.....ทำไมถึงทำกับฉันได้.....!


เป็นห่วงอนาคตของชาติ ....


เสาร์ - อาทิตย์ นี้  ( 5 - 6  กรกฏาคม 57 )  คุณมะเดื่อก็เข้าไปทำงาน

ที่โรงเรียนตามปกติวิสัย  และ พอดีตรงกับเวรของคุณมะเดื่อด้วย

ปัด  กวาด   จัด  เก็บ   ทำโน่น  นี่   นั่น  ไปตามเรื่อง  เดินดู

รอบ ๆ โรงเรียน  เป็นแบบนี้มาตลอด  ไม่ว่าจะเป็นครูเวร หรือไม่

มันจึงกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว  




ห้องสมุด  กลายเป็นห้องเรียนอีกห้องหนึ่งที่คุณมะเดื่อให้เด็ก ๆ 

เข้ามาเรียน  ด้วยจุดประสงค์หลักที่ให้เด็กศึกษาค้นคว้า  และ

จุดประสงค์รอง  "  หนีร้อน...(อากาศในห้องเรียน )  มาพึ่งเย็น

(ห้องสมุดอากาศเย็นกว่าห้องเรียนเยอะ ) " 

เหตุนี้....จึงเจอเรื่องที่น่าหนักใจสำหรับเด็ก ๆ ยุคใหม่สมัยนี้...

นิสัยที่ไม่รักษาของใช้   นิสัยที่ไม่รับผิดชอบ  นิสัยที่ไม่รอบคอบ

จึงพบอุปกรณ์เครื่องเขียน  หนังสือ  สมุด  ถูกทิ้งไว้บนโต๊ะ

หรือตกอยู่ใต้โต๊ะ  หลังจากที่หมดชั่วโมงเรียน และนักเรียน

ออกจากห้องสมุดไปแล้ว....เป็นประจำ




หนังสือเรียน....ก็ถูกทิ้งไว้




สมุด...ก็ถูกทิ้งไว้




ปากกา......ก็ถูกทิ้งไว้




ดินสอ.....ก็ถูกทิ้งไว้




ยางลบ.......ก็ถูกทิ้งไว้




น้ำยาลบคำผิด....ก็ถูกทิ้งไว้




แก้วน้ำ.....เจอทุก ๆ ที่ในบริเวณโรงเรียน ....ขนาดมีชื่อเขียน.....ก็ยังถูกทิ้งไว้




นึกย้อนไปสมัยที่คุณมะเเดื่อยังเรียนประถม  ทุกเย็นเมื่อถึงบ้าน  หลังจากทำงานบ้าน

เสร็จแล้ว  ก็อาบน้ำ กินข้าว  จากนั้น  ก็เป็นเวลาที่จะต้องทำการบ้าน  และอ่านหนังสือ

ให้พ่อฟัง  พ่อจะสอนการบ้าน พร้อมกับสำรวจอุปกรณ์การเรียน  สมุด  ดินสอ ว่ายังอยู่

ครบหรือไม่   อะไรใกล้หมด  เช่น  ดินสอ  หรือยางลบ เหลือสั้นจะกุดแล้ว  พ่อก็จะ

ซื้อให้ใหม่  .....  แต่ถ้าหากวันไหน  ดินสอ  ยางลบ  หรืออื่น ๆ หายไป  ก็จะถูกพ่อดุ

และอบรมให้รู้จักรักษาของ   ให้รู้จักรอบคอบ  ให้มีสติไม่หลงลืมเผลอไผล จนทำให้

ของที่จำเป็นต้องใช้เรียนทุกวันหายไป  และถ้าหากยังมีหายอีกครั้งที่สอง หรือสาม

เป็นเจอไม้เรียว.....!!




สิ่งของที่เด็ก ๆ ทิ้งไว้นี้....ไม่ต้องตามหาเจ้าของ  เพราะจะไม่เจอ

ไม่ใช่ไม่มีเจ้าของ  แต่....เพราะไม่มีใครจำได้ว่า เป็นของตัวเองหรือเปล่า

คุณมะเดื่อจึงเก็บรวม ๆ เอาไว้  ตั้งไว้บนโต๊ะ  เอาไว้แจกเด็ก ๆ ที่

ไม่มีใช้จริง ๆ  หรือบางทีเด็ก ๆ ที่ไม่มีใช้ ก็จะมายืมไปใช้  

( ก็คาดว่า...คงเป็นอดีตเจ้าของ น่ะแหละ).....

ถ้าสิ่งของเหล่านี้พูดได้  พวกมันคงจะพูดว่า.....ทำไมถึงทำกับฉันได้...

เฮ้อ....!   ไม่อยากนึกถึงอนาคตของชาติเหล่านี้ในวันข้างหน้าเลย....

ไม่ทราบว่า เด็ก ๆ ที่โรงเรียนอื่น ๆ จะเป็นเหมือนกันบ้างไหม

หรือจะเป็นเฉพาะที่นี่นะ....!



ขอบคุณเพลง ทำไมถึงทำกับฉันได้ ประกอบบันทึกนี้ จาก YouTube

หมายเลขบันทึก: 571874เขียนเมื่อ 6 กรกฎาคม 2014 23:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กรกฎาคม 2014 00:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

มองในแง่ดีคือ

มีของส่วนกลางให้เด็กที่ไม่มียืมได้ 55

คงต้องสอนเรื่องการรักษาของให้แก่นักเรียนครับ

ได้ยินจากน้องสาวว่า บรรดาโรงเรียนสาธิตทั้งหลายก็มีของที่เจ้าของทิ้งมากมายแบบนี้แหละค่ะ

เด็กๆ ไม่รู้คุณค่าสิ่งของ  หายไปก็ซื้อใหม่

ปัญหามาจากครอบครัวปลูกนิสัยเช่นนั้น แล้วมอบภาระใหครูจัดการ...ในแง่สังคมมีการตั้งค่านิยมตามคติทุนนิยม จึงเกิดอานิสงส์แก่เด็กยุคใหม่...ในแง่หนึ่งนี่คือ การพิสูจน์ครูว่าจะมี "วิญญาณครู" ที่แปลว่า "หนักแน่น" แค่ไหน ผลอนาคตคือ ประเทศไทยต้องนำเข้าวัตถุนิยมมากขึ้น ทำลายทรัพยากรของประเทศมากขึ้น ทำให้คนในชาติทำลายตัวเองมากขึ้น และเกิดขยะในบ้าน ในเรือน ในโรงเรียนมากขึ้นครับ ทำอย่างไร เด็กจะหาผลจากขยะเหล่านั้นได้ และให้รู้จักหวงแหนของใช้ ของซื้อของตน หนักใจแทนครับ

ค่อยๆกล่อมเกลา ทำให้ดูอยู่ให้เห็น ไม้อ่อนดัดง่ายนะคะ

ที่ทำงานก็ไม่ต่างกันครับ เด็กๆ จะใช้ของแบบไม่เสียดาย ทิ้งขว้างๆ เช้นกระดาษ ทิชชู เช็ดมือ ในห้องน้ำ จะดึงใช้แบบไม่คิด บางคนดึงมาเป็นห้าหกแผ่น แต่เพียงแค่เช็ดมือให้แห้งเท่านั้น

เขาบอกว่า เป็นสวัสดิการที่บริษัทมีให้ ก็ใช้ไป

พอ หัวหน้าพูดให้ช่วยกันประหยัดรักษ์โลก

ก็เหมือน คนแก่ขี้บ่น...

หรือว่าเรามันแก่แล้ว

ขอบคุณมากมายจ้ะ  น้องอาจารย์ขจิต  สอนให้รักษาของ  ให้รับผิดชอบ  ก็สอน ๆๆๆๆๆ จนเด็กคงจะท่องได้แล้วจ้ะ  แต่ผลก็เป็นเหมือนเดิม   ....  อย่าว่าแต่อุปกรณ์การเรียนเลยจ้ะ   วันก่อนโน้น เด็กคนหนึ่งเก็บกางเกงพละมาจากสนามฟุตบอล  แล้วก็อีกวันหนึ่งเป็นกระโปรงนักเรียนหญิงด้วย  (เก็บได้ช่วงเย็นเลิกเรียนแล้ว )  ตอนเช้าเอามาถามหาเจ้าของที่หน้าเสาธง......ก็ไม่มีเจ้าของเหมือนเดิม ....

แหละจ้ัะ

หวัดดีจ้ะพี่ีนุ้ย  เรื่องทิ้งของ   แล้วซื้อใหม่  ซื้อกันทุกวัน ... สงสารพ่อแม่ ผู้ปกครองจ้ะ  ผลิตเงินไม่ทันลูก ๆ ใช้

สวัสดีจ้ะท่านอาจารย์สุรศักดิ์   เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งจ้ะ  ถ้าพ่อแม่ ผู้ปกครองปลูกฝังนิสัยรักษาของ  รู้จักรับผิดชอบของใช้ ไม่ทิ้งขว้าง  เหมือนเด็ก ๆ รุ่นเก่า ๆ อย่างคุณมะเดื่อ  ครอบครัว  สังคม  ชุมชน  และประเทศชาติ  คงขจัดปัญหาความยากจน ไปได้เยอะจ้ะ  คุณมะเดื่อกำลังคิด...พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส  "  อยู่จ้ะ  จะรวบรวมสิ่งของที่ถูกทิ้งเหล่านี้  แล้วให้เด็ก ที่ไม่มี หรือครอบครัวยากจนจริง ๆ  มาช่วยกันสร้างมูลค่าเพิ่มให้สิ่งของเหล่านี้  ให้เป็นผลิตภัณฑ์เก๋ ๆ  กุ๊กกิ๊ก ๆ  แล้วให้เด็กเหล่านี้จำหน่าย เป็นรายได้ของตัวเองจ้ะ  ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นและกำลังใจจ้ะ

สวัสดีจ้ะพี่ใหญ่  ก็เห็นด้วยจ้ะ  ไม้อ่อนดัดง่าย   แต่ก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันทั้งบ้าน ทั้งโรงเรียนแหละจ้ะ  ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้ะ

หวัดดีจ้ะคุณพิชัย   น้อง ๆ เหล่านั้น ก็เป็นผลิตผลไปจากเด็ก ๆ ในโรงเรียนที่มีพฤติกรรมแบบที่คุณมะเดื่อพบเจอนี่แหละจ้ะ  พอโตขึ้น ก็กลายเป็นบุคคลที่ " ท่องได้ว่าต้องประหยัดทำอย่างไร  แต่ ทำไม่เป็น "  สมัยก่อน ๆ ไม่ค่อยมีแบบนี้  แต่เดี๋ยวนี้เยอะจริง ๆ จ้ะ   ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้ะ

เราอยู่ในยุค..อุตสาหกรรมนิยม..และๆทุนนิยม..เจ้าค่ะ...เรากำลังเป็นโรคที่รักษาให้หายยากมั้กๆๆ..เป็นกันทั่วโลก..โลกเกินพอ..จนล้นโลก..โรค..สำลัก..ขยะ..เจ้าค่ะ.. มีรูปมาให้ดูเพลินๆ.อิอิ

เรียกว่าเป็นไปตามยุคสมัยอ่ะนะยายธีีที่รัก    นับวันยิ่งกลายเป็นโรคเรื้อรัง  ที่ยากจะรักษาจ้ะ ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจจ้ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท