"ศาสนา" ไม่วันสูญหายหรือเสื่อมไปจากมนุษย์


คนธรรมดาสามัญมักจะตระหนกกลัวว่า "ศาสนา" จะสูญหาย หรือเสื่อม เมื่อได้รับข่าวคราวที่ไม่ดีจากคนในวงการศาสนา

แต่ขอให้ทุกท่าน "สบายใจ" ได้ว่า ศาสนาจะไม่มีวันเสื่อมหรือสูญหายไปจากมนุษย์หรือโลกหรอกครับ

เพราะว่า

...............

"ศาสนา" เกิดจากมนุษย์พยายามหาทางแก้ปัญหา หรือความทุกข์ของชีวิต

แต่...ที่มีศาสนาหลากหลายเป็นเพราะ "คนต้นคิด" มองปัญหาหรือทุกข์ และการแก้ปัญหาไม่เหมือนกัน

* ศาสนาที่นับถือพระเจ้า เช่น ศาสนาคริสต์ ฮินดู อิสลาม ฯลฯ เชื่อว่าปัญหาต่างๆ ของมนุษย์เกิดจากพระผู้เป็นเจ้าบันดาล เพราะมนุษย์ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ไม่จงรักภักดีพระเจ้า ขัดคำสั่งพระเจ้า

* ดังนั้นการแก้ปัญหาของศาสนาเหล่านี้ จึงแก้ด้วยการ "มอบใจ" "เชื่อใจ" ให้ความรัก ให้ความเชื่อมั่น ไว้วางใจกับพระเจ้า จงรักภักดีพระเจ้า สารภาพบาปไถ่บาป และอ้อนวอน บวงสรวงพระเจ้า เพื่อให้พระเจ้าพอใจ จึงจะบันดาลให้ปัญหาหมดไป ได้รับแต่สิ่งที่ดีๆในชีวิต

.................

  • แต่....ศาสนาพุทธเห็นว่าปัญหาของชีวิต ล้วนเกิดจาก "จิตใจ" ของมนุษย์ที่ไม่มี "สติ" และมี "ปัญญา" พอ จึงหลงผิด(อวิชชา) ปล่อยให้ความอยากชนะจิตใจ (ตัณหา)
  • ดังนั้น การจะแก้ปัญหาชีวิตให้หมดไปตามแนวทางศาสนาพุทธ จะต้อง "ฝึก" "อบรม"(สอน) จิตใจตนเองให้มีสติและปัญญามากยิ่งขึ้น จนกว่าสติ (ระลึกรู้เท่าทันตามความเป็นจริง) และปัญญา(ความรู้แจ้งหรือการยอมรับตามความเป็นจริงนั้น ) สามารถรู้เท่าทันธรรมะ (ความจริง ,ความถูกต้อง) จนปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ปัญหาและความทุกข์ก็จะไม่มีใน "จิตใจ"อีก
  • ***********

    เมื่อ "เข้าใจ" ศาสนาผิด ก็ " นับถือ" ศาสนาผิดๆ

    มนุษย์ส่วนมาก นับถือศาสนา "ผิดๆ" เพราะ

    ๑. เข้าใจว่า ศาสนา หมายถึง สิ่งที่พึ่ง ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ

    ๒. เข้าใจว่า ศาสนา หมายถึง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าผู้บันดาล

    ๓. เข้าใจว่า ศาสนา หมายถึง สิ่งที่คนนับถือต่อๆกันมาว่าเป็นสิ่งดี สอนให้เป็นคนดี

    ๔. เข้าใจว่า ศาสนา หมายถึง สถาบัน รูปแบบ เช่น วัด โบสถ์ วิหาร มัสยิด สุเหร่าฯลฯ

    ๕. เข้าใจว่า ศาสนา หมายถึง รูปแบบตัวบุคคล เช่น นักบวช นักพรต โยคี พระ บาทหลวง พราหมณ์ ฯลฯ

    ๖. เข้าใจว่า ศาสนา หมายถึง พิธีกรรมต่างๆ ทั้งที่เป็นประเพณีพิธีกรรมทางศาสนา และพิธีกรรมที่เป็นการสวดมนต์อ้อนวอนบวงสรวงขอพร

    ....................

    ความเข้าใจ “ศาสนา” ที่ถูกต้อง

    ที่จริง "ศาสนา" ไม่ใช่เรื่องลึกลับ หรือเรื่องศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นสถาบันสร้างคนดี หรืออะไรๆมากมาย ตามที่คนรุ่นหลังพยายามสร้าง "ศาสนา" ให้เป็น "สถาบัน"

    ศาสนาจริงๆ ล้วนเกิดจากมีผู้มาชี้แนะ หรือแนะนำ แนวทางในการแก้ปัญหาชีวิต หรือความทุกข์ของชีวิต เพื่อทำให้มีความสุข ความสบายใจ หรือเพื่อทำให้จิตใจเจริญขึ้น สูงขึ้น ประณีตละเอียดยิ่งขึ้น

    เมื่อ "คำสอน" นั้น "คำแนะนำ" นั้น มีผู้เชื่อถือ ปฏิบัติตาม และได้ผลดีจริงตามที่เขาต้องการ คนรุ่นต่อมาจึงกำหนดเป็น "หลัก" มี "กฎ" มี "เกณฑ์" การใช้ชีวิตต่างๆขึ้นมา

    แต่ที่มีพิธีกรรมขึ้นมาให้ดู น่านิยม ศรัทธา ขลัง ศักดิ์สิทธิ์ ล้วนมีเจตนาแอบแฝงทั้งนั้น

    เพราะศาสนาจริงๆ ก็แค่แนวทาง หรือวิธีการแก้ปัญหาอย่างหนึ่งของมนุษย์คนหนึ่ง ที่แนะให้เห็นว่า ปัญหาชีวิต หรือทุกข์ทั้งหมดของมนุึษย์ล้วนเกิดมาจาก "จิตใจที่ไม่ดี" ถ้าจะแก้ปัญหาให้ได้ ต้องแก้ที่ "ใจ" ก่อน

    แต่....ใครจะแก้โดยวิธีใด ก็ขึ้นอยู่ที่เห็นหรือคิดว่า "เพราะอะไร" ใจจึงไม่ดี

    **********

    สรุปได้ว่า.....

  • ศาสนา จะไม่มีวันสูญหาย หรือสูญสิ้น เสื่อมไปจากโลกนี้ ถ้าตราบใดมนุษย์ยังคงมีคนกลุ่มหนึ่งเห็นว่า ปัญหาชีวิตนั้นอยู่ที่ "ใจ" เป็นตัวการ
  • และที่สำคัญเพราะมนุษย์ต้องมีปัญหาชีวิตอยู่เสมอตลอดเวลา และมนุษย์ก็คงพยายามหาทาง "แก้ปัญหา" ให้กับตัวเองเรื่อยไป
  • แต่ศาสนาพุทธ คริสต์ ฮินดู อิสลาม ฯลฯ สามารถเสื่อมสูญสิ้นไปได้ เพราะถ้าคำสอนหรือวิธีการของศาสนานั้นๆ ไม่สามารถแก้ปัญหาชีวิตให้มนุษย์ที่นับถือได้อีก หรือมนุษย์ไม่ศรัทธาศาสนานั้นด้วยเหตุใดก็ตาม ศาสนานั้นจะเสื่อมหรือสูญสิ้นไปในที่สุด
  • แต่ในไม่ช้ามนุษย์ก็ต้องหาทางแก้ปัญหาชีวิตกันใหม่ แล้วศาสนาใหม่ก็เกิดขึ้นทดแทนกันต่อไป ถ้า...ตราบใด ยังมี "มนุษย์" และ "โลก" นี้อยู่
  • **********

    ดังนั้น…….

    คนที่กลัว "ศาสนาจะเสื่อม" ก็ไม่ต้องกลัวนะครับ เพราะ "ตัวศาสนาไม่มีวันเสื่อม"

    สิ่งที่เราควรกลัว คือ คนไทย สังคมไทย จะไม่ได้เห็น ได้ยินคำชี้แนะในการแก้ปัญหาหรือความทุกข์ที่ถูกต้องตามสัจธรรม หรือสื่งดีๆ จากหลักศาสนาพุทธอีกต่อไปมากกว่า

    เพราะ "...ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ทราบ ไม่ได้ยิน..." หลักธรรมะ(ความจริง) ที่พระพุทธองค์ทรงสอน ชี้แนะไว้

    ถ้า....เรายังปล่อยปละละเลย ให้คนที่แอบอ้าง "ศาสนาดีๆ" แบบศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะเป็นบุคคล หรือผู้ที่ปฏิญญาตนว่าเป็น "นักบวชในศาสนาพุทธ"

    แต่...กลับไม่เคยปฏิบัติตาม หรือยึดมั่นตามหลักคำสอน คำแนะนำของพุทธองค์(เจ้าชายสิทธัตถะ) ที่ให้ “ฝึกสติ สร้างปัญญา” เพื่อให้ "ละคลายความยึดมั่นถือมั่นตัวตน" ในการดำเนินชีวิตแพร่หลายมากขึ้นทุกวัน

    มิหนำซ้ำยังไปเอาเครื่องรางของขลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พิธีกรรม หรือยกย่องสถาบัน หรือบุคคลที่คิดว่า "ดี" มาเป็นสรณะ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ หรือชีวิต แทนพระรัตนตรัย

    คราวนี้ก็จะเห็น **ศาสนาพุทธ "เสื่อม" "สูญ" และ "หาย" ไปจาก...คนไทย ประเทศไทย** แน่นอนครับ

    หมายเลขบันทึก: 569635เขียนเมื่อ 3 มิถุนายน 2014 11:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2014 11:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


    ความเห็น (0)

    ไม่มีความเห็น

    อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท