ข้อคิดที่ได้จากAmazing Grace


ภาพยนตร์ เรื่อง amazing grace เป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "ทาส" ซึ่งเป็นเรื่องราวของ ยุคสมัยที่ประเทศอังกฤษ ยังมีมุมมองที่ว่ามนุษย์ที่มีสีผิวต่างกัน มีค่าความเป็นมนุษย์ไม่เท่ากัน จนมีบุคคลมองเห็นความสำคัญของคุณต่าชีวิตมนุษย์ จึงได้ต่อสู้เพื่อร่างกฏหมายว่าด้วยการห้ามค้าขายทาสขึ้น

ประการที่หนึ่ง เป็นภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของผู้ซึ่งมีหน้าที่บริหารประเทศ โดยแสดงให้เห็นได้จากตัวละครผู้ซึ่งเป็นผู้ดำเนินเรื่อง คือ William Wilberforce ซึ่งเป็นสมาชิกสภาอังกฤษที่ได้แสดงบทบาทที่การเป็นผู้แทนของประชาชนที่แท้จริงซึ่งได้กระทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของตนภายในประเทศได้อย่างดีเยี่ยม โดยการผลักดันบทกฎหมายการยกเลิกการค้าทาส ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่แสดงเจตจำนงแทนประชาชนบางส่วนภายในรัฐของตน

ประการที่สอง การเสนอร่างกฎหมายการเลิกทาสที่ William Wilberforce ได้เสนอต่อสภาอังกฤษเป็นช่วงเวลาที่การค้าทาสนับว่าเป็นการค้าที่ผู้ค้าจะได้รับผลตอบแทนที่มีมูลค่าสูงมาก นอกจากนั้นแล้วผู้ค้าทาสมักจะค้าทาสที่เป็นชาวแอฟริกาซึ่งเป็นคนผิวสีและมองว่าการค้าทาสนี้จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ทาสชาแอฟริกามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงเป็นการเสนอแนวความคิดที่ขัดต่อคนส่วนใหญ่ภายในประเทศ ซึ่งในขณะนั้นการดำเนินงานซึ่งต้องใช้แรงงานภายในประเทศล้วนเป็นการใช้แรงงานจากทาสทั้งสิ้น ดังนั้นแล้วการเสนอร่างกฎหมายที เสนอจึงใช้เวลายาวนานมากกว่าจะผ่านการอนุมัติในสภาของอังกฤษ โดยการเสนอร่างกฎหมายนี้แสดงให้เห็นความพยายามที่จะผลักดันความถูกต้องของการไม่ใช้แรงงานทาสด้วยการค้าทาสเยี่ยงสัตว์นี้ เพื่อคุ้มครองความเป็นมนุษย์ของคนทุกคนที่เกิดมาบนโลกอย่างเป็นธรรม

ประการที่สาม ความพยายามผลักดันร่างกฎหมายการยกเลิกทาสในสหราชอาณาจักรเป็นเวลากว่า 18ปีของ William Wilberforce นั้นเป็นความพยายามที่มาจากความศรัทธาในความถูกต้อง จึงเห็นได้ว่าเมื่อเรามีความศรัทธาที่ถูกต้องแล้วเราควรเชื่อว่าเราจะสามารถทำได้อย่างสำเร็จ และเมื่อเราทำได้จนสำเร็จแล้ว ย่อมนำมาซึ่งการยอมรับจากคนในสังคม ซึ่งเห็นได้จากตอนท้ายของภาพยนตร์ เมื่อประธานรัฐสภาได้ประกาศว่าร่างกฎหมายการเลิกทาสนั้นได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ได้รับเสียงปรบมือจากประชาชนรวมทั้งสมาชิกรัฐสภาคนอื่นๆ ซึ่งเห็นด้วยกับการกระทำ ความศรัทธาในความเชื่อที่ถูกต้อง และความพยายามของ William Wilberforce ซึ่งได้กระทำจนสำเร็จ

ประการสุดท้าย William Wilberforce ยังคงใช้วิธีการที่ถูกต้องตามระบอบการปกครองของประเทศตนซึ่งต้องผ่านร่างกฎหมายด้วยความเห็นชอบจากสมาชิกสภา โดยเห็นได้จาก ในช่วงต้นเรื่องที่William Wilberforce และผู้สนับสนุนตนได้ร่วมกันค้นหารายชื่อของประชาชนผู้เห็นด้วยกับแนวความคิดของตน เพื่อแสดงให้สมาชิกในสภาได้ทราบความคิดเห็นของประชาชนคนอื่นๆ และการพยายามค้นหาพยาน และหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่าการค้าทาสในประเทศนั้นเป็นการค้าที่ไร้มนุษยธรรมจนเกินกว่าที่มนุษย์คนหนึ่งๆควรจะได้รับ แม้ว่าจะใช้ความพยายามมากเพียงใดแต่ก็ยังไม่สามารถผลักดันจนสำเร็จ แต่ William Wilberforce ก็ยังคงจะพยายามค้นหาวิธีอื่นๆต่อไปที่ผลักดันร่างกฎหมายนั้นโดยไม่ได้ใช้วิธีที่รุนแรงหรือวิธีที่ไม่ถูกต้องแต่อย่างใด 

หมายเลขบันทึก: 568625เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2014 01:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม 2014 01:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท