เช้าวันพุธ หลายคนกระปรี้กระเปร่ากับการได้แช่น้ำแร่ออนเซ็น และเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมการอาบน้ำของชาวญี่ปุ่น และเมืองในชนบทก็ยังสามารถดำรงวิถีชีวิตดั่งเดิมโดยไม่เคอะเขิน และเป็นเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวใฝ่ฝัน..นี่ก็อีกเรื่องหนึ่งที่คนไทยควรเรียนรู้การดำรงอยู่และการปรับเปลี่ยน เราออกจากโรงแรมที่พักด้วยภาพของพนักงานที่โค้งคำนับจนรถของเราลับสายตา
ฉากเบื้องล่างกระเช้า มองไปเห็นหุบเขานรก ซึ่งเกิดจากการประทุขึ้นของภูเขาไฟฮาโกเน่ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญของการพัฒนามนุษย์ในขณะเดียวกันก็ใช้เทคโนโลยีในการรับใช้มนุษย์ เราเห็นว่ากระเช้าผ่านหุบเขานอกจากจะทำให้เห็นว่ามนุษย์เอาชนะธรรมชาติได้แล้ว ยังทำให้เห็นถึงความมั่นคงแข็งแรง และความน่าเชื่อถือของทรัพยากรมนุษย์ในประเทศญี่ปุ่น
ไกด์ยังคงทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง อธิบายวิถีชีวิตและความเชื่อของคนญี่ปุ่น ขณะเราผ่านถนนที่สงบ และไม่พลุกผล่าน เป้าหมายของวันนี้คือวัด คามาคุระ ซึ่งเป็นวัดที่มีหลวงพ่อโต พระพุทธรูปโคบุทสึ ประดิษฐานอยู่ ว่ากันว่าเป็นเครื่องหมายของพระญี่ปุ่นที่คนไทยคุ้นเคยกันดี การล้างมือเวียนจากซ้ายไปขวา และการไหว้พระขอพรแบบญี่ปุ่น ขณะสองข้างทางซึ่งมีบ้านเรือนเรียงรายติดกัน แต่ก็ยังติดกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ชาวญี่ปุ่นไม่นิยมใช้รถยนต์ส่วนตัว ด้วยข้อกฎหมายและเรื่องของราคา แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าบริการการเดินทางสาธารณะของญี่ปุ่น สะดวกสบายกว่า จึงทำให้คนเลือกที่จะลดภาระของโลกโดยการใช้บริการสาธารณะ และการเดินก็ถือว่าเป็นการเคารพธรรมชาติมากที่สุดแล้ว เราจึงเห็นผู้คนเดินเท้าและใช้จักรยานจนเจนตา
แวะซื้อกาแฟเย็นกับร้านที่ให้บริการหน้าวัด เราได้ ice coffee ด้วยน้ำแข็งสองก้อน เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งว่าทำไมญี่ปุ่นถึงมีสุขภาพดี และวัฒนธรรมนี้ก็ถูกปฏิบัติทัดเทียมกันไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเอง ความทัดเทียมนี้เองจึงสามารถดำรงวัฒนธรรมที่ดีไว้ได้
ออกจากวัดเรามุ่งสู่เมืองเรามีนัดค้างคืนที่เมืองหลวงของญี่ปุ่นสองคืนเพื่อเริ่มต้นงานตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ โดยเริ่มต้นที่ลงจากรถยนต์เพื่อนั่งรถไฟความเร็วสูง รถไฟชินคันเซน และด้วยความคิดนี้ทำให้อยากเห็นภาพที่คนญี่ปุ่นขึ้นรถไฟแล้วเอาหน้าซุกหนังสือ
ก็ยังคงมีวัฒนธรรมการนั่งรถไฟซึ่งแตกต่างจากบ้านเรา อาจเพราะเรามีรถไฟฟ้าน้อยสายขณะญี่ปุ่นมีมากสายและยาวไกล ก่อนขึ้นรถไฟเราเห็นถึงวัฒนธรรมการเข้าคิว ทุกคนยืนในช่องสำหรับการขึ้นรถไฟ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นคนยืนเช่นนี้ แต่มันเป็นแถวที่ยาวเหยียดแต่ก็ไม่มีมีแถวใหม่แทรกเข้ามา แม้แต่การเข้าคิวสำหรับการทำสิ่งอื่นๆ ก็ด้วยเหมือนกัน เราเคยฮือฮาเกี่ยวกับเด็กน้อยที่ต่อคิวเพื่อรับการปันอาหารตอนญี่ปุ่นประสบภัยภิบัติ โดยที่ไม่ยอมลัดคิวมาแล้ว แม้แต่เด็กเล็กๆ ยังได้รับการชื่นชม ผู้ใหญ่ซึ่งเป็นแบบอย่างก็ด้วยเช่นกัน ความเงียบบนขบวนรถไฟ แสดงให้เห็นถึงการเคารพกติกาของผู้คน มีป้ายประกาศสำหรับการกฎกติกาหลายอย่างที่ต้องปฏิบัติขณะนั่งรถไฟ เช่น ห้ามเปิดเสียงโทรศัพท์ ซึ่งบ้านเราไม่มี และคงเป็นกติกาที่สร้างขึ้นมาจากความพึงพอใจร่วมกัน เพราะไม่มีใครใช้โทรศัพท์ให้เราเห็น
เรายืนอยู่ใจกลางย่านชินจูกุ และประหลาดใจกับแถวยาวเหยียดกลางแยกขณะเดินออกมารถไฟฟ้า เพื่อจะข้ามถนนเข้าสู่ที่พัก เด็กวัยรุ่นยืนเป็นแถวราวกับมีการประท้วง มีตำรวจ มีการกันผู้คน มีผู้คนรอสัญญาณทางข้ามและที่เราประหลาดใจอีกครั้งกับคาราวานคนข้ามถนนที่ดูมีแบบแผนรัดกุม ก่อนที่เราจะเดินตามสัญญาณไฟเขียวให้คนข้าม เสียงผู้คนที่มีทีท่าว่าจะประท้วงก็เฉลยคำถามของเรา พวกเขามาดูคอนเสิร์ต ซึ่งก็เป็นการดูมหรสพที่เป็นแบบแผนเหลือเกิน
เมืองหลวงของญี่ปุ่นก็เป็นดั่งเช่นเมืองหลวงทั่วโลก มีสีสัน มีผู้คนและมีวัฒนธรรมอันเด่นชัดของเมืองใหญ่ เคยอ่านหนังสือเรื่อง โตเกียวทาวเวอร์ ที่เล่าถึงการดิ้นรนของผู้คนในเมืองใหญ่ แต่ญี่ปุ่นก็สร้างเมืองหลวงให้มีความแตกต่างหลากหลาย เราเห็นวัยรุ่นออกมาเดินบนถนนด้วยการแต่งกายที่แตกต่าง และรถจักรยานก็ยังสัญจรไปมา คนปั่นจักรยานใส่สูท ผูกไท แถมยังเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ยังดำรงอยู่แม้ในเมืองหลวงของญี่ปุ่น
ชอบระเบียบวินัยที่ได้รับการปลูกฝังของคนญี่ปุ่นครับ
ทำให้ผู้คนมีวินัยมากครับ ^^