ผู้ประกอบธุรกิจต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนด้วยหรือ


    ในประเทศไทยนั้น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ธุรกิจสถานบันเทิงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สนองความต้องการของนักท่องราตรีทั่วประเทศ ซึ่งลักษณะของสถานบันเทิงเหล่านี้แน่นอนว่าต้องมีการเปิดเพลงเสียงดัง แม้จะเป็นร้านทำนอง “นั่งชิว” สบายๆก็ตาม จะมีทั้งดนตรีแสดงสด และแบบเปิดเครื่องเสียงให้แด๊นซ์กันอย่างสนุกสนานก็ตาม ซึ่งก็เป็นที่แน่นอนอีกว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณย่อมต้องได้รับผลกระทบ โดยสถานบันเทิงหลายแห่งก็ทราบในจุดนี้ จึงมีแหล่งเฉพาะที่จะเปิดสถานบันเทิงเป็นพื้นที่ไป กล่าวคือเป็นบริเวณที่มีเพื่อให้เสียงดังกันได้เต็มที่ แต่ก็มีหลายแห่งที่มีบารมีมากพอ สามารถขวนขวายหาสถานที่ไร้คู่แข่ง เปิดร้านของตนเดี่ยวๆได้ ในที่อยู่อาศัยของคนทั่วไป เป็นเหตุให้คนในพื้นที่เหล่านั้น ได้รับความเดือดร้อนในการใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนมากคือเป็นช่วงกลางคืนที่เป็นเวลาพักผ่อนของคนส่วนใหญ่ ก็ยากจะนอนหลับลงได้ ท่ามกลางเสียงเบสที่หนาหู เป็นต้น

     เมื่อพิจารณา ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนข้อ 12 ที่ได้กำหนดไว้ว่า การเข้าไปสอดแทรกโดยพลการในกิจส่วนตัว ครอบครัว เคหะสถาน การส่งข่าวสาร ตลอดจนการโจมตีต่อเกียรติยศและ ชื่อเสียงของบุคคลนั้นจะทำมิได้ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายจากการสอดแทรก และการโจมตีดังกล่าว กล่าวคือ การเปิดเพลงรบกวนผู้อื่นในบริเวณ เป็นการสอดแทรกโดยพลการในกิจส่วนตัว ซึ่งคือการใช้ชีวิตอย่างปกติสุขในชีวิตประจำวันแล้ว จึงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเห็นได้ชัด

     นอกจากผลกระทบดังกล่าวจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังผิดกฎหมายพ.ร.บ.การสาธารณสุข เนื่องจากเป็นการกระทำซึ่งก่อให้เกิดเสียง อันเป็นเหตุรำคาญ ตามมาตรา 25 ของพ.ร.บ.ฉบับนี้ จึงไม่เป็นที่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงเหล่านี้ควรจะต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนของคนที่ได้รับผลกระทบจากธุรกิจของตน แต่เมื่อมองดูความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าใครก็รู้ว่ามันยังมีระบบส่วยอยู่ จึงทำให้การนำกฎหมายมาบังคับใช้กับกรณีได้ไม่เต็มที่นัก แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าของสถานบันเทิงบางแห่งก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำนัก บางแห่งที่อยู่ใกล้กับหอพักก็มีเวลาการปิดทำการที่เร็วกว่าสถานบันเทิงอื่นๆ

     ตัวอย่างที่เห็นได้เป็นประจำในชีวิตของผม แม้จะไม่ได้ประสบกับตัวเอง แต่เมื่อเข้าใกล้ช่วงสอบเมื่อใด สเตตัสในเฟซบุคของเพื่อนๆ ที่อยู่หอใกล้กับสถานบันเทิง ก็จะไม่พ้นการบ่นอุบอิบว่าไม่มีสมาธิจะอ่านหนังสือบ้าง นอนไม่หลับบ้าง เมื่อเจอหน้ากันก็จะมาบ่นให้ฟังอีก กลายเป็นว่าผมก็เดือดร้อนไปด้วยเสียอย่างนั้น จึงเข้าใจถึงคนที่ได้รับผลกระทบจากการรบกวนในลักษณะเช่นนี้เป็นอย่างดี และขอแสดงความเห็นใจเป็นอย่างมาก 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

-http://www.l3nr.org/posts/151137

-http://www.prakard.com/default.aspx?g=posts&t=182008

หมายเลขบันทึก: 566547เขียนเมื่อ 22 เมษายน 2014 22:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 เมษายน 2014 22:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท