HR-LLB-TU-2556-TPC-ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์ Amazing Grace


ภาพยนตร์เรื่อง Amazing Grace เป็นภาพยนตร์แห่งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อฉลองการครบรอบ 200 ปี แห่งการยกเลิกการค้าทาสในประเทศอังกฤษ นี่คือเรื่องราวการต่อสู้ของ วิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ซ คริสเตียนหนุ่ม ผู้เป็นสมาชิกรัฐสภาอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้น เพื่อยกเลิกกฎหมายการค้าทาสในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งเวลานั้นนับได้ว่าเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงจนแทบประเมินค่าไม่ได้ เนื่องจากมีทาสผิวดำชาวแอฟริกาถูกเกณฑ์มาขายในตลาดค้าทาสกว่า 12 ล้านคน ผลประโยชน์มูลค่ามหาศาลเกิดขึ้นบนเลือดเนื้อ ความตายและความเจ็บปวดของเพื่อนมนุษย์ ที่พวกเขาถูกมองว่าไม่ได้แตกต่างอะไรจากสัตว์ใช้งาน ใคร ๆ ก็มีสิทธิกอบโกยประโยชน์จากชีวิตทุกหยาดหยดของพวกเขาได้อย่างชอบธรรม เพียงเพราะเขาเกิดมามีสีผิวและหน้าตาที่แตกต่างจากคนบางกลุ่มเท่านั้น[1]

ในภาพยนตร์เรื่อง amazing grace นั้นได้สะท้อนอย่างชัดเจนในเรื่องของความไม่เท่าเทียมกันของมนุษย์ โดยมีการการแบ่งแยกคนทางสีผิวของคนผิวดำและคนผิวขาว ซึ่งได้มีการนำคนผิวดำมาขายเป็นทาสซึ่งมีการปฏิบัติต่อคนพวกนั้นอย่างทารุณไร้ความปราณี ซึ่งเลือกปฏิบัติต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างคนผิวดำและคนผิวขาว เสมือนว่าคนผิวดำมิใช่มนุษย์

ข้อคิดที่ข้าพเจ้าได้รับจากภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัดประการแรกก็คือความเท่าเทียมกันของมนุษย์ทุกคน และความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งคนทุกคนควรไม่ว่าจะมีเพศใด ศาสนาใด สีผิวใด หรือสถานะทางสังคมเป็นเช่นไร ก็ย่อมมีศักดิ์ศรี และคุณค่าในตัวเท่ากันทุกคน เราไม่ควรไปทำลาย หรือบั่นทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ใด และเนื่องจากเราเป็นมนุษย์ร่วมโลกเดียวกัน เราความมีความเมตตาต่อผู้อื่น และนอกจากนี้หากเราถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่งแล้ว จะทำให้เรามีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น และทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นอีกมากเลยทีเดียว

ข้อคิดประการที่สองนั้นเห็นได้จากการต่อสู้ของวิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ช คือ ความมุมานะและความอนทนต่อความถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในปัจจุบัน เนื่องจากคนในปัจจุบันไม่กล้าที่จะทำความดีที่ตนคิดว่าถูกต้อง หากทำความดีความถูกต้องแล้วต่างจากผู้อื่นก็จะไม่ทำ ดังนั้นความมุมานะและความอดทนต่อความถูกต้อง กล้าที่จะแสดงตน กล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะยากเพียงใด หากไม่ล้มเลิกความพยายาม สักวันผลของสิ่งที่ได้ลงมือทำก็ต้องแสดงผลให้เห็นในสักวัน ดังวิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ช ซึ่งที่ได้ต่อสู้เพื่อให้มีการยกเลิกการค้าทาสมาอย่างยาวนานนับสิบปีซึ่งในท้ายที่สุดการค้าทาสก็ได้ถูกยกเลิกไปตามเป้าหมายของเขา และหากว่าเราคิดกลับมาอีกมุมหนึ่ง หากในวันนั้นเขาไม่กล้าที่จะต่อต้านเพื่อความถูกต้องแล้ว จะมีคนอีกสักกี่คนจะต้องตนเป็นเหยื่อของความไม่เท่าเทียมกันของคนในสังคม

และประการสุดท้ายเห็นได้จากจอห์น นิวตันผู้แต่งเพลง Amazing Grace สรรเสริญพระเจ้าที่เคยได้ช่วยเหลือเขาให้รอดตายระหว่างเรือล่มในการลำเลียงทาสมาค้าขาย ทำให้เขาเลิกทำกิจการค้าทาสและอุทิศตนเพื่อร่วมต่อต้านการค้าทาส ซึ่งทำให้ได้ข้อคิดที่ว่าคนเราเมื่อทำผิดพลาดทำผิดไปแล้ว ก็สามารถลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ถูกต้องได้เสมอ ทุกคนล้วนเคยทำผิดด้วยกันทั้งสิ้น คนเลวก็ไม่ได้เป็นคนเลวเสมอไป หากชนะสิ่งชั่วร้ายในตัวเองได้คนเลวก็สามารถกลับมาเป็นคนดีได้เช่นกัน

อ้างอิง

[1] Amazing grance. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=181700 (วันที่ค้นข้อมูล : 18 พฤษภาคม 2557).

หมายเลขบันทึก: 568768เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2014 20:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม 2014 20:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท