"ประวัติศาสตร์แห่งความสูญเสีย" ที่ใครฤาจักหนีพ้น


มีคนเคยบอกว่า มนุษย์ไม่ได้มีแต่ "สีขาว" เพียงสีเดียว หรือ "สีดำ" เพียงสีเดียว
หากแต่มนุษย์ทุกคนต่างมีสีทั้งสองผสมกันไปมา
ขาวมากบ้าง ดำมากบ้าง ก็เพียงเท่านั้น
จนกลายเป็น "สีเทา" ในที่สุด

หากความดีงามมากหน่อย สีเทานั้นก็จะกลายเป็น "สีเทาอ่อน"
หากความดีงามน้อยหน่อย สีเทานั้นก็จะกลายเป็น "สีเทาเข้ม"
ตามส่วนผสมความดีงามและความชั่วร้าย

แม้แต่ตัวเราเองนั้นก็ไม่แ่น่ใจว่า เป็นสีเทาระดับใดกันแล้ว

คนทุกคนต่างมีความทุกข์ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
เพียงแต่คนที่คิดว่า ตัวเองน่าจะเป็นคนดีก็ย่อมมีความทุกข์แบบคนดี
ส่วนคนไม่ดีก็ย่อมมีความทุกข์แบบคนไม่ดี
แตกต่างกันตามความยึดมั่นของตัวเอง

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนไม่ดี ย่อมหนีความทุกข์ไม่พ้นทั้งนั้น
เหลือแต่ความมุ่งมั่นในชีวิตที่อยากจะทำความดีหรือทำความชั่ว
เมื่อได้มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ในชาติหนึ่ง

ชีวิตเคยทำความผิดพลาดมามากมาย
ดังนั้น ตัวเราเองย่อมรู้ว่า ความผิดพลาดนั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน
และไม่อยากจะกลับไปทำความผิดพลาดนั้นอีก

แต่หลายครั้ง ประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอย
ความผิดพลาดนั้นก็ย้อนกลับมาเตือนเราอีกครั้ง
เตือนให้เรารู้ว่า เราเคยเจ็บปวดแค่ไหน

กว่าจะเห็นแสงสว่างกลางใจ
เราอาจจะต้องฝึกจิตฝึกใจ
ให้เรียนรู้ "ความสูญเสีย" ไม่รู้กี่ครั้งแต่กี่ครั้ง

ทุกคนไม่เคยหนีพ้น "ประวัติศาสตร์แห่งความสูญเสีย" แม้แต่คนเดียว

ความผิดพลาด ความบกพร่อง การขาดสติ
นำพามาซึ่ง "ความสูญเสีย" ครั้งแล้วครั้งเล่า

ไม่มีใครห้ามความสูญเสียได้

เมื่อเราผูกพันกับสิ่งใด แล้วสูญเสียมันไป
ความเจ็บปวดในจิตใจจะเกิดขึ้นเสมอ

หลายครั้งเราโทษตัวเราเอง
หลายครั้งเราโทษดินฟ้าอากาศ
หลายครั้งเราหาโทษใครก็ได้ที่ไ่ม่ใช่เรา

แต่เราก็ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้
ทุกอย่างเป็นสัจธรรม

มีพบก็ย่อมต้องมีจากเสมอ

หากเราเคยมีสัตว์เลี้ยงที่แสนรักของเรา
แล้ววันหนึ่งมันก็จากเราไป

หากเรามีใครสักคนที่เรารักสุดหัวใจ
แล้ววันหนึ่งเธอก็จากเราไป

เราจักห้ามใครหรือสิ่งใดได้
ทุกอย่างก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป

เหลือแต่จิตใจทึ่จะบอกว่า

"ทำวันที่เหลือในชีวิตให้มีคุณค่าและความหมายมากที่สุด"

ไม่ดีกว่าหรือ

 

ขออโหสิกรรมในสิ่งที่เราได้ล่วงเกิน
ที่ต้องทำให้ใครหรือสิ่งใดทุกข์ร้อน ทุกข์ทน
อันเกิดจากตัวเรา

ขอให้กรรมสิ้นสุดกัน ณ ชาตินี้
จะได้ไม่ต้องมีเวรแก่กันและกันเลย

ขอใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียนสำัคัญ
ในการสร้างความเพียรทำความดีต่อไป

เท่านี้ลมหายใจเรายังคงมีอยู่

 

บุญรักษา ความดีงาม ;)...

 

 

หมายเลขบันทึก: 564689เขียนเมื่อ 26 มีนาคม 2014 00:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม 2014 00:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

จริงครับ ชีวิตไม่ได้มีแต่ "สีขาว" หรือ "สีดำ" แต่ยังมี "สีเทา" อีกมากมาย

กรรม เป็นหมุดสำคัญให้ชีวิตมาพบกัน มีกรรมดีต่อกันก็พบกันด้วยดี มีกรรมไม่ดีต่อกันก็พบกันด้วยไม่ดี หาได้หลีกพ้นไม่ครับ วันนี้การจากกันเรารับรู้ได้ ทุกข์ได้ แต่วันข้างหน้าหากต้องมาเจอกันใหม่ก็คงต้องปล่อยให้เป็นตามวัฏฏ ครับ

เห็นด้วยครับ ทําวันที่เหลือให้มีคุณค่าที่สุด อยู่กับมันด้วยความเบิกบาน

จากประสบการณ์ของพี่ค่ะ มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้พี่เปลี่ยนแปลงตัวเอง

ทุกเหตุการณ์เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง แต่สำคัญทั้งหมด

บางเรื่องเล่าได้ บางเรื่องไม่อยากเล่า

มีเรื่องหนึ่ง(ที่เล่าได้) พี่หยุดกินสัตว์เป็นตั้งแต่ท้องลูกคนเล็กแล้วไปซื้อปลาดุก แม่ค้าทุบหัวปลาดุกต่อหน้า ดิ้นเร่า พี่ตั้งใจแน่วแน่ตั้งแต่เดิินออกจากตลาดวันนั้น (27 ปีแล้ว) ว่าจะไม่สั่งประหารชีวิตสัตว์เอามากินอีก และเมื่อเจ็ดปีที่แล้วมีเหตุวิกฤติใหญ่ในชีวิตทำให้หยุดฆ่าสัตว์ทุกประเภท แม้แต่มดยุง ทำได้สำเร็จก็ลดบาปไปเยอะจริงๆ

แต่อย่างไรชีวิตก็ยีงมีสีเทาอยู่ค่ะ

อาจารย์เขียนบันทึกนี้รา่วกับมีเรื่องเศร้าเกิดขึ้น??? หรือเพิ่งเจอสัจธรรม???

ชอบใจบันทึกอาจารย์

ทำให้ได้คิดตลดเวลาครับ

ขอบคุณครับ

...เป็นหนึ่งกำลังใจนะคะอาจารย์...

สัตว์เลี้ยง สิ่งที่ผูกพัน สูญเสีย น่าเศร้าครับ

อยู่ได้อย่างดีมีสุขด้วยนะคะ เมื่อย้อนมอง โหย ..... เก่งใช่ย่อย

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท