ต่อจากบทความที่แล้วคือ
ซึ่งในบทความนี้ผมจะพูดถึงชีวิตของการเปิดเทอมสัปดาห์แรก และการถอดบทเรียนในวิชา "Clinical Reasoning" หรือการให้เหตุผลทางคลินิก ของสาขากิจกรรมบำบัด คณะกายภาพบำบัดมหาวิทยาลัยมหิดล
การเปิดเทอมในสัปดาห์แรกนั้นสิ่งที่แปลกใจคือการต้องจัดการเวลาของตนเอง เพราะมีงานและกิจกรรมต่างๆถาโถมเข้ามา รวมถึงเสาร์อาทิตย์ไม่ได้มีวันพักผ่อน ตามที่ได้กล่าวไว้ในบทความที่แล้ว เพราะเหตุนี้จึงต้องทำให้ วางแผนชีวิตตนเองข้ามเดือนเลยทีเดียว ไม่งั้นจะไม่มีทางรู้เลยว่าวันไหนว่างเพื่อที่จะได้นำเวลาไปทำงาน หรือ พักผ่อน(ซึ่งยากมาก>,<)
แน่นอนว่าเปิดเทอมใหม่ก็ต้องมีวิชาใหม่ๆ เข้ามา เช่น กิจกรรมบำบัดในชุมชน,กิจกรรมบำบัดในการยศาสตร์และการฟื้นฟูการประกอบอาชีพ หรือ ทักษะการให้เหตุผลทางคลินิกของกิจกรรมบำบัด โดยผมจะถอดบทเรียนมาให้ทุกๆท่านได้ลองอ่านดูแบบเข้าใจง่ายๆ
โดยในครั้งแรกของการเรียน อาจารย์ได้กล่าวถึง บทบาทของนักกิจกรรมบำบัดในแง่มุมต่างๆ ว่านักกิจกรรมบำบัดแตกต่างจากวิชาชีพอื่นอย่างไร
1.นักกิจกรรมบำบัดทุกคนจะต้องฝึกคิด เพื่อให้ตนเองคิดได้อย่างเป็นระบบ ก่อนที่จะไปสอนผู้อื่นให้คิดได้อย่างเป็นระบบ โดยหลักการคือต้องเริ่มจากตัวผู้บำบัดก่อนนั่นเอง
2.นักกิจกรรม จะต้องไวต่อความรู้สึก ความคิด ความเข้าใจ และสามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงทีและเหมาะสมกับสถานการณ์
3.นักกิจกรรมบำบัดจะต้องไม่ยึดถือกับบทบาทของตนเอง แต่จะต้องปรับบทบาทได้ และยังคงจรรณยาบรรของนักกิจกรรมบำบัดไว้ตลอดทุกบทบาท
4.คำนิยามต่างๆ ที่ จะยกตัวอย่างให้ได้เห็นภาพกันนะครับ
Big think >> ในที่นี้จะหมายถึง 3 สิ่งคือ ต้องรู้จักพลิกแพลง ต้องเป็นแรงบันดาลใจหรือสร้างแรงบันดาลใจ และ ท้าทายความสามารถ
Art of doing >> การที่นักกิจกรรมฝึกให้ผู้รับบริการได้ คิด,ทำ,และรู้สึก นั่นคือศิลปะ
OT's are chiet Happiness officers >> นักกิจกรรมบำบัด คือผู้นำในการให้ความสุข
We make doing do-able >> เราให้ทำเพื่อให้เกิดความสามารถ
ซึ่งหากท่านอยากรู้บทบาททางกิจกรรมบำบัดว่าทำอย่างไร หรือทำอะไรบ้าง สามารถเข้าไปดูได้ที่กิจกรรมบำบัดคืออะไร?
และหากอยากติดตามเรื่องราวหรือของนักกิจกรรมบำบัดจิตสังคมคนเดียวในประเทศไทยสามารถเข้าไปติดตามได้ ผ่านกิจกรรมบำบัดชีวิต ของ Dr.Pop ได้เลยครับ
ในบทความหน้า ผมจะมากล่าวถึง ความหมายของ "Clinical Reasoning"
ไม่มีความเห็น