เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสไปเเลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เพื่อจะได้ทบทวนความฝันของตนเองได้มากขึ้น
เบื้องต้นได้ชวนให้เรียนรู้ด้วยการเปิดภาพของบุคคลผู้ที่ประสบความสำเร็จให้ได้ดู พร้อมกับเล่าประวัติให้ได้ฟัง ทุกคนย่อมรู้ดีว่า คนที่ประสบความสำเร็จ ย่อมจะมีเบื้องหลัง มีพ่อเเม่ มีครูคอยให้กำลังใจตลอดเวลา มีบุคคลผู้เป็นเเรงบันดาลใจ ในการใช้ชีวิตคนเหล่านี้แบ่งเวลาในชีวิตได้อย่างลงตัว หรือจะบอกว่าเเบ่งเวลาเป็นก็ว่าได้ เวลานี้้ควรทำอะไร หรือไม่ควรทำอะไร เเละที่สำคัญเขาย่อมรู้ตัวเองว่า ชอบอะไรเขาบอกว่า "คนที่รู้ตัวเองเร็วที่สุดก็คือคนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตเร็วที่สุด"
วิธีการง่ายๆที่เราจะค้นหาตัวเองว่าเราชอบอะไร ?ควรใช้เวลาว่างในเเต่ละวัน สักวันละ ๒ ๓นาที นั่งดูใจตัวเอง ถามใจตัวเอง ตอบใจตัวเองว่า เราชอบอะไร อ่านหนังสือประเภทไหนชอบเรียนวิชาอะไร เราชอบทำอะไร .. โดยที่เราทำด้วยความรู้สึกว่าไม่ได้ถูกบังคับ ..ทำเเล้วมีความสุข บางคนอาจจะชอบกฎหมาย อ่านเเล้วมีความสุข บางคนอาจจะชอบคอมพิวเตอร์ขอให้ทำให้เต็มที่เถอะ ทุ่มให้สุดตัวเหอะ
สิ่งนั้นเเหละคือตัวเราสักวันหนึ่งความสำเร็จจะอยู่เคียงข้างเรา ขอเพียงเเค่อาศัยเวลา "ความชอบ"ในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่าฉันทะ ทำด้วยความรักหรือฝรั่งเรียกว่า พรสวรรค์นั่นแหละ
หลังจากนั้นก็ให้ได้เขียน คณะ สาขามหาวิทยาลัยที่ตนเองอยากจะเข้าเรียน พร้อมทั้งบอกวิธีการที่เข้าไปได้เเละวันเวลาที่จะเริ่มต้นลงมือทำหลายคนๆบอกว่าอยากจะเรียนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศิลปากรและมีคนหนึ่งบอกว่าอยากจะเรียน มหาวิทยาลัยราชมงคลเทคโนโลยีประทุมวัน ฯลฯในช่วงสุดท้ายก็ได้แบ่งปันเล่าให้เพื่อนฟัง น่าประทับใจหลายคนพูดออกมาจากใจหลายคนพูดตามเพื่อน
ก่อนที่จะจบลงก็เลยให้นั่งหลับตาเเล้วลองนึกถึงความรู้สึกของตนเองว่าถ้าเราสอบได้คณะที่เราปรารถนาจะเป็นอย่างไร ถ้าเราได้เข้าเรียนในคณะ สาขาที่ตัวตั้งใจไว้เราจะมีความรู้สึกอย่างไร และถ้าเราเรียนจบแล้วให้ถึงความรู้สึกในขณะนั้นว่าจะเป็นอย่างไร
เเต่ยังไม่ได้พูดถึงตอนเรียนจบก็มี้เสียงกระชิบขึ้นมาพอให้ทุกคนได้ยินว่า ผมนึกไม่ออกเพื่อนผมจะเข้ามหาวิทยาลัยราชมงคลเทคโนโลยีประทุมวัน คงจะไว้ผมยาว มีหนวด มีเคราเเต่งตัวเทห์ๆ ทำเอาเพื่อนที่กำลังนั่งหลับตาทบทวนชีวิตของตนเองอดกลั้นหัวเราะไม่อยู่ และพระจะอดได้หรอ (ข้อนี้ไม่ได้ให้คิดเเทนเพื่อนให้คิดถึงชีวิตตัวเอง ทำไม่ถูกหน้าที่ของตนเองก็อย่างนี้เเหละสังคมของเราจึงมักเกิดเป็นปัญหา)
ในตอนท้ายให้ทบทวน .. บทบาทสมมุติว่าถ้าเราเป็นพ่อเเม่ มีลูกหน้าตาเหมือนกันเรา ความประพฤติเหมือนกับเรานิสัยเหมือนกับเรา การเรียนได้เกรดเหมือนกับเราทุกอย่างมาถึงตรงนี้หลายคนเปล่งเสียงหัวเราะ คงจะรับไม่ได้กับลูกที่มีหน้าตานิสัยอย่างตนเอง ฮ่าๆ
กำลังจะถามว่าใครภูมิใจกับลูกคนนี้มากที่สุด หลายคนคงไม่ภูมิใจกับลูกที่มีนิสัยอย่างนี้เเต่ที่ถามอย่างนี้เพียงเเค่อยากจะให้ทุกคนได้รู้ความรู้สึกของความผู้เป็นพ่อผู้เป็นเเม่
ท้ายที่สุดได้ให้ถามใจตนเอง ตอบใจตนเองว่าความฝันของเธอ มีใครเป็นเเรงบันดาลใจ
๒ กรกฎาคม ๕๗
ขอบคุณค่ะ และจะขอนำมาใช้ถามลูกชายบ้างนะคะ