“การเลือกตั้ง” เท่านั้นที่แสดงว่า “ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาชนตัดสินใจชีวิตของตนเอง”


ที่จริงการถกเถียงเรื่องการเมืองตอนนี้ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย

.

เพราะถ้าขึ้นต้นคำถาม หรือประเด็นถกเถียงว่า ประเทศไทยควรมีระบอบการปกครองแบบไหนดี ? แบบนี้รับรองว่า “ยาก” แน่นอน ซึ่งมันจะกว้างและหาบทสรุปไม่ได้ใน 100 ปี เพราะต้องถกเถียงถึงข้อดีข้อเสีย และความเป็นไปได้ของระบอบต่างๆ ถ้านำมาใช้กับเมืองไทย เถียงกันมากเข้า โอกาสที่จะฆ่ากันตายก็มีสูงไปด้วย

.

แต่ถ้าขึ้นต้นข้อถกเถียงกันว่า ประเทศไทยควรปกครองในระบอบประชาธิปไตยไหม ? อย่างนี้ “ง่าย” มาก จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หรือ เลือกตั้งก่อนปฏิรูป ก็สามารถให้คำตอบได้ง่ายตามไปด้วย เพราะแค่บอกว่า “ควร หรือ ไม่ควร” ก็จบแล้ว และที่จริงก็จบไปนานแล้วกับคำถามนี้ เพราะเราถูกสอนให้รับรู้ว่า สังคมไทยเลือกการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่เกิด อาจจะเพราะเป็นการปกครองที่สากลทั่วโลกยอมรับก็ได้ เราต้องการเป็นสากลอารยะประเทศก็เลยต้องมีการปกครองแบบนี้ตาม

.

เพราะคำว่า “ประชาธิปไตย” มีคำนิยามที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่า “ประชาชนเป็นใหญ่ เป็นการปกครองของประชาชนโดยประชาชน และเพื่อประชาชน” อะไรๆที่ประชาชนไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ ถือว่าผิดหลักการประชาธิปไตยหมด

.

ที่เมืองไทยมีปัญหาทางการเมือง ทางความคิดตอนนี้ ก็เพราะจริงๆแล้ว คนกลุ่มหนึ่งเขาไม่ได้ต้องการให้มีระบอบประชาธิปไตยในเมืองไทย เขาไม่ได้ต้องการให้ประชาชนเป็นใหญ่ เขาต้องการแค่ให้ชนชั้นเขาเป็นใหญ่ เป็นผู้ปกครองประเทศเท่านั้น

.

ถ้าใครพูดถึงเรื่อง “คนดี” หรือ “คนไม่ควรเท่ากัน” หรือ เรียกร้องให้นักการเมืองเป็นคนดี มีการเมืองสร้างสรรค์ หรือว่าประชาธิปไตยไม่ได้อยู่ที่การเลือกตั้ง ***ให้พึงรู้เถิดว่า เขากำลังไม่ได้พูดระบอบประชาธิปไตยกับเรา*** แต่....เขากำลังบอกว่าตัวเขาหรือพวกเขาควรเป็นผู้ปกครองประเทศนี้ ควรมอบอำนาจให้เขา เพราะเขาเป็นคนดีกว่า เก่งกว่า จริงใจกว่าคนที่ประชาชนเลือกมา

.

เพราะประชาธิปไตยจริงๆ ก็คือ ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจชีวิตของตัวเอง แต่ประชาชนไม่สามารถไปทำภารกิจตามความต้องการได้ทุกอย่าง เขาจึงเรียกร้องหา “ผู้อาสา” หรือเลือก “ตัวแทน” ไปทำงานแทนให้

.

ระบอบประชาธิปไตย จึงอยู่ที่ “การเลือก” จะเป็นการเลือก “ตัวแทน” หรือ “ผู้นำ” ตามที่เขาต้องการ ก็ได้ทั้งนั้น และเขาต้องยอมรับผิดชอบกับคนที่เขาเลือกภายในเวลาที่กำหนด ประชาธิปไตยจริงๆ ก็มีแค่นี้เอง ไม่ได้มีอะไรลึกลับ ซับซ้อนแต่อย่างใด อะไรๆที่เกินกว่านี้ถือว่าไม่ใช่ “หลักการ” ของประชาธิปไตย

.

และถ้าเกินไปจากนี้ เช่น ต้องการให้นักการเมืองเป็นคนดี หรือต้องจบปริญญาตรี หรือต้องมีอายุเท่านั้นเท่านี้ หรือต้องมีความรู้ความสามารถอย่างนั้นอย่างนี้ แสดงว่ามีผู้นำเอาความคาดหวัง และเจตนาแอบแฝงที่ต้องการให้ตัวเอง หรือพวกตัวเองได้ประโยชน์มาใช้กับระบอบประชาธิปไตยแล้วล่ะ

.

ที่เมืองไทยวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะมีผู้ต้องการให้ตัวเอง หรือพวกตัวเองได้ประโยชน์ โดยสร้างเงื่อนไขมากมายกับระบอบประชาธิปไตย ร่างกฎกติการะเบียบมากมาย ผลิตรัฐธรรมนูญไม่รู้กี่ฉบับ จนเกิดปัญหามากมายซับซ้อนตามมาไม่รู้จบ

.

และที่หนักกว่านั้น สร้างภาพให้นักการเมือง ที่เป็นตัวแทนของประชาชนเป็น “ผู้ร้าย” ตลอดกาล เช่น กล่าวหาว่านักการเมืองฝ่ายรัฐบาล เป็นเผด็จการรัฐสภา แต่ตัวเองเขียนเงื่อนไขว่าผู้แทนต้องสังกัดพรรค และผู้ที่ได้เสียงข้างมากในสภาให้จัดตั้งรัฐบาล เมื่อใครมีเสียงข้างมากในสภาก็ย่อมเป็นทั้งรัฐบาล และนิติบัญญัติไปด้วย และแม้แต่การเลือกตัวแทน(นักการเมือง)ของประชาชน ก็เขียนจนสับสนว่าจะให้ ตัวแทนของประชาชนมาทำงานหรือไม่ เพราะจะทำอะไรก็ติดขัดไปหมด มีนโยบายแล้ว มอบให้ข้าราชการไปทำงาน แต่ถ้าข้าราชการไม่ทำ จะโยกย้ายหรือปลดระวางก็ยากมาก เพราะอ้างว่าข้าราชการไม่ใช่ “ม้า” ของนักการเมือง

.

ยังมีตัวอย่างอีกมากมาย ที่ลักลั่น ยอกย้อน ขัดแย้งกันในตัวเองของเงื่อนไขที่เขียนในรัฐธรรมนูญ และจากตัวอย่างที่ยกมา สรุปได้ว่า “เขา” สร้างปัญหาให้กับเมืองไทยมาโดยตลอด ทำให้เมืองไทยไม่สงบวุ่นวาย เพื่อจะได้อาศัยเป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจจากประชาชน และเมื่อยึดไปแล้วก็ไม่สามารถปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะไม่ช้าก็ต้องให้มีเลือกตั้ง เนื่องด้วยไปสัญญากับประเทศต่างๆทั่วโลกว่าประเทศนี้จะปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถึงจะพยายามเขียนเงื่อนไขไม่ให้ตัวแทนของประชาชนทำอะไรได้ตามที่หาเสียงมา สุดท้ายก็ต้องมีเลือกตั้งอยู่ดี มีเพียงแค่พยายามเอาคนของตัวเองเข้าไปมีอำนาจทุกภาคส่วน เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง แล้ววันหนึ่งถ้าอำนาจของตัวเองลดลงเกือบครึ่ง ก็จะหาเหตุอ้างยึดอำนาจของประชาชนกลับไปให้พวกตัวเองมีอำนาจครบถ้วนทุกภาคส่วนใหม่อีก วนเวียนอย่างนี้ไม่รู้จบ

.

เขาถึงเรียกการปกครองเมืองไทยตอนนี้เป็น “วงจรอุบาทว์” ไงครับ

.

ถ้าจะไม่ให้ “วงจรอุบาทว์” นี้เกิดขึ้นอีก ประชาชนต้องรู้เท่าทัน และหวงแหนอำนาจของตัวเองไว้มากๆ อย่าปล่อยให้ใครมาแอบอ้างความดี คนดี เพื่อ “เขา” จะได้มีอำนาจในการปกครองประเทศนี้นานๆ แต่เพียงผู้เดียวนะครับ

.

สำหรับทัศนะของผมทุกระบอบการปกครองก็มีข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น ระบอบจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่คนของสังคมนั้นจะเลือกใช้ชีวิตแบบไหน และส่วนตัวผมเชื่อ “กฎแห่งกรรม” ดังนั้นในโลกนี้จึงต้องมีสังคมและระบอบการปกครองหลายชนิด เพื่อให้คนได้ไปเวียนว่ายตายเกิดในแต่ละชาติ ไปเกิดไปเรียนรู้ในสังคมนั้นๆ ตามสภาวะจิตใจที่สั่งสมมา และชดใช้หนี้เวรที่สร้างมา

.

ผมเชื่อว่า “ทุกชีวิตที่เกิดมา ไม่มีคำว่า “บังเอิญ” การที่ทุกคนเกิดในประเทศแบบไหน สังคมแบบไหน พ่อแม่พี่น้องเพื่อนแบบไหน สิ่งแวดล้อมแบบไหน ล้วนเพราะเขา “เลือก” มาเกิดตาม “กรรม และสภาวะจิต” ของตนเอง หรือมีผู้จิตสูงส่งแนะนำให้มาเกิด

.

อย่าลืมไปเลือกตั้งวันนี้นะครับ เพราะนั่น คือ การตัดสินใจชีวิตของท่าน ว่าท่านจะเลือกใช้ชีวิตแบบใดในอนาคต โดยไม่ต้องรอให้ กปปส. หรือใครมากำหนดชะตาชีวิตของท่าน

.

“การเลือกตั้ง” เท่านั้นที่แสดงว่า “ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาชนตัดสินใจชีวิตของตนเอง” โดยไม่ต้องฆ่าฟันทำร้ายกัน

หมายเลขบันทึก: 569670เขียนเมื่อ 3 มิถุนายน 2014 13:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2014 13:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท