จากคราวที่แล้วได้กล่าวถึงวิธีการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่ง ไปแล้ว ซึ่งเป็นงานใหม่ที่ส่วนเฝ้าระวังได้รับมอบหมายให้ดำเนินการร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ ตั้งแต่ ปี 2556 โดยกำหนดให้มีการติดตาม ปีละ 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ในช่องเดือนมีนาคม และช่วงเดือนกรกฎาคม หลังจากผ่านการดำเนินการมาแล้ว นำผลการวิเคราะห์ที่ได้มาประเมินผลและจัดทำรายงานสรุปผลต่อไป เพื่อจัดประเภทคุณภาพน้ำทะเลตามมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งประเทศไทย และวางแนวทางการแก้ปัญหาด้านมลพิษทางทะเลที่นับวันยิ่งเกิดขึ้นมากมายต่อไป
ทะเลไทย มีเนื้อที่ 378,000 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 23 จังหวัด ตามแนวชายฝั่ง ที่ยาวถึง 2,815 กิโลเมตร ทั้งฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน
มลพิษทางทะเล หมายถึง การที่มนุษย์นำเอาสิ่งต่างๆ ลงสู่สิ่งแวดล้อมในทะเล เช่นน้ำเสีย ขยะ ไม่ว่าจะโดยจงใจหรือไม่ หรือจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม เมื่อการกระทำนั้นก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งมีชีวิต เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์ หรือการทำให้คุณภาพสิ่งแวดล้อมในทะเลเสื่อมลง และทำให้คุณค่าทางสุนทรียภาพลดลง
การกำหนดค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งทั้ง 7 ประเภท ตามลักษณะการใช้ประโยชน์ของแหล่งน้ำ โดยกรมควบคุมมลพิษ เป็นแนวทางในการนำหลักการ การจัดการ และวิธีการมาควบคุมดูแลให้น้ำทะเลชายฝั่งสามารถเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อระบบนิเวศน์ให้คงสภาพตามธรรมชาติ ตลอดจนให้มีการใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างเหมาะสม ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ตลอดไป
มาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่ง แบ่งตามลักษณะการใช้ประโยชน์ 7 ประเภทมีดังนี้
ประเภทที่ 1 เพื่อการสงวนรักษาธรรมชาติ (Environmental Preservation) หมายถึงบริเวณที่มีลักษณะทางกายภาพ และชีวภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากธรรมชาติ เช่น อุทยานแห่งชาติ โดยมีการใช้ประโยชน์ในแง่ของ ก) การศึกษาวิจัย และ/หรือ การสาธิตทางด้านวิทยาศาสตร์ ประเภทที่ไม่ก่อให้เกิดการ เปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อม เช่น การสังเกตการณ์ การติดตามตรวจสอบ เป็นต้น ข) กิจกรรมที่ใช้ประโยชน์จากทัศนียภาพ ความงามตามธรรมชาติ ค) กิจกรรมที่เกี่ยวกับการจัดการ และการอนุรักษ์ ที่ไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อม |
Environmental Preservation | |
ประเภทที่ 2 เพื่อการอนุรักษ์แหล่งปะการัง (Coral conservation) หมายถึงบริเวณที่มีแหล่งปะการังสมบูรณ์ หรือปะการังที่เสื่อมโทรม แต่มีแนวโน้มที่จะพื้น คืนสภาพได้ เช่น แนวปะการังในบริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพีพี เกาะสิมิลัน เกาะช้าง เป็นต้น โดยมีมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งประเภทที่ 2 เป็นตัวควบคุมคุณภาพน้ำทะเล ให้มีความเหมาะสมที่จะใช้เป็นพื้นที่อนุรักษ์แหล่งปะการัง |
Our Coral Reef |
|
ประเภทที่ 3 เพื่อการอนุรักษ์แหล่งธรรมชาติอื่น ๆ (Conservation of Natural Resource) หมายถึงแหล่งอนุรักษ์ป่าชายเลน แหล่งอาศัย แหล่งเพาะพันธุ์ และอนุบาลตัวอ่อนของสัตว์น้ำ เป็นต้น ซึ่งมีลักษณะทางกายภาพไม่เปลี่ยนไปจากธรรมชาติมากนัก โดยมีมาตรฐาน คุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งประเภทที่ 3 เป็นตัวควบคุมให้คุณภาพน้ำทะเล มีความเหมาะสมที่ จะใช้เป็นพื้นที่อนุรักษ์แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ |
Life |
|
ประเภทที่ 4 เพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง (Aquaculture) หมายถึงบริเวณที่มีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งตามธรรมชาติ เช่น การเลี้ยงหอยแมลงภู่ หอยนางรม กุ้ง การเลี้ยงปลาในกระชัง เป็นต้น ซึ่งสถานที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง จะต้องมี ลักษณะทางกายภาพที่เหมาะสม เช่น บริเวณปากแม่น้ำ หรือบริเวณที่เป็นน้ำกร่อย เป็นแหล่ง ที่มีสารอาหารอุดมสมบูรณ์ โดยมีมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่ง ประเภทที่ 4 เป็นตัว ควบคุมให้คุณภาพน้ำทะเลเหมาะสมสำหรับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ |
Aquaculture | |
ประเภทที่ 5 เพื่อการว่ายน้ำ (Water Contact Sport) หมายถึงบริเวณที่คนนิยมไปว่ายน้ำ และท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งสถานที่เหล่านี้ จะต้องมีลักษณะทางกายภาพที่สวยงาม มีหาดทราย น้ำทะเลใสสะอาด ปราศจากการปนเปื้อนจากมลพิษทางน้ำ โดยใช้มาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งประเภทที่ 5 เป็นตัวควบคุมคุณภาพน้ำทะเลให้ เหมาะสมกับกิจกรรมการว่ายน้ำ |
Swimming | |
ประเภทที่ 6 เพื่อการกีฬาทางน้ำอื่น ๆ (Water Proximity Sport) หมายถึงบริเวณที่มีลักษณะทางธรรมชาติเอื้ออำนวยต่อการใช้ประโยชน์ทางด้านการกีฬาทาง น้ำ เช่น การเล่นเรือใบ หรือ สกีน้ำ เป็นต้น |
Vacation | |
ประเภทที่ 7 บริเวณแหล่งอุตสาหกรรม (Industrial Zone) เป็นบริเวณรองรับน้ำทิ้งจากแหล่งอุตสาหกรรมโดยที่คุณภาพน้ำบริเวณนี้ต้องไม่ต่ำกว่าค่า มาตรฐานที่กำหนดไว้ เป็นบริเวณที่มีความเหมาะสมในแง่ของการลงทุน เพื่อจัดทำเป็นแหล่งอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ เช่น นิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น |
Enterprise & Industries |
จากมาตรฐานทั้ง 7 ประเภทข้างต้น พื้นที่บริเวณหนึ่ง ๆ อาจมีการใช้ประโยชน์ได้หลายกิจกรรม เช่น ชายฝั่งทะเลบริเวณหาดป่าตอง จ. ภูเก็ต ใช้ประโยชน์เพื่อการท่องเที่ยว ว่ายน้ำ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ประโยชน์ในแง่ของการกีฬาทางน้ำอย่างอื่น และการอนุรักษ์แหล่งประการังด้วย แต่ทั้งนี้ การใช้มาตรฐานจะกำหนดตามกิจกรรมการใช้ประโยชน์ของแต่ละพื้นที่ชายฝั่ง
(ค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำสามารถดูได้จากประกาศ "มาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งประเทศไทย")
ดังนั้น การติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเล เพื่อให้ทราบถึงสถานการณ์ของคุณภาพน้ำทะเล และสถานการณ์ของมลพิษทางทะเลที่มีการเปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ยังนำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการกำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีคุณภาพน้ำทะเลเสื่อมโทรม และจัดทำมาตรการการจัดการมลพิษทางทะเล กรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการสำรวจคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งทะเลทั่วประเทศเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะบริเวณที่คุณภาพน้ำทะเลมีแนวโน้มเสื่อมโทรม จะมีการติดตามตรวจสอบหลายครั้งต่อปีขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสถานการณ์เพื่อค้นหาแหล่งกำเนิดมลพิษและควบคุมให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย
จาั้กท่ี่นำเสนอมาเป็นการนำหลักเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลมาเสนอ เพราะเป็นข้อมูลหลักในการใช้พิจารณาว่าคุณภาพน้ำทะเลที่ตรวจสอบได้นั้นจะจัดอยู่ในประเภทใด สามารถใช้ประโยชน์ด้านใดได้ และสามารถวางแนวทางการอแหล่งกำเนิดมลพิษทางทะเล และแนวทางการแก้ไขในอนาคตต่อไป
ไม่มีความเห็น