป็นสถาบันครอบครัว,การศึกษา,องค์กรสังคมหรืออื่นๆที่อยู่รอบๆตัวเรา เป็นสิ่งที่หล่อหลอมทำให้เรามี Inner belief หรือ Mindset กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่แตกต่างกันออกไป เช่น ทำไมบุคลากรส่วนใหญ่ในสถาบันการศึกษาหรือสาธารณสุข ยังไม่ค่อยเปิดใจยอมรับในเรื่องของ การนำ Marketing และ Business Mangement มาประยุกต์ใช้ในสถาบัน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้รู้ว่าสิ่งหนึ่งที่คนเหล่านี้คิดเพราะพวกเขามีความเชื่อว่า เขาเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร และเขาเป็น Key สำคัญที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ เพราะเขาเป็นผู้ให้บริการ ผู้รับบริการจะประทับใจหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวผู้ให้บริการ ซึ่งก็ไม่ผิดที่เขาสามารถคิดเช่นนี้เพราะเขาได้ปฏิบัติตามหลักวิชาชีพที่เรียนมา ซึ่งเมื่อมองความจริงเกี่ยวกับปัญหาทางด้านการศึกษาสมัยก่อนที่การเรียนการสอนยึด ครูเป็นศูนย์กลาง และหลักจากนั้นต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด/สอนใหม่เป็นแบบ Child Center ไม่ใช่ผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง หรืออาจจะกล่าวได้ว่า บางครั้งเราลืมมองภาพแบบ Macro แต่ชอบมองแบบ Micro มองเฉพาะบทบาทหน้าที่ของเรา เพียงอย่างเดียว เช่น ฉันทำดีที่สุดแล้ว การทำให้ผู้รับบริการพึงพอใจตามวิชาชีพที่ร่ำเรียนมา ถ้าเป็นครู ก็จะบอกว่าฉันได้สอนตามที่ฉันได้ร่ำเรียนมา นี่น่าจะเป็นการคิดแบบ Micro แต่ถ้าระดับ Macro อาจจะต้องมองว่าปัจจุบันนี้หลักสูตรใดบ้างที่เป็นที่ต้องการของตลาด และเราจะปรับหลักสูตรเราอย่างไรเพื่อให้บัณฑิตของเราเป็นที่ต้องการของตลาดโลก หรือรองรับตลาดอาเซียน ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกองค์กร์นั้นเอง นอกจากปัจจัยภายในขององค์กรที่สำคัญแล้วที่จะทำให้เราดึงเอาจุดเด่นของเรามาต่อสู้แข่งขันเพื่อให้เกิด Differntation เราเองต้องเรียนรู้ปัจจัยภายนอกด้วย เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ให้สามารถต่อสู้แข่งขันกับ สถาการณ์หรือคู่แข่งขัน ในอนาคตได้ ตลอดทั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่สำคัญ ที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เราได้ เช่น ในเรื่องของสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์ หรือในขณะเดียวกันหากเราไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็อาจจะส่งผลกระทบ ก่อให้เกิดความเสียหายหรือสูญเสียทรัพยากรที่มีค่าของเรา หรือ เงินทอง ก็อาจจะเป็นไปได้ บางครั้งก็ควรรู้จักมองคุณค่าของสิ่งที่อยู่ใกล้ๆตัวเราบ้าง เพราะสิ่งเรานี้ทำให้ช่วยลดต้นทุนทางการผลิตและสร้าง Productivity ซึ่งแนวคิดที่ได้จากเรื่องนี้ก็คือ การได้รับฟังเกี่ยวกับการพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน และกรณีศึกษาด้านการวิจัยและพัฒนา ...และการพัฒนางานของคณะแพทย์ มอ.
บางครั้งการเรียนรู้ความเจ็บปวดไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น เป็นสิ่งที่ดีและมีค่ามาก หรือเป็นประสบการณ์ที่ดียิ่ง ที่ทำให้เราเกิดการเรียนรู้ใหม่ๆหากเราได้เปิดใจยอมรับในสิ่งนั้น และมองให้รอบมิติ เราเองอาจจะพบว่าบางครั้งเรามองตนเอง ยึดมั่นถือมั่นในตัวตนมากจนเกินไปรึเปล่า บางครั้งเลยลืมนึกไปว่า แท้จริงแล้วผู้รับบริการต้องการอะไรมากกว่านี้ไหม? องค์กรฉันต้องการให้ฉันเป็นอย่างไร? และฉันจะช่วยองค์กรของฉันให้ไปถึงจุดหมายได้อย่างไร ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน? ฉันจะทำอย่างไรให้การเติบโตนี้ยั่งยืน หรือสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงให้ประเทศชาติของฉันอย่างยั่งยืนตลอดไป?
นี่คือ สิ่งที่หลายคนลืมคิดไป สังเกตว่าอาจารย์หลายท่านมักจะไม่ได้มาพูดในเรื่อง ของ Midical เพราะเชื่อว่าชาวคณะแพทย์ทำได้ดีอยู่แล้วโดยศักยภาพที่มีอยู่ โดยส่วนตัว ในเรื่องทุนมนุษย์ทฤษฎี 8 K , 5 K คิดว่าสิ่งที่พวกเรามีน่าจะเป็น Intellectual Capital , Ethical Capital ,Digital Capital ,Knowledge Capital ,Innovation Capital แต่สิ่งที่คณะแพทย์ฯ อาจจะต้องนำไปปรับคือในเรื่องของ Happiness Capital , Social Capital, Talented Capital
และสิ่งที่เราต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องคือการสร้าง Creativity ซึ่งจะมี รูปแบบ Activity หรือรูปแบบกิจกรรมแบบใด ที่จะดึงศักยภาพของบุคลากรที่มีอยู่ 8 K , 5 K มา Integration เข้าด้วยกันและก่อให้เกิด ValueCreativity Value Innovation Value Added (3 V) ขึ้นในระดับ หน่วยงาน,องค์กร ท้องถิ่น ประเทศ และก้าวสู่สากล สุดท้ายนี้เราคงต้องพัฒนาไปตามลำดับขั้นตอน เพื่อให้เกิด Sustainable Capital มิใช่แบบก้าวกระโดด ต้องอยู่ในพื้นฐานความเป็นไปได้ภายใต้ทรัพยากรที่เรามีอยู่ แต่ต้องสร้างความได้เปรียบหรือ Differentation
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดต้นทุนแต่เพิ่ม Productivity บริหารทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่นในบางครั้งการนำเอาผลิตผลทางการเกษตรของภูมิภาคเราที่มีอยู่จำนวนมาก แล้วนำเอา ศาสตร์ต่างๆ มาบูรณาการด้วยกัน เช่น การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการหลักสูตรหรืออาจจะเป็นลักษณะของ Project แต่ต้องมีการนำเอาศาสตร์ต่างๆกันมา Integration เพื่อร่วมกันสร้างนวัตกรรม เช่น แพทย์ ,เภสัช,วิทยาการจัดการ และคณะทรัพยฯ ของเรา หรือ แพทย์แผนไทย,กายภาพบำบัดและ คณะศิลปะศาสตร์ อาจจะสามารถเข้าร่วมได้กับทุก Project เพื่อความเป็นสากล เป็นต้น
และสิ่งที่ขอชื่นชมอีกเรื่องหนึ่งคือ การอบรมครั้งนี้ได้โยงเอาความรู้ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาบุคลิกภาพ , LEADERSHIP & TEAMWORK และความมั่นคงของประเทศ ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ผู้นำทุกท่านควรจะ พึงมี เช่นการบุคลิกภาพที่ดี รู้จักปฏิบัติตนได้ถูกต้องตามสถานการณ์ ทำให้เรามีความมั่นใจและได้รับการยกย่อง ชมเชย แต่ที่สำคัญที่สุดคือการสวยจากข้างใน คือ ต้องมีจิตใจที่ดีด้วย มองโลกในแง่บวก ซึ่งก็ค่อนข้างจะสอดล้องกับ หัวข้อ LEADERSHIP & TEAMWORK ซึ่งมีหลักแนวคิดที่ดีมากในการดำเนินชีวิต ซึ่งสุดท้ายก็หนีไม่พ้นในเรื่องของ Mindset บางครั้งการไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงคนอื่นมันทำได้ยากต้องรู้จักปรับปรุงตัวเราเองก่อน นั่นคือ ปรับ Mindset ของตนเอง ชีวิตเราก็จะมีความสุขกับสิ่งรอบข้าง เรียนรู้ข้ามศาสตร์หรือคนคิดต่างบ้าง เพราะการสร้างกรอบแนวคิดเป็นอุปสรรคเป็นการสกัดกั้นความคิด บางครั้งมันทำให้เกิดความเคยชินจนจนไม่สามารถพัฒนาได้ สิ่งแวดล้อม ประสบการณ์ การเรียนรู้ ทำให้คนเราต่างกัน ต้องมองโลกในแง่บวกคิดเสียว่าในดีมีเสียในเสียมีดี แล้วเลือกนำสิ่งดีๆมาใช้ให้ถูกที่ ถูกเวลา เช่นเดียวกับ Put the right man on the right job . ให้ตระหนักเสมอว่าทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง อยู่ที่ว่าเราจะดูมุมไหนหรือเลือกเอามุมไหนของเขามาใช้ในการทำงาน ปัญหาทุกปัญหามีทางออก หากเราใช้ปัญญาของเรามาแก้ไข หรือการใช้ Network สิ่งสำคัญอีกอย่าง ของการสร้าง TeamWork ที่ดีคือ ต้องให้ทุกคนรู้เป้าหมายร่วมกันและที่สำคัญคือต้องร่วมวิเคราะห์ วางแผนร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งบางครั้งในการทำงานเป็นทีมเราอาจจะมีความขัดแย้งกันบ้างในการคิดต่าง แต่หากเราอยู่ในพื้นฐานของการ รู้จักแบ่งปัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน หากผิดก็พร้อมที่จะกล่าวคำว่าขอโทษ และสำคัญยิ่ง ผู้ที่เป็น Leadership ที่ดี จะต้องไม่มี EGO ทำตัวเป็นคนกลาง รับฟังข้อมูลและข้อคิดเห็นของทุกคน เวลามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ต้องมีแผนที่ชัดเจน รู้ว่าใครบ้างได้รับประโยชน์ สร้างให้เกิด WIN WIN มิควรให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เสียเปรียบหรือได้เปรียบฝ่ายเดียว และปัจจัยภายนอกที่สำคัญที่สุดในวันนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายคณะ แพทยฯ ยิ่งนักคือ เหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราจะมีส่วนเยียวยา ช่วยเหลือ ได้อย่างไรบ้าง เพื่อก่อให้เกิดความมั่นคงของชาติ ซึ่งในวันนี้ก็ทำให้พวกเราหลายกลุ่มได้เห็นความสำคัญของ Culture Capital และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม
สรุป 16/10/2014
ที่ได้เรียนในวันนี้ บันทึก concept ได้ว่า
1. ความขาดแคลน บางทีเกิดจากแค่ว่าไม่รู้ว่ามีทรัพยากรอยู่ในมือ หรือรู้แต่ไม่สามารถนำมาใช้ได้
2. ที่ไหนมีวิสัยทัศน์ ที่นั่นย่อมเจริญรุ่งเรือง ให้เชื่อว่าเราทำได้
3. ขอให้ฝัน แม้เลือนลาง แต่ก็ต้องเริ่มต้น มองว่าทำอย่างไรจึงจะถึงเป้าหมาย มีกี่วิธี แต่ละวิธีมีด้านลบอย่างไรบ้าง และจะจัดการกับด้านลบนั้นอย่างไร
4. ถ้าใจบอกว่าคู่กันได้ มันก็คู่กันได้ ของทุกอย่าง เริ่มจากการเปลี่ยน mindset
5. สิ่งต่างๆ มาจากที่ว่าง แค่หาที่ว่างให้เจอ โดยใช้ creativity เป็นเครื่องมือ เน้นว่าต้อง ดีที่สุด และแตกต่าง ได้มาแล้ว ก็ควรแบ่งปันผู้อื่น และอย่าลืมว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป R&D จึงจำเป็นที่จะต้องทำให้อะไรๆ มันเกิดขึ้นมาใหม่ (เพื่อที่จะดับไปอีก?)
6. เวลาเป็นมิติที่ 4 อดีตก็หนัก อนาคตก็หนัก เอามาทับถมปัจจุบัน ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น
7. SWOT ตกยุคไปแล้ว ทฤษฎีตัวช่วยได้ผลมากกว่า
8. เรื่องยาวทำให้สั้น เรื่องสั้นทำให้หาย ไม่ลำเอียง
9. ปัญหาไฟใต้ มีเรื่องความเท่าเทียมทางสังคมร่วมด้วย
10. อดีต แก้ไม่ได้ พูดไปก็เหมือนขยี้แผล เจ็บเปล่า แผลก็หายช้า
1. เรื่องภาวะผู้นำ ผู้นำ มี 4 แบบ แต่ละเเบบมีข้อดี ข้อเสียแตกต่าง ผู้นำก็จะใช้ความสามารถที่จะแก้ปัญหาได้ทุกๆเรื่อง โดยให้คิดว่าทุกอย่างมีทางแก้ได้เสมอ ถ้าแก้ปํญหาคนเดียวไม่ได้ก็ต้องหาตัวช่วยหรือหาทีม
2. ความมั่นคง 3จังหวัด จะเกี่ยวข้องกับคณะเเพทย์ตลอดไป โดยอาศัยความรู้ คำแนะนำ และการรักษาสุขภาพประชาชน ซึงจะต้องเข้าหลักศาสนาอิสลาม เเละวัฒนธรรมการเป็นอยุ๋ของประชาชน 3จังหวัด
16 ต.ค 2557
LEADERSHIP AND TEAMWORK
การเป็นผู้นำที่ดีต้องมีคุณลักษณะที่สำคัญมากมาย บางครั้งตัวเราเองลืมคิคหรือนึกไม่ถึ่ง เช่น จะไปเปลี่ยนนิสัยหรือพฤติกรรมของเขาอาจจะทำได้ยากเราต้องเอาลักษณะนิสัยของเขามาปรับใช้กับงาน และการเป็นผู้นำที่ดีจะต้องพยายามคิคบวกให้มากๆ
จากการบรรยายของ รศ.ดร.เฉลิมพล เกิดมณี แง่คิคที่ประทับใจมาก " ต้องคิคว่าทำได้ " ซึ่งทุกอย่งอยู่ที่ตัว เราเอง
คณะแพทย์ศาสตร์ มอ.กับบทบาทและการงานด้านความมั่นคงแห่งชาติ
จากการฟังบรรยายและการทำ workshop ผมคิคว่าส่วนที่สำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกันของหมู่ชนต่างศาสนากัน จะต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน อย่ามองว่าเขาเป็นบุคคลชั้นสอง และการให้บริการเมื่อเขามารับการรักษาที่โรงพยาบาล มอ.ของเราจะต้องไม่แสดงความรังเกียรติแบ่งแยกศาสนา จะต้องให้บริการเท่าเทียมกัน
16 ตค.57 วันนี้เรียนรู้เรื่อง Leadership & Teamwork อีกครั้ง เป็นหัวข้อเรื่องที่เคยรับการอบรมมาหลายครั้งแล้ว วิทยากรแต่ละครั้งก็จะมีเทคนิคในการให้คำแนะนำการเป็น Leader ไม่ใช่ Manager ซึ่งในฐานะที่เป็นหัวหน้างานก็พยายามนำกลับมาปรับใช้ แต่ครั้งนี้ขอชื่นชมความสามารถของวิทยากรในการนำเสนอกระตุกความรู้สึกได้แตกต่างจากที่เคยรับมาในบางประเด็น การเริ่มต้นเป็นเรื่องยากเสมอแต่การเป็นผู้นำให้ดียากยิ่งกว่าโดยเฉพาะเมื่อต้องมีการตัดสินใจในภาวะวิกฤต ข้อมูลมีความสำคัญแต่บางครั้งข้อมูล ณ เวลานั้นไม่มีความกระชับ ชัดเจน ทำให้ประกอบการตัดสินใจยาก ที่นี่ยังใช้ SWOT อยู่ในการวิเคราะห์ ชอบคุณอาจารย์ที่บอกว่าเขาเลิกใช้กันแล้ว แต่โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะนำมาประกอบได้นะค่ะท่านอาจารย์
ครั้งที่ 1 ส่ง 14 ต.ค. 57
สรุปจากการเรียน 2-4 ต.ค.57
คิดว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเอง ว่าโลกนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะมาก โดยเฉพาะศาสตร์และศิลป์ที่นอกเหนือจากวิชาชีพของเรา อาจารย์ผู้สอนทุกท่านเป็นระดับปรมาจารย์ของแต่ละสาขาทั้งสิ้น
วันแรก จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทุนมนุษย์ ทฤษฎี 8 Ks 5 Ks ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ซึ่งเมื่อทำกลุ่มแล้วนำมาวิเคราะห์กับองค์กรของเรา ทำให้เห็นบางมุม ที่ไม่เคยคิด/เห็นมาก่อนเลย ช่วงบ่ายเป็น ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ รู้สึกประทับใจตอน อจ. เล่าว่า เรียนมากับ Peter Senge ซึ่งเป็นผู้เขียน" The Fifth Discipline" ที่ดิฉันได้ใช้ทฤษฎีของท่านในการทำวิทยานิพนธ์ตอนเรียน ป.โท และเมื่อฟัง อจ.สอน รู้สึกว่า อจ. รอบรู้มากจริงๆ
วันที่สอง ช่วงเช้า เป็นการดูแลบุคลิกทั้งภายนอก-ภายใน อจ.ณภัสวรรณ สอนชนิดที่นักเรียนตั้งใจฟังแบบลืมเวลากันเลยทีเดียว ได้อะไรจากอจ.เยอะมาก ช่วงบ่าย อจ.อิทธิภัทร สอนให้รู้จักตัวเอง และ ศ.ดร.จีระ assign ให้แบ่งกันแปลหนังสือภาษาอังกฤษ "A Bandance" และฝึกให้ลองตั้งโจทย์วิจัย
วันที่สาม เริ่มด้วย อจ.ชเนฏฐวัลลภ สอนให้เราค้นหาจุดขาย/จุดเด่น/สื่งที่องค์กรเราทำได้ดีกว่าที่อื่น ช่วงบ่ายเป็นการอภิปราย 4 ท่าน เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นช่วงที่มีคำถามเยอะที่สุด ได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องชนิด/การจัดการทรัพย์สินทางปัญญาที่คิดว่ามีประโยชน์มากค่ะ
ในสัปดาห์ที่ไม่มีการเรียนการสอน ทางกลุ่มได้รับ assignให้แปล "A Bandance"บทที่ 3-4 มีช่วงที่กล่าวถึง TED talk ที่ Hans Roslingนำเสนอ ได้ลองเปิดดูรู้สึกเข้าใจเนื้อหาขึ้น ทำให้เพิ่มการเรียนรู้ขึ้นมากเลยค่ะ ขอขอบคุณ ท่านผู้บริหารของเราที่ทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น และขอขอบคุณคณาจารย์ทุกท่านที่มาให้ความรู้ค่ะ
สรุปจากการเรียน 2-4 ต.ค. 57
คิดว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเอง ว่าโลกนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะมาก
โดยเฉพาะศาสตร์และศิลป์ที่นอกเหนือจากวิชาชีพของเรา อาจารย์ผู้สอนทุก
ท่านเป็นระดับปรมาจารย์ของแต่ละสาขาทั้งสิ้น วันแรก จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ
ทุนมนุษย์ ทฤษฎี 8 Ks 5 Ks ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ซึ่งเมื่อทำกลุ่มแล้ว
นำมาวิเคราะห์กับองค์กรของเรา ทำให้เห็นบางมุม ที่ไม่เคยคิด/เห็นมาก่อนเลย
ช่วงบ่ายเป็น ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ รู้สึกประทับใจตอน อจ. เล่าว่า
เรียนมากับ Peter Senge ซึ่งเป็นผู้เขียน The Fifth Discipline ที่ดิฉัน
ได้ใช้ทฤษฎีของท่านในการทำวิทยานิพนธ์ตอนเรียน ป.โท และเมื่อฟัง อจ.สอน
รู้สึกว่า อจ. รอบรู้มากจริงๆวันที่สอง ช่วงเช้า เป็นการดูแลบุคลิกทั้งภายนอก-
ภายใน อจ.ณภัสวรรณ สอนชนิดที่นักเรียนตั้งใจฟังแบบลืมเวลากันเลยทีเดียว
ได้อะไรจากอจ.เยอะมาก ช่วงบ่าย อจ.อิทธิภัทร สอนให้รู้จักตัวเอง และ
ศ.ดร.จีระ assign ให้แบ่งกันแปลหนังสือภาษาอังกฤษ A Bandance
และฝึกให้ลองตั้งโจทย์วิจัยวันที่สาม เริ่มด้วย อจ.ชเนฏฐวัลลภ สอนให้เรา
ค้นหาจุดขาย/จุดเด่น/สื่งที่องค์กรเราทำได้ดีกว่าที่อื่น ช่วงบ่ายเป็นการ
อภิปราย 4 ท่าน เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นช่วงที่มีคำถามเยอะที่สุด
ได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องชนิด/การจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ที่คิดว่ามีประโยชน์มากค่ะ
ในสัปดาห์ที่ไม่มีการเรียนการสอน ทางกลุ่มได้รับ assign ให้แปล "A Bandance"
บทที่ 3-4 มีช่วงที่กล่าวถึง TED talk ที่ Hans Rosling นำเสนอ ได้ลองเปิดดู
รู้สึกเข้าใจเนื้อหาขึ้น ทำให้เพิ่มการเรียนรู้ขึ้นมากเลยค่ะ ขอขอบคุณ ท่านผู้บริหาร
ของเราที่ทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น และขอขอบคุณคณาจารย์ทุกท่านที่
มาให้ความรู้ค่ะ
สรุปจากการเรียน 2-4 ต.ค. 57
คิดว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเองว่าโลกนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะมาก
โดยเฉพาะศาสตร์และศิลป์ที่นอกเหนือจากวิชาชีพของเราอาจารย์ผู้สอนทุก
ท่านเป็นระดับปรมาจารย์ของแต่ละสาขาทั้งสิ้นวันแรกจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ
ทุนมนุษย์ทฤษฎี8Ks5Ksของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ซึ่งเมื่อทำกลุ่มแล้ว
นำมาวิเคราะห์กับองค์กรของเรา ทำให้เห็นบางมุม ที่ไม่เคยคิด/เห็นมาก่อนเลย
ช่วงบ่ายเป็น ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ รู้สึกประทับใจตอน อจ. เล่าว่า
เรียนมากับ Peter Senge ซึ่งเป็นผู้เขียน The Fifth Discipline ที่ดิฉัน
ได้ใช้ทฤษฎีของท่านในการทำวิทยานิพนธ์ตอนเรียน ป.โท และเมื่อฟัง อจ.สอน
รู้สึกว่า อจ. รอบรู้มากจริงๆวันที่สอง ช่วงเช้า เป็นการดูแลบุคลิกทั้งภายนอก-
ภายใน อจ.ณภัสวรรณ สอนชนิดที่นักเรียนตั้งใจฟังแบบลืมเวลากันเลยทีเดียว
ได้อะไรจากอจ.เยอะมาก ช่วงบ่าย อจ.อิทธิภัทร สอนให้รู้จักตัวเอง และ
ศ.ดร.จีระ assign ให้แบ่งกันแปลหนังสือภาษาอังกฤษ A Bandance
และฝึกให้ลองตั้งโจทย์วิจัยวันที่สาม เริ่มด้วย อจ.ชเนฏฐวัลลภ สอนให้เรา
ค้นหาจุดขาย/จุดเด่น/สื่งที่องค์กรเราทำได้ดีกว่าที่อื่น ช่วงบ่ายเป็นการ
อภิปราย 4 ท่าน เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นช่วงที่มีคำถามเยอะที่สุด
ได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องชนิด/การจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ที่คิดว่ามีประโยชน์มากค่ะ
ในสัปดาห์ที่ไม่มีการเรียนการสอน ทางกลุ่มได้รับ assign ให้แปล A Bandance
บทที่ 3-4 มีช่วงที่กล่าวถึง TED talk ที่ Hans Rosling นำเสนอ ได้ลองเปิดดู
รู้สึกเข้าใจเนื้อหาขึ้น ทำให้เพิ่มการเรียนรู้ขึ้นมากเลยค่ะ ขอขอบคุณ ท่านผู้บริหาร
ของเราที่ทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น และขอขอบคุณคณาจารย์ทุกท่านที่
มาให้ความรู้ค่ะ
สรุปจากการเรียน 2-4 ต.ค. 57
คิดว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเองว่าโลกนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะมาก
โดยเฉพาะศาสตร์และศิลป์ที่นอกเหนือจากวิชาชีพของเราอาจารย์ผู้สอนทุก
ท่านเป็นระดับปรมาจารย์ของแต่ละสาขาทั้งสิ้นวันแรกจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ
ทุนมนุษย์ทฤษฎี8Ks5Ksของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ซึ่งเมื่อทำกลุ่มแล้ว
นำมาวิเคราะห์กับองค์กรของเรา ทำให้เห็นบางมุม ที่ไม่เคยคิด/เห็นมาก่อนเลย
ช่วงบ่ายเป็น ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ รู้สึกประทับใจตอน อจ. เล่าว่า
เรียนมากับ Peter Senge ซึ่งเป็นผู้เขียน The Fifth Discipline ที่ดิฉัน
ได้ใช้ทฤษฎีของท่านในการทำวิทยานิพนธ์ตอนเรียน ป.โท และเมื่อฟัง อจ.สอน
รู้สึกว่า อจ. รอบรู้มากจริงๆวันที่สอง ช่วงเช้า เป็นการดูแลบุคลิกทั้งภายนอก-
ภายใน อจ.ณภัสวรรณ สอนชนิดที่นักเรียนตั้งใจฟังแบบลืมเวลากันเลยทีเดียว
ได้อะไรจากอจ.เยอะมาก ช่วงบ่าย อจ.อิทธิภัทร สอนให้รู้จักตัวเอง และ
ศ.ดร.จีระ assign ให้แบ่งกันแปลหนังสือภาษาอังกฤษ A Bandance
และฝึกให้ลองตั้งโจทย์วิจัยวันที่สาม เริ่มด้วย อจ.ชเนฏฐวัลลภ สอนให้เรา
ค้นหาจุดขาย/จุดเด่น/สื่งที่องค์กรเราทำได้ดีกว่าที่อื่น ช่วงบ่ายเป็นการ
อภิปราย 4 ท่าน เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นช่วงที่มีคำถามเยอะที่สุด
ได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องชนิด/การจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ที่คิดว่ามีประโยชน์มากค่ะ
ในสัปดาห์ที่ไม่มีการเรียนการสอน ทางกลุ่มได้รับ assign ให้แปล A Bandance
บทที่ 3-4 มีช่วงที่กล่าวถึง TED talk ที่ Hans Rosling นำเสนอ ได้ลองเปิดดู
รู้สึกเข้าใจเนื้อหาขึ้น ทำให้เพิ่มการเรียนรู้ขึ้นมากเลยค่ะ ขอขอบคุณ ท่านผู้บริหาร
ของเราที่ทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น และขอขอบคุณคณาจารย์ทุกท่านที่
มาให้ความรู้ค่ะ
test send data
สรุปจากการเรียน 2-4 ต.ค. 57
คิดว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเองว่าโลกนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะมาก
โดยเฉพาะศาสตร์และศิลป์ที่นอกเหนือจากวิชาชีพของเราอาจารย์ผู้สอนทุก
ท่านเป็นระดับปรมาจารย์ของแต่ละสาขาทั้งสิ้นวันแรกจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ
ทุนมนุษย์ทฤษฎี8Ks5Ksของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ซึ่งเมื่อทำกลุ่มแล้ว
นำมาวิเคราะห์กับองค์กรของเรา ทำให้เห็นบางมุม ที่ไม่เคยคิด/เห็นมาก่อนเลย
ช่วงบ่ายเป็น ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ รู้สึกประทับใจตอน อจ. เล่าว่า
เรียนมากับ Peter Senge ซึ่งเป็นผู้เขียน The Fifth Discipline ที่ดิฉัน
ได้ใช้ทฤษฎีของท่านในการทำวิทยานิพนธ์ตอนเรียน ป.โท และเมื่อฟัง อจ.สอน
รู้สึกว่า อจ. รอบรู้มากจริงๆวันที่สอง ช่วงเช้า เป็นการดูแลบุคลิกทั้งภายนอก-
ภายใน อจ.ณภัสวรรณ สอนชนิดที่นักเรียนตั้งใจฟังแบบลืมเวลากันเลยทีเดียว
ได้อะไรจากอจ.เยอะมาก ช่วงบ่าย อจ.อิทธิภัทร สอนให้รู้จักตัวเอง และ
ศ.ดร.จีระ assign ให้แบ่งกันแปลหนังสือภาษาอังกฤษ A Bandance
และฝึกให้ลองตั้งโจทย์วิจัยวันที่สาม เริ่มด้วย อจ.ชเนฏฐวัลลภ สอนให้เรา
ค้นหาจุดขาย/จุดเด่น/สื่งที่องค์กรเราทำได้ดีกว่าที่อื่น ช่วงบ่ายเป็นการ
อภิปราย 4 ท่าน เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นช่วงที่มีคำถามเยอะที่สุด
ได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องชนิด/การจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ที่คิดว่ามีประโยชน์มากค่ะ
ในสัปดาห์ที่ไม่มีการเรียนการสอน ทางกลุ่มได้รับ assign ให้แปล A Bandance
บทที่ 3-4 มีช่วงที่กล่าวถึง TED talk ที่ Hans Rosling นำเสนอ ได้ลองเปิดดู
รู้สึกเข้าใจเนื้อหาขึ้น ทำให้เพิ่มการเรียนรู้ขึ้นมากเลยค่ะ ขอขอบคุณ ท่านผู้บริหาร
ของเราที่ทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น และขอขอบคุณคณาจารย์ทุกท่านที่
มาให้ความรู้ค่ะ
ช่วงเช้าเป็นการนำเสนองานกลุ่มที่ได้รับมอบหมายโดยให้นำเสนอกลุ่มละ 5 นาที ก่อนเริ่มนำเสนอประดุจคนเป็นไข้ เมื่อแต่ละกลุ่มนำเสนอน่าสนใจและเนื้อหาสาระที่ดีมาก ๆ ทำให้ใช้เวลามากกว่าที่กำหนด และนำเสนอเสร็จได้รับคำชมจาก ศ.ดร.จีระ เป็นปลื้มเหมือนลูกโป่งที่พองลม ซึ่งเนื้อหาเน้นด้านการศึกษา การสื่อสารและเทคโนโลยี ที่ทำให้เกิด innovation
รศ.ดร.เฉลิมพล เกิดมณี ซึ่งมีลีลาที่ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมลืมเวลา และได้หัวเราะกันตลอด ทั้งกระตุกต่อมให้คิด และเกิดความสนุกสนานทั้ง ๆที่ หัวข้อเรื่อง Leadership & Teamwork บรรยากาศน่าจะวิชาการมาก ๆ นอกจากนี้ยังนำเรื่องของศาสนามาใช้เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เช่น ทุก ๆ อย่างเป็นสิ่งที่ดี ดี หรือไม่ดีขึ้นกับตัวเรา (mindset) นอกจากนี้ผู้นำที่เก่งต้องมีความคิดที่ว่า ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ และคนเราจะประสบความสำเร็จได้ประกอบด้วย 4Qs , Innovation on High-Value Culture มีองค์ประกอบคือ 1. Mindset 2. Wisdom for life Management 3. Logic thinking 4. Process Product and Service ดังนั้นเมื่่อเกิดปัญหาให้ใช้ปัญญา โดยต้องคิดว่าทุกปัญหามีทางออก การหาข้อมูล และการพิจารณาข้อมูลให้มองด้านบวก อะไรดีที่สุด ในทางบวกมีลบอะไรแฝงอยู่ ซึ่งจำกัดไม่สามารถทำให้ไปได้ และได้กล่าวถึงการสร้างทีมสรุปสั้นๆ ได้ว่า การให้ถูกที่ ถูกเวลา และถูกคน มีกติกาการอยู่ร่วมกันอย่างโปร่งใสยุติธรรม ปล่อยวางตัวตน และประโยชน์ของตน จบด้วยหลักการ Change 1. มีเหตุและผลขององค์กรที่ต้องเปลี่ยนแปลง 2. การเปลี่ยนแปลงเหมาะสมกับเราและองค์กร 3. มั่นใจว่าสมเหตุในวิธีการที่จะเปลี่ยน 4. เปิดใจที่จะสื่อสารสร้างความเข้าใจที่ชัดเจน 5. เปิดใจรับฟังทุกความเห็นของทีม ใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรองเหตุและผล แต่อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงจำเป็นที่จะต้องมี R&D เพื่อจะให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ภาคบ่ายวิทยากรประกอบด้วยพล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา, คุณไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล, ผศ.ปิยะ กิจถาวร
ในหัวข้อ คณะแพทยศาสตร์ มอ.กับบทบาทความมั่นคงของชาติ และมุมมองที่แตกต่างกันของสังคม ปัญหาความมั่นคงของจังหวัดภาคใต้ตอนล่าง และบทบาทของแพทย์ในวิกฤตการณ์ ซึ่งเป็นมุมมองของแต่ละวิชาชีพซึ่งฟังแล้วหนักหน่วง เครียด เหตุการณ์ที่นำไปสู่ความสูญเสียอย่างมากมาย การเปลี่ยน Mindset ที่สำคัญคือการศึกษา และสาธารณสุข จุดอ่อนห้ามพูดถึงเป็นเรื่องในอดีต ซึ่งสรุปจบด้วย
สูตรความสำเร็จได้แก่ ความสามารถ x ศักยภาพที่จะเรียนรู้ x สัดส่วนที่พื้นที่ยอมรับ (ยอมรับฟัง)
ต่อด้วยศ.ดร.จีระ ให้ทำ Work shop 2 เรื่อง สรุปโครงการที่มีความสำคัญต่อการทำงานของคณะแพทย์กับบทบาทต่อการรักษาความมั่นคง เครือข่ายใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งต้องมี 3 V ผลการนำเสนอที่คิดว่าทำได้เลยได้แก่ คู่มือการสื่อสาร ส่งเสริมบุคลากรสาธารณสุข สุขภาพจิตของผู้ได้รับผลกระทบ ฯลฯ วันนี้จึงกลับบ้านไปด้วยความเหนื่อยล้าขอให้แก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้ตรงจุด และปัญหาได้สลายไปในเร็ววันท้องฟ้าจะได้สีทองผ่องอำไพ
วันนี้เริ่มด้วย วิเคราะห์ประเด็นท้าทายสำหรับการทำงานของคณะแพทย์ฯ มอ. วิทยากรได้แก่ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ผศ.ดร.พงษ์ชัย อธิคมรัตนกุล มและดำเนินการอภิปรายโดยอ.จีระเดช ดิสกะประกาย โดยการเปิดประเด็น Where are We now and then? และในอนาคตที่มีการแข่งขันสูง มุมมอง แนวคิด เกี่ยวกับ Private Hospital, Public Health Hospital, Oversea Hospital และการนำ Logistic thinking มาใช้ในระบบสุขภาพ และศ.ดร.จีระ ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับ 1. รักษา core ของเราไว้แต่ต้อง balance กับการเปลี่ยนแปลง แต่ยังคง Relevance 2. หาDrive force 3. มุ่ง 3V 4. Alignment ระหว่าง นโยบาย ปฏิบัติ ข้ามสายงาน และ IT กับงานหลัก 5. เน้น project ระหว่างประเทศใน Aseanโดยเฉพาะมาเลเซียและสิงคโปร์ 6. การ Rest Fund เพิ่มขึ้น 7. การผสมผสานการสอน วิจัย และโรงพยาบาลให้เหมาะสมสมดุล 8. ความสุขในการทำงาน และให้ความสำคัญกับทุนยั่งยืน นอกจากนี้การปรับเปลี่ยน Every thing to do ….What is next action และที่สำคัญ คือการมีศูนย์ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
ภาคบ่ายเรียกเสียงฮา เริ่ม ด้วยการถอดรหัสว่าเราเป็นคนแบบไหนใน 7 แบบ การคิดแบบสร้างสรรค์ ของการนำเสนอผลงานโดย 1. การถ่อมตัว 2. เริ่มต้นคำถามให้หาข้อดี 3.ให้เขามีส่วนร่วม
สำหรับคำถามที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ 1. หากคิดไม่ออก ทำลายความกลัว โดยถามกลัวอะไร 2. แล้วอะไรต่อ 3. ถึงตายมั๊ย นอกจากนี้กล่าวถึงกิจกรรมที่ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ 1. ไม่มีกติกาตายตัว 2. ไม่มีการแข่งขัน 3. เน้นเรื่อง Emotion 4. กิจกรรมบ่งความคิด เกมปริศนา
ส่วนความสำเร็จในการทำงานประกอบด้วย 1.ความรู้ในงาน 2. การสื่อสาร 3. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 4. มีเป้าหมาย 5. ความยืดหยุ่น 6. การทำงานเป็นทีม 7. จริยธรรม / คุณธรรม 8. เครือข่าย
สรุปจบด้วย Key words of success : Leadership – Mindset – Thinking outside the box ซึ่งมีรหัสคำ PPCO
ได้แก่ P = Pluses (ข้อดี......)
P = Potential (ข้อดีในอนาคต......)
C = Concerns (ติด...แต่ว่า...กังวล)
O = Opportunities (หลบ...เลี่ยง...ทะลุ...)
วันที่ 2 ตค 2557
จับประเด็นได้ว่า คณะแพทย์ฯ ...
-ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
-มีการเติบโตแบบยั่งยืน
-ส่งเสริมทุนมนุษย์และผู้นำรุ่นใหม่ขององค์กร
-การอบรมวันนี้ ต้องการสร้างผู้นำ ไม่ใช่เสมียน
-ต้องเน้น creativity and Innovation ให้มาก
วันที่ 3 ตค 2557 อ.จิระ ได้ท้าทายให้คณะแพทย์ฯ sharing Konwledge ไปยังประเทศด้วยพัฒนา อย่าทำแค่รักษาผู้ป่วยไปวันๆ หัดทำ Project propasal และ Preject presentation ให้บ่อยๆ จะช่วยองค์กรได้มาก
-อ.นภัสวรรณ สรุปเรื่องการตัดสินใจว่าจะต้องปรับบุคลิกหรือแต่งกาย ให้จับประเด็นที่ 5 ข้อต่อไปนี้
1. ความปลอดภัย
2. ความสะดวกสบาย
3. อัธยาศัยไมตรี
4. เป็นระเบียบเรียบร้อย
5. ให้เกียรติ
สุดท้าย พูดถึงการทำ mini research ซึ่งท่านอาจารย์จิระได้แนะนำ ว่า ต้องใช้กับคณะแพทย์ได้ มองถึงอนาคต และ expect to high value ( ระหว่างประเทศ หรือหน่วยงานอื่นๆในมอ. หรือนอกมอ. )
วันที่ 4 ตค 2557 จับประเด็นที่น่าสนใจได้ดังนี้
six best doctor in the world
1. sun light
2.rest
3.exercise
4.diet
5.self confidense
6.friends
ซึ่งคล้ายๆกับหลัก 5 อ. ที่เคยอบรมมาก่อน ได้แก่ อาหารดี อากาศดี ออกกำลังกายดี อารมณ์ดี อุจาระดี
ขอบพระคุณท่านอาจารย์ทุกท่านที่มาถ่ายทอดวิชาความรู้ให้พวกเราครับผม
สรุป 17/10/2014
1. ได้เรียนรู้มุมมองของอาจารย์ว่าการหยุดนิ่งอยู่กับที่ จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะถูกกลืนหายไปในที่สุด เล่นซ้ำๆ ไม่เกิดประโยชน์ ผลลัพธ์ก็มีโอกาสสูงที่จะไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
2. ความพอเพียงนั้นสุดแล้วแต่ว่าใครจะวางไว้ที่จุดไหน ยังไง จุดที่เหมาะสมของแต่ละเวลา สถานที่ บุคคล ต่างกรรมต่างวาระ และคิดว่าไม่สามารถกำหนดอย่างเฉพาะได้ว่าใครควรจะเหมาะกับจุดไหน อย่างไร คิดแทนกันไม่ได้ ต้องกำหนดเอาเอง ความเห็นผมคือ ทำอะไรให้เหมาะกับกำลังของเรา รู้สึกพอดี กำลังสบาย ไม่ตึง ไม่หย่อน และได้พัฒนาไปข้างหน้า (key ตรงนี้ต้องมี) นั่นคือจุดพอดีของผม การทำอะไรเกินตัว จนรู้สึกตึง อึดอัด ไม่สบายใจ นั่นคือความไม่พอเพียงในมุมมองของผม (เหมือนกินบุฟเฟต์ อิ่มแล้ว แต่เวลายังเหลือ รู้สึกว่าต้องเอาให้คุ้ม เพราะจ่ายไปแพง ก็ยัดๆๆเข้าปาก แม้จะสะใจ แต่ก็ทรมานร่างกายเปล่าๆ) เรื่องนี้เมื่อทำไปเรื่อยๆจะรู้ตัวเอง และเมื่อเริ่มรู้สึกตึงก็ถอยออกมา
3. คิดถึง Next generation ในวันข้างหน้า วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน จงพัฒนาเสมอ
4. การก้าวไปข้างหน้า ต้องประเมินว่าเรายังขาดอะไร (ขอเพิ่มว่า ดูว่าเรายังมีอะไรด้วย เพื่อเพิ่มกำลังใจก็ดีนะครับ)
5. การนำเสนอไอเดีย ไม่ใช่อยู่ๆนึกจะเสนอก็ได้ ต้องมีลูกเล่นกันบ้าง รู้จักการจัดการกับกลไกการป้องกันตนเอง
6. คิดไม่ออก ไม่เหมือนกับ คิดแล้วไม่ยอมให้มันออก คิดไม่ออกก็มีตัวช่วย คิดแล้วไม่ยอมให้มันออกก็มีตัวช่วย ชอบมากกับคำถามที่ว่า จะตายไหม
7. คิดออกแล้ว ได้ความคิดดิบๆ แต่ติดกรอบองค์กร กับกรอบสังคม ก็มีตัวช่วยให้ความคิดนั้นสุกงอม และนำไปใช้จริงได้
สรุป 18/10/2014
1. ได้เรียนรู้ว่าการเต้นรำแบบผิดๆถูกๆ ก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้ การทำอะไรผิดๆโดยที่ไม่เดือดร้อนคนอื่นและตนเอง เป็นสิ่งที่ได้ในวันนี้ อย่างน้อยก็ได้ออกกำลังกาย ใส่ไปให้เต็มที่
2. ได้เห็นพลัง และความมั่นใจของคนที่ประสบความสำเร็จอย่างอาจารย์น้อย ตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน อาจารย์ได้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วครับ
3. เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อยมาก
18 ต.ค. 57
กิจกรรมรักษ์ใจ รักษ์กาย เริ่ม 9.00 - 16.30 น. เป็นการออกกำลังกายที่ได้ เคลื่อนไหวร่างกาย การทรงตัว และที่สำคัญฝึกสมาธิ ใจสงบ สยบกาย จะทำอย่างไรที่จะขยับทั้งมือ ร่างกาย และเท้าให้เคลื่อนไหวโดยไม่สะดุด ดูเหมือนง่ายแต่ไม่ง่าย เหนื่่อยและหมดแรงไปตาม ๆกัน ขอคาระวะ อ.น้อย ผู้หญิงทรงพลัง
สรุปข้อมูลส่งของ16-17 ต.ค.57 เมื่อ คืน 17 ต.ค. 57 ข้อมูลไม่มีเกิดอะไรขึ้นคะ อุตสามานั่งเขียนๆตอนดึก
สรุปจากการเรียน 2-4 ต.ค.57
คิดว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเอง ว่าโลกนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะมาก โดยเฉพาะศาสตร์และศิลป์ที่นอกเหนือจากวิชาชีพของเรา อาจารย์ผู้สอนทุกท่านเป็นระดับปรมาจารย์ของแต่ละสาขาทั้งสิ้น
วันแรก จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทุนมนุษย์ ทฤษฎี 8 Ks 5 Ks ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ซึ่งเมื่อทำกลุ่มแล้วนำมาวิเคราะห์กับองค์กรของเรา ทำให้เห็นบางมุม ที่ไม่เคยคิด/เห็นมาก่อนเลย ช่วงบ่ายเป็น ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ รู้สึกประทับใจตอน อจ. เล่าว่า เรียนมากับ Peter Senge ซึ่งเป็นผู้เขียน" The Fifth Discipline" ที่ดิฉันได้ใช้ทฤษฎีของท่านในการทำวิทยานิพนธ์ตอนเรียน ป.โท และเมื่อฟัง อจ.สอน รู้สึกว่า อจ. รอบรู้มากจริงๆ
วันที่สอง ช่วงเช้า เป็นการดูแลบุคลิกทั้งภายนอก-ภายใน อจ.ณภัสวรรณ สอนชนิดที่นักเรียนตั้งใจฟังแบบลืมเวลากันเลยทีเดียว ได้อะไรจากอจ.เยอะมาก ช่วงบ่าย อจ.อิทธิภัทร สอนให้รู้จักตัวเอง และ ศ.ดร.จีระ assign ให้แบ่งกันแปลหนังสือภาษาอังกฤษ "A Bandance" และฝึกให้ลองตั้งโจทย์วิจัย
วันที่สาม เริ่มด้วย อจ.ชเนฏฐวัลลภ สอนให้เราค้นหาจุดขาย/จุดเด่น/สื่งที่องค์กรเราทำได้ดีกว่าที่อื่น ช่วงบ่ายเป็นการอภิปราย 4 ท่าน เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นช่วงที่มีคำถามเยอะที่สุด ได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องชนิด/การจัดการทรัพย์สินทางปัญญาที่คิดว่ามีประโยชน์มากค่ะ
ในสัปดาห์ที่ไม่มีการเรียนการสอน ทางกลุ่มได้รับ assignให้แปล "A Bandance"บทที่ 3-4 มีช่วงที่กล่าวถึง TED talk ที่ Hans Roslingนำเสนอ ได้ลองเปิดดูรู้สึกเข้าใจเนื้อหาขึ้น ทำให้เพิ่มการเรียนรู้ขึ้นมากเลยค่ะ ขอขอบคุณ ท่านผู้บริหารของเราที่ทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น และขอขอบคุณคณาจารย์ทุกท่านที่มาให้ความรู้ค่ะ
ขอขอบพระคุณคณะแพทย์ ที่ให้โอกาสได้เข้าโครงการฯนี้
2 ต.ค. 57
วันนี้ได้พบ ศ.ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์ ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ อ.พิชญ์ภูรี จันทรกมล
- อ.จิระ ท่านกระตุ้นพวกเราได้อย่างมีพลังมาก ด้วย
- ให้รู้จัก Global competency: อย่าอยู่ในกะลา อย่าเป็นผู้นำกระจอก
- There's no limit. ถ้ามีพลังจะชนะอุปสรรคได้
- ทุนมนุษย์ 8K+5K ร่วมกับ ทฤษฎี 4 L จะนำไปสู่ 3V ได้
- เราต้องเรีียนรู้ข้ามศาสตร์ให้เป็น
- " If you cannot measure you cannot manage."
- Dare to fail.
- Dream big and execute.
- Mindset เป็น ทัศนคติที่ฝังราก มีผลต่อความคิดในการพัฒนา ซึ่งต่างจากทัศนคติที่จะเปลี่ยนแปลงเร็ว
- อ.ไกรฤทธิ์ สอนสนุกมาก ได้อะไรมากมาย
- ได้รู้ว่า เราต้องรู้จัก globalization เพื่อความอยู่รอด
- It's too good to be two.
- ทำอะไรต้องได้มากกว่าเสีย ต้องคำนึงถึง profit อย่ารังเกียจ profit ให้คิดว่าเป็นกำไรชีวิตไม่ใช่สามานย์
- อ.จิระ เสนอว่า
- เราต้องมีวัฒนธรรม Get things done. ต้องทำให้สำเร็จและมีคุณภาพ
- mindset ควรกระเด้งให้มี paradigm shift ระดับ international ดังนั้น พื้นฐาของทุนทางมนุษย์ต้องชัดเจน ต้องมีความทะเยอทะยานที่จะกระโดด
- Back to your strong point for "globalization".
- อ.ไกรฤทธิ์ "จากแนวคิดการตลาดสู่การปรับใช้ของคณะแพทยศาสตร์มอ."
- Profit เป็นผลจาก 4 ประการ ข้างล่านนี้
1. demand focus
2. networking
3. branding
4. repeated purchase
3 ต.ค. 57
"Personality and Social Skill Development"
อ.น้อย สอนได้สนุกสนานมาก เป็นธรรมชาติดี อ.น้อยให้ความรู้เรื่องการแต่งกายที่เหมาะสม การนั่ง การยืน การเดิน ที่เหมะสม มารยาทต่างๆ
- Tips สำหรับการแก้ไขเมื่อทำอะไรไม่ถูก ให้นึกถึง
- ความปลอดภับ
- สะดวกสบาย
- อัธยาศัย ไมตรี
- ระเบียบ เรียบร้อย
- ให้เกียรติ
"Managing Self Performance" โดย อ.อิทธิภัทร ภัทรเมฆานันท์
- ผู้นำแห่งอนาคตต้องมี คุณธรรม การนำร่วม และการเปลี่ยนแปลงจากภายใน
- ไม่มีคำว่ายาก มีแต่คำว่าไม่คุ้นเคย
- perception ที่เราฝังไว้ มีผลมากกว่า thinking
- " Seek to understand before being understood."
" 3 V's and Mini Research for the Innovative Project " ศ.คร.จิระ และ อ.พิชญ์ภูรี
- อ.จิระ จะผลักให้พวกเรา ไปสูง แต่อย่ากลัวความล้มเหลว (ชอบมากค่ะ)
- ในเวลาอันจำกัดนี้ ให้ตั้งโจทย์ว่าจะทำอะไร?
- rate of success ของ อ.จิระ มากกว่า 50 % แข่งแล้วต้องชนะ
4 ต.ค. 57
" การพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน " โดย อ.ชเนฏธวัลลภ ณ ขุนทอง
- ประทับใจ style การสอนของอาจารย์มาก สนุก ได้ความรู้ มีมุมมองกว้างไกล
- การเข้าใจตนเองเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งก็คือการที่ผู้อื่นมองว่าเราเป็นอย่างไร
- เราจะพัฒนาได้อย่างไร อยุ่ที่การดูว่าเราเป็นอย่างไร และผู้อื่นมองเราเป็นอย่างไร
ู- ระบบสุขภาพที่ดีที่สุดไม่มี มีแต่ระบบที่เหมาะกับประเทศนั้นๆ
- ระบบสุขภาพต้องมองภาพใหญ่ ไม่มีระบบไหนดีที่สุด
" กรณีศึกษาด้านการวิจัยและพัฒนา และการพัฒนางานของคณะแพทย์มอ." โดย อ.ชเนฏธวัลลภ ณ ขุนทอง อ.จักรพงษ์ ไพบูลย์ และ อ.ทวีศักดิ์ ไม้วัฒนา
อ.ชเนฏธวัลลภ ณ ขุนทอง- ให้ข้อคิดว่าลักษณะบริการสุขภาพของไทยในยุคปัจจุบัน พบว่ามีสิ่งที่เพิ่มขึ้นมา คือ ลักษณะ
- customised เช่น beautification
- ใช้ตัวแปรของชุมชนมาตอบสนอง , มีความเป็นภูมิภาค, ชาติพรรณ
- alternative medicine ซึ่งแสดงตัวมากขึ้น
ถ้าเป็นแนวเฉพาะจะจดสิทธิบัตรไม่ได้ ข้อเสียคือ การแย่งชิงทรัพยากร ธรรมาภิบาลจเกิดได้อย่างไร การจดสิทธิบัตร ต้องไม่กีดกัน ควรเป็นประโยชน์ต่อทุกคน เช่นการผลิตของกิฟฟารีนต้องไม่ปิดกั้นจนผู้อื่นทำไม่ได้
อ.ทวีศักดิ์ ไม้วัฒนา
- ก.ม.คุ้มครองสิทธิบัตรทุกฉบับ จะ balance exclusive right จึงไม่กีดกัน จะได้ประโยชนทั่วกัน
อ.จักรพงษ์ ไพบูลย์
- กิฟฟารีน เอางานวิจัยที่ทำแล้วมาต่อยอด
- กิฟฟารีน ไม่จดสิทธิบัตรสมุนไพร ไม่ผูกขาด
- ประเทศไทยขาดความก้าวหน้าทางวิชาการที่ไม่แพง ทำให้เรามีปัญหาทางระบบสาธารณสุข คือ
- ด้านวิชาการ ต้องใช้ยาแพง อุปกรณ์ราคาแพง
- ด้านบริการ ผู้ป่วยล้น เราต้องปรับปรุงการบริการ
- ด้านสื่อสาร ปัญหา 90% เป็น communication failure เช่น ผู้ป่วยไม่มีบัตร ว่าเป็นอะไร ใช้ยาอะไร
ดังนั้น นวตกรรมด้านต่างๆจึงมีความจำเป็น
2 ต.ค.57
ทุนมนุษย์ เป็นต้นทุนที่มีค่ามากสุด หากใช้ให้เกิดประโยชน์และสามารถพัฒนาได้โดยอาศัย 8k + 5k ของอาจารย์จิระดังนี้
8K ทฤษฎ๊ทุน 8 ประเภทพื้นฐานของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
Human Capital ทุนแห่งความสุข
Ethical Capital ทุนทางจริยธรรม
Happiness Capital ทุนแห่งความสุข
Social Capital ทุนทางสังคม
Sustainability Capital ทุนแห่งความยังยืน
Digital Capital ทุนทางIT
Talent Capital ทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ
5K ทุนใหม่ 5 ประการเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคโลกาภิวัฒน์
Creative Capital ทุนแห่งการสร้างสรรค์
Knowledge Capital ทุนทาความรู้
Innovation Capital ทุนทางนวัตกรรม
Emotional Capital ทุนทางอารมณ์
Cultural Capital ทุนทางวัฒนธรรม
Mindset ทัศนคติ
ถ้าดูจากทฤษฎี 8K จะอยู่ใน Talent Capital ประกอบด้วย
1 Skill
2 Knowledge
3 Mindset หรือ Attitude
Mindset จะยู่ข้างใน ซึ่งเป็นความเชื่อลึกๆข้างใน แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงได้ถ้าเอาความจริงมาพิสูจน์และmindset เกิดจากการได้เรียนรู้มากขึ้นหรือเพิ่มขึ้นและ mindsetจะกลายเป็นปรัชญาของชีวิตซึ่งจะเกิดพฤติกรรมบางอย่างกลายเป็นนิสัย และ mindset จะมีทั้ง positive และ negativec และ mindset ที่ไม่เหมาะสมจะเป็นปัญหากับองค์กรได้
3 ต.ค. 57
Personality and Social Skill Development
การพัฒนาบุคลิกภาพ มีประโยชน์อย่างมากแก่บุคลากรที่ปฎิบัติงาน จะได้รู้วิธีการแต่งตัว และการปฎิบัติตัวเมื่ออยู่กับผูใหญ่ และมารยาททางสังคม เช่น การไหว้ การนั่ง ซึ่งสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากและเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่สงสัยและไม่เข้าใจ ให้ยึดหลัก 5 ข้อ
1 ความปลอดภัย
2 ความสะดวกสะบาย
3 มีอัธยาศัยดี
4 ความมีระเบียบเรียบร้อย
5 ให้เกียรติ
3V and Mini Research for the Innovative Project
3V ประกอบด้วย
1. Value Added สร้างมูลค่าเพิ่ม
2. Value Creation สร้างคุณค่าใหม่ (คิด Outside the box )
3. ValueDiversity สร้างคุณค่าจากความหลากหลาย
งานวิจัยต้องนำไปใช้ได้จริง ซึ่งจะทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม มีความรู้และสามารถกระเด้งไปที่อื่นได้ ซึ่งอาจารย์จะเน้นตรง network
4 ต.ค. 57
การพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของปัจจุบัน
มันจะไม่มีวิธีการหรือระบบแบบไหนดีที่สุด บางครั้งระบบทางซีกโลกตะวันตกดีแต่มาใช้บ้านเราไม่ได้เพราะสภาพแวดล้อม คน ฐานะ สิทธิบัตรต่างๆแตกต่างกันดั้งนั้นจะต้องมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ
ช่วงสุดท้ายได้เรียนรู้การจดทะเบียนคุ้มครองสิทธิบัตร ประเภทของการคุ้มครองสิทธิบัตร ซึ่งได้เพิ่มพูนความรู้มากขึ้น นับว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก
จากการทบทวนบทเรียน หลังจากได้อบรมมาหลายวันแล้ว ทำให้นำความรู้ที่ได้มาต่อจิ๊กซอว์ และยังมีความรู้อีกหลายๆ เรื่องที่จะได้รับการต่อจิ๊กซอว์ เพื่อเสริมพลังในการพัฒนาตนเองต่อไป
วันที่ 2 ต.ค. การปรับ Mindset เป็นสิ่งสำคัญ และโดยส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในการทำงานร่วมกันของมนุษย์ การยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกัน ในสภาวะการทำงานที่กดดัน หากการปรับ Mindset ทำได้ทั่วทั้งองค์กร จะทำให้เป็นองค์กรที่น่าอยู่ เมื่อวานนี้ได้อ่านเรื่องราวของโรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค ที่่ปิดตัวลง หลังดำเนินกิจการมา 22 ปี ...พนักงานทุกคนไม่มีใครสละเรือ ยังคงทำหน้าที่ของตนเองจนถึงวินาทีสุดท้าย...เขาทำได้อย่างไร สร้างทีมๆ นี้ขึ้นมาได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่น่าทำการศึกษาต่อ ที่การดูแลพนักงานบางครั้งไม่เพียงแต่ค่าตอบแทนที่ทำให้พนักงานอยู่ได้ แต่ผู้บริหารหล่อเลี้ยงหัวใจพวกเขาได้อย่างไร รายละเอียดตามลิงค์ด้านล่าง
การอบรมวันที่ 3 ต.ค. ทำให้ค้นหา Performance ในตัวเอง และเข้าใจบุคคลอื่น นอกจากนี้ยังได้รับการพัฒนา Personelity and Social Skills Development ให้พร้อมและเหมาะกับความเป็นผู้นำ
การอบรมวันที่ 4 ต.ค. ทำให้รู้สึกประมวลผลได้ว่านี่คือการอบรมที่เปรียบเสมือน MINI MBA สำหรับคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ที่ไม่สามารถหาเรียนจากข้างนอกได้ ความรู้และการแลกเปลี่ยนระหว่างวิทยากรและผู้ร่วมโครงการ ซึ่งเป็นระดับผู้นำ ทำให้เปิดโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาระบบสุขภาพของไทยกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก เป็นสิ่งที่เกิดประโยชน์มาก เพื่อให้มองเห็นทิศทางเดียวกัน