ภาพยนตร์Amazing Grace ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อฉลองการครบรอบ 200 ปี แห่งการยกเลิกการค้าทาสในประเทศอังกฤษ นี่คือเรื่องราวการต่อสู้ของ วิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ซ คริสเตียนหนุ่ม ผู้เป็นสมาชิกรัฐสภาอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้นที่ต่อสู้เรียกร้องอิสระภาพ ความเท่าเทียมของคนจำพวกหนึ่งคือทาส เพื่อยกเลิกกฎหมายการค้าทาสในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งเวลานั้นนับได้ว่าเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงจนแทบประเมินค่าไม่ได้ เนื่องจากมีทาสผิวดำชาวแอฟริกาถูกเกณฑ์มาขายในตลาดค้าทาสกว่า 12 ล้านคน ผลประโยชน์มูลค่ามหาศาลเกิดขึ้นบนเลือดเนื้อ ความตายและความเจ็บปวดของเพื่อนมนุษย์ ที่พวกเขาถูกมองว่าไม่ได้แตกต่างอะไรจากสัตว์ใช้งาน ใคร ๆ ก็มีสิทธิกอบโกยประโยชน์จากชีวิตทุกหยาดหยดของพวกเขาได้อย่างชอบธรรม เพียงเพราะเขาเกิดมามีสีผิวและหน้าตาที่แตกต่างจากคนบางกลุ่มเท่านั้น [1]
หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องในภาพยนตร์นั้นมีอยู่ดังนี้ 1.หลักfree mandate 2.เรื่องสัญชาติเรือ ซึ่งหลักดังกล่าววิลเลียมได้นำมาเป็นพื้นฐานและข้อต่อสู้ในการยกเลิกกฎหมายการค้าทาส
หลังจากที่ข้าพเจ้าได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ข้าพเจ้าได้ข้อคิดดังต่อไปนี้
ประการแรกคือ การต่อสู้เพื่อที่จะได้อะไรบางอย่างนั้นต้องใช้ความพยายามและความอดทนเป็นอย่างสูง อย่างในเรื่องนั้นการต่อสู้ของวิลเลียมที่ยื่นฏีกาขอให้มีการล้มเลิกค้าทาสนั้น ใช้เวลาร่วมเกือบ 20 ปี กว่าจะถูกประกาศใช้ วิลเลียมก็มีอายุรวม 74 ปี ซึ่งวิลเลียมนั้นได้ใช้ความอดทนและต่อสู้อย่างยากลำบาก หรืออาจจะพูดได้ง่ายๆว่าข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ก้คือ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น
ประการที่สองคือ หลักความเท่าเทียมและเสมอภาคของมนุษย์นั้น ไม่ว่าจะชนชาติใด นับถือศาสนาใด มีฐานะทางสังคมอย่างไร คนทุกคนนั้นล้วนมีคุณค่าความเป็นมนุษย์เท่ากัน ย่อมต้องได้รับการปฏิบัติที่เหมือนกัน ไม่ถูกกดขี่หรือถูกข่มเหงจากบุคคลหรือสิ่งอื่นใด สะท้อนได้จากแนวคิดของวิลเลียมที่ต่อสู้เพื่อให้บุคคลกลุ่มหนึ่งได้รับเสรีภาพจากการถูกกดขี่ข่มเหงของบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ประการที่สามคือ เราทุกคนนั้นควรให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองมีความเมตตาซึ่งกันและกันไม่ควรปฏิบัติต่อคนที่มีฐานะทางสังคมหรือเชื้อชาติ สีผิวในลักษณะที่ไม่เหลือคุณค่าความเป็นมนุษย์ ยกตัวอย่างจากภาพยนตร์ เช่น ซื้อขายเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเสมือนเป็นสิ่งของ
แหล่งที่มาของข้อมูล
[1] ข้อมูลภาพยนตร์Amazing Grace (ออนไลน์)http://www.oknation.net/blog/print.php?id=181700