เดินแทนวิ่งวันที่ห้า -ได้อะไร
ตอนเช้ายังคงเป็นชีวิตในวัด ลงมาเดินตั้งแต่ฝนยังลงเม็ด เปียกมะล๊อกมะแล๊คมาสองวันละ
ตอนแรกกะว่าจะไม่จุดเทียน ตอนสามสี่รอบดูเหมือนจะเหยียบตะขาบแบบกลางลำตัวด้วยเท้าซ้ายรู้สึกได้ถึงจำนวนขาและกลางลำตัวนิ่มๆเป็นปล้อง ๆ ดูเหมือนส่วนหัวจะโค้งมาเอาเคี้ยวเสยผิวบริเวณหลังเท้าได้ยินเสียงเหมือนอะไรหล่นไม่ห่าง
ด้วยสัญชาตญาณ โกงฝ่าเท้าและสะบัดข้อเท้า ตอนนั้นสำรวจความรู้สึก
โดนกัดไหม พิษโดนปล่อยเข้าสู่ร่างกายไหม หรือจะวิ่งไปเอา ว่าตีนตะขาบที่ปลูกไว้หน้ากุฏิแม่ครูมาทางไว้ก่อน
ตัดสินใจโกยเอาดินเปียก ๆ เช็ดบริเวณผิวส่วนที่คิดว่าจะโดนกัดไม่รู้สึกว่าปวด แค่เหมือนคัน ๆ เล็กน้อย
จึงจุดเทียนแล้วเดินต่อ เปียก ไม่มากแต่รู้สึกหนาว แต่พอเดินไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ อุ่นขึ้นมาก
ได้อะไร เห็นว่า มันรักตัวเองมาก ๆ กลัวที่จะบาดเจ็บ พอคิดว่า ร่างกายถูกทำร้าย
วิธีการที่จะรักษาเยียวยา ขึ้นมาทันที มากกว่า หนึ่งหนทาง รวมถึงไปรีวิวข้อมูลเก่า ๆ ที่พี่ ๆ เคยโดนกัดว่า เป็นอะไรอย่างไรกันบ้าง ขึ้นมาเร็วมาก สะท้อนถึงความรัก ความหวงแหนที่มีต่อร่างกายนี้อย่างมาก
ประมาณตีสาม ไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดแล้วก็ล้มตัวลงนอน
วันนี้รู้สึกกับตนเองว่า ขี้หงุดหงิด บางทีเผลอตะโกนใส่เด็ก ๆ แล้วค่อยมารู้ทีหลัง
หงุดหงิด โมโห ทั้ง ๆ ที่ ทำไมฉันต้องโมโห เด็ก ๆ เขาก็เป็นของเขาอย่างนั้น รู้สึกไม่ชอบตัวเองแบบนี้เลย
สงสัยกับตนเองว่า ประจำเดือนน่าจะใกล้มาแล้ว ข้างในแปรปรวน
ตลอดวันก็ทำงานไป จิตหาข้ออ้างสารพัดที่จะหลบหน้าครู
เหมือนมันยอมรับจิตชั่ว ๆ ตัวเองไม่ได้
พอครูชี้ ทั้ง ๆ ที่บอกทางแก้ แต่ใจหนูกลับตีความไป น้อยใจ
มันก็น่า ทุบกะบานอยู่ค่ะ
อาทิตย์นี้มาวัดเหมือนเพียงมาถึง แต่ได้ทำประโยชน์น้อยมาก
เพราะทนกิเลสตนเองไม่ได้ ก็เลยเป็นอย่างที่เป็น พลาดโอกาสอีกเช่นเคย
ไม่มีความเห็น