ภีษมะ สุภาพบุรุษจนตัวตาย บุตรแห่งเจ้าแม่คงคาเทวี


ภีษมะ

บุตรของเจ้าแม่คงคาเทวี ผู้ตายบนเตียงลูกศร ที่เรียกว่า ศร ไศยฺยา

शर शैय्या (ภาพบน ศร ไศยฺยา ของภีษมะ ในปราสาทเขมรโบราณ)

 โดย ดร.วรเดช มีแสงรุทรกุล (เขียนเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 2014)

ภีษมะ หรือ เจ้าชายเทวพรต เป็นพระโอรสของพระราชาศานตนุแห่งกรุงหัสตินาปุระ แคว้นกุรุ กับพระแม่คงคา

เป็นบุคคลสำคัญในเรื่องมหากาพย์มหาภารตะ เพราะถือเป็นปู่คนหนึ่งของทั้งฝ่ายเการพและฝ่ายปาณฑพ

ต่อมาสละตำแหน่งรัชทายาทเพื่อให้พ่อคือ ท้าวศานตนุได้แต่งงานกับนางสัตยวดี ที่ท้าวศานตนุหลงรัก แต่พ่อนางว่าจะให้นางแต่งกับท้าวศานตนุต่อเมื่อลูกนางได้เป็นรัชทายาทเท่านั้น

ภายหลังจากที่เจ้าชายเทวพรตได้ให้สัตย์สาบานแก่ฟ้าดินว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบัลลังก์กษัตริย์และจะไม่แต่งงานมีลูกกับหญิงคนใดแล้วนั้น ก็ได้ชื่อใหม่คือ ท้าวภีษมะ

พระบิดาคือท้าวศานตนุก็ซาบซึ้งพระทัยมากจึงให้พรกับภีษมะว่าจะให้ภีษมะมีอายุยืนยาวเท่าไรก็ได้ ไม่มีวันตาย นอกเสียจากว่าภีษมะจะต้องการตายเองจริง ๆ

ชาติก่อนท้าวภีษมะเคยเกิดเป็น หนึ่งในคณะเทพวสุ ก็คือคณะเทพที่มี 8 องค์ด้วยกัน และมีภรรยาครบทุกองค์ เมื่อจะไปที่ใดก็ต้องเสด็จไปทั้ง 16 องค์ มีอยู่วันหนึ่ง ภรรยาของเทพทยุ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะเทพวสุ อยากได้แม่โคนันทินีลูกของแม่โคสุรภี(หรือกามเธนุ) ของฤๅษีวสิษฐ์ซึ่งเป็นฤๅษีที่มีอำนาจมาก
 
เทพทยุรู้ว่าผิดแต่ก็ช่วยกันกับเทพอีก 7 องค์ในการโขมยวัวในระหว่างที่ฤๅษีวสิษฐ์ออกไปเก็บผลไม้ในป่า แต่ฤๅษีวสิษฐ์ก็จับได้เข้า จึงสาปให้เทพทั้ง 8 องค์ไปเกิดรับความทรมานบนโลกมนุษย์

เทพทั้งแปดจึงไปขอให้พระแม่คงคาช่วย ด้วยเหตุนี้พระแม่คงคาจึงแปลงเป็นสาวงามและได้เป็นชายาท้าวศานตนุ และรับหน้าที่เป็นพระมารดาของเทพ 8 องค์ ที่มาเกิด

โดยก่อนแต่งกับท้าวศานตนุ ได้ขอสัญญาว่าถ้าตนทำอะไรแล้วห้าม ท้าวศานตนุขัดเด็ดขาด เมื่อให้กำเนิดบุตรแล้ว นางคงคาจึงโยนเทพทั้ง 7 องค์ที่มาเกิดบนโลกมนุษย์นี้ลงแม่น้ำทันทีจะได้ไม่ต้องมารับกรรมมาก

แต่องค์สุดท้ายคือ ทยุ นั้น ท้าวศานตนุทนไม่ได้จึงเข้าไปห้ามนาง นางคงคาจึงหายไปพร้อมบุตรคือท้าวภีษมะ นั่นเอง โดยพระแม่คงคาได้นำตัวท้าวภีษมะไปเลี้ยงดูเอง เมื่อโตก็ให้ร่ำเรียนวิชาพระเวทและคัมภีร์เวทานตะโดยฤๅษีวสิษฐ์ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่สาปให้ภีษมะมาเกิดบนโลก,วิชารัฐศาสตร์โดยพระพฤหัสบดี และวิชายิงธนูโดยภควาจารย์หรือฤๅษีปรศุราม

ต่อมาโตแล้วก็เอามาคืนพ่อคือท้าวศานตนุ แต่ท้าวศานตนุเนื่องจากเมียจากไปนานก็ไปเลยหลีสาวใหม่คือ ม่ายสาวลูกติดคือนางสัตยวดี ที่เป็นแม่ของฤาษีวยาส (ฤาษีวยาสเป็นลูกฤๅษีปราศระ แยกทางกับนางสัตยวดีทันทีที่นางมีลูก)

(ท้าวศานตนุ เจ้าแม่คงคาเทวี และบุตร ภีษมะสมัยหนุ่ม)

ท้าวศานตนุถึ่งกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ท้าวภีษมะจึงต้องไปขอเมียให้พ่อโดยแลกกับตำแหน่งรัชทายาทดังกล่าว แถมยังต้องสาบานว่าจะเป็นพรหมจรรย์ไปตลอดชีวิตเพื่อป้องกันไม่ให้มีลูกของภีษมะมาแย้งอำนาจลูกนางสัตยวดี ซึ่งความจริงสุดท้ายก็ฆ่ากันเอง คือพวกเการพ กับปาณฑพ

ท้าวภีษมะนั่นไม่ได้แต่งงานแต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง ได้ไปชิงคู่หมั้นคืนคือตัวเจ้าหญิงแห่งแคว้นกาสี 3 พระองค์ก็คือ เจ้าหญิงอัมพา เจ้าหญิงอัมพิกา และเจ้าหญิงอัมพาลิกา มาเป็นมเหสีของวิจิตรวีรยะผู้เป็นน้องต่างมารดา

(โดยปกติมีข้อตกลงกันมานานแล้วว่า หากแคว้นกาสีมีพระธิดาจะต้องยกให้กับเจ้าชายแคว้นหัสตินาปุระก่อน แต่คราวนี้กลับทำพิธีสยุมพร (ให้สตรีเป็นฝ่ายเลือกคู่เอง) แต่ไม่ได้เชิญเจ้าชายแคว้นหัสตินาปุระไปร่วมด้วย)

แต่เมื่อชิงตัวทั้งสามมายังกรุงหัสตินาปุระเรียบร้อย เจ้าหญิงอัมพาซึ่งความจริงเป็นคู่หมั้นภีษมะนั้นบอกกับภีษมะว่าตอนที่ภีษมะกำลังจะไปชิงตัวนางนั้น นางกำลังจะทำพิธีสยุมพรกับท้าวศัลวะ ซึ่งเป็นคู่รักของนาง

ทุกคนคือท้าวภีษมะ พระนางสัตยวดีและวิจิตรวีรยะตกใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงส่งตัวเจ้าหญิงอัมพาให้ท้าวศัลวะ แต่ท้าวศัลวะไม่ยอมรับตัวเจ้าหญิงอีกต่อไป เจ้าหญิงอัมพาเสียใจมาก เมื่อกลับมาหาท้าวภีษมะและขอร้องให้แต่งงานกับตน

(บางตำนานว่า นางอัมพาไม่มีใครอื่นและรักเดียวใจเดียวต่อภีษมะเท่านั้น)

แต่ท้าวภีษมะทำไม่ได้เพราะเคยให้สัตย์สาบานกับฟ้าดินไว้ นางอัมพาโกรธแค้นท้าวภีษมะมากจึงขอให้ฤๅษีปรศุรามผู้เป็นอาจารย์ของท้าวภีษมะมาขอร้องแทนแต่ก็ไม่เป็นผลและยังต้องต่อสู้กับท้าวภีษมะอีกด้วย

แต่ผลก็ไม่รู้แพ้รู้ชนะเพราะภีษมะกำลังจะตัดสินการสู้กันโดยใช้วิชาอัสตระชื่อวิชาปรัสวาปะ ซึ่งเป็นวิชาทำลายล้างโลก แต่ก็ถูกพระนารายณ์และพระศิวะห้ามไว้ก่อน

เจ้าหญิงอัมพาจึงไม่สมหวังและขอพรกับพระขันธกุมาร พระองค์จึงให้พวงมาลัยที่ไม่มีวันเหี่ยวเฉากับนาง เพื่อเอาไปคล้องคอกับผู้ที่จะฆ่าท้าวภีษมะให้ แต่ไม่มีกษัตริย์คนใดยอมรับ มาถึงคนสุดท้ายคือท้าวทรุบท พระองค์ก็ไม่ยอมเช่นกัน เจ้าหญิงจึงแขวนพวงมาลัยในที่เสาในท้องพระโรง

และได้บำเพ็ญตบะเพื่อขอพรจากพระศิวะให้นางเป็นคนฆ่าภีษมะด้วยตนเอง นางทนรอชาติหน้าไม่ไหวจึงเผาตนเองในกองไฟไปเกิดใหม่เป็นพระธิดาของท้าวทรุบทชื่อ ศิขัณฑินี (แต่ภายหลังได้แลกเพศกับยักษ์เพศชายตนหนึ่งที่นึกสนุก ที่ต่อมาโดนท้าวกุเวร สาปให้คงเป็นเพศหญิงไว้จนกว่าศิขัณฑีจะตาย) กลายเป็นเจ้าชายศิขัณฑี


ความจริงเจ้าชายศิขัณฑีไม่ได้ฆ่า ภีษมะโดยตรง แต่รู้ว่าภีษมะจะไม่ทำร้ายสตรีหรือตนที่เคยมีชาติกำเนิดเป็นสตรี ตามคำปฏิเสธของภีษมะเองที่จะไม่สู้กับตน จึงขับรถไปขวาง บังไม่ให้ภีษมะใช้ศรยิงอรชุน ตามแผนของพระกฤษณะ จากนั้นอรชุนก็ใช้ศรยิง ท้าวภีษมะทั้งร่าง จนศรเหล่านั้นกลายเป็น ศร ไศยยา หรือเตียงลูกศร จนภีษมะทนทุกข์ทรมานไม่ได้ก็เลยตายในที่สุด

ต่อมาในสงครามเจ้าชายศิขัณฑี ก็ถูกอัศวัตถามัน ลูกของโทรณาจารย์ฆ่า ตายตกไปตามพี่ชาย เจ้าชายธฤษฏัทยุมัน (ที่เป็นคนฆ่าโทรณาจารย์ เพื่อแก้แค้นให้พ่อคือท้าวทุรบทที่ถูกโทรณาจารย์ฆ่า ) ซึ่งก็ถูกอัศวัตถามันตามมาฆ่าแก้แค้นกันไปมา

สุดท้าย โทรณาจารย์เหลืออัศวัตถามัน ที่โดนสาปให้ตายทั้งเป็นคือป่วยเป็นโรคร้ายมีเลือดและหนองไหลออกจากร่างกาย แต่ไม่มีวันตายต้องไปอยู่ป่าตามลำพังมีไม่เพื่อนเลยจนกว่าจะพบพระกัลกี

ส่วนท้าวทุรบทเหลือ นางกฤษณา เทราปที ที่สุดท้ายแก่ตายได้ขึ้นสวรรค์ไปกับพวกปาณฑพ

หมายเลขบันทึก: 572897เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2014 20:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 กรกฎาคม 2014 10:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท