สัปดาห์ที่ผ่านไปดูหนัง ๔ เรื่อง คือ HER, Gravity , 12 Years A Slave และ 7 Years in Tibet
สามเรื่องแรกเป็นหนังใหม่ ระดับรางวัลออสก้าปีนี้ (ประกาศผลไปแล้วเมื่อ 3 มีนาคม 2557)
HER เป็นเรื่องของชายหนุ่มสุดเหงาไปหลงรักหญิงสาวที่ไม่มีตัวตนจริง แต่เป็นแค่ระบบปฏิบัติการในคอมพิวเตอร์ที่ใครก็ได้สามารถซื้อมาลงไว้ในเครื่องของตัวเอง พัฒนาความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ จนเป็น “ความรัก”??? หนังเรื่องนี้จงใจเสียดสี เย้ยหยันมนุษย์ที่หลงใหลเครื่องจักรจนไม่ลืมหูลืมตา
บท และ การแสดง เนียนมาก ไร้ที่ติ เหมือนนั่งดูชีวิตคนจริงๆ โลดเล่นตรงหน้า ผู้กำกับศิลป์จงใจใช้สีแดงสด เหลืองแจ๊ด ในแต่ละฉากเพื่อสื่อสารอารมณ์ที่รุนแรงสุดขั้วของตัวละครในหนังบ
คุ้มค่า เต็มอิ่ม ที่ต้องไปรอหน้าโรงถึงสองวันกว่าจะได้ตั๋วเข้าไปดู เป็นทั้ง หนังดี และมีคุณค่า
ทุกวันนี้มนุษย์ส่วนหนึ่งก็กำลังพูดคุยกับใครบางคนที่หน้าจอจนลืมปฏิสัมพันธ์กับคนรอบกาย เราไม่มีทางรู้จริงๆ ว่าคนที่เอารูปสวยหน้าตาดูดีมาอวด เขียนได้ไพเราะสละสลวยนั้นเป็นคนแบบไหน ดูหนังจบแล้วได้ข้อคิดเตือนสติตนให้ทบทวนหาความพอดีในการนั่งอยู่หน้าจอ
HER เสนอชิงหลายรางวัล บนเวทีออสก้า แต่ได้แค่รางวัลเดียวคือ บทดั้งเดิมยอมเยี่ยม
(วันที่ไปดู HER ยังไม่ประกาศผล ฉันคาดว่าหนังเรื่องนี้จะได้รางวัลบทยอดเยี่ยม แล้วก็เป็นจริง สุดยอดค่ะ )
Gravity เป็นหนังเกี่ยวกับสาวเก่ง (Medical Engineer-ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร??) ไปปฏิบัติงานในอวกาศแล้วเกิดอุบัติเหตุหลุดไปลอยเคว้งในอวกาศ เธอหาทางไปที่ยานของรัสเซีย และกลับโลกจนสำเร็จ ตื่นเต้นเร้าใจดูเพลิน ภาพสวยมาก ดนตรีไพเราะ แซนดร้า บูลล๊อก นางเอกที่เล่นคนเดียวทั้งเรื่องได้เสนอชิงรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมแต่ไม่ได้ หนังถูกเสนอชิง 10 รางวัล ได้ไป ๗ รางวัล คือ ผู้กำกับ, ดนตรีประกอบ, กำกับภาพ, ตัดต่อ(ภาพ) , ตัดต่อเสียง , ผสมเสียง , เทคนิคภาพ ถือว่าได้รางวัลเยอะ
12 Years A Slave สร้างจากเรื่องจริงของชายอเมริกันผิวดำที่ถูกหลอกไปขายเป็นทาสในประเทศของตัวเองคือ อเมริกา!!! จากคนที่เป็นไทต้องไปเป็นทาสถูกกดขี่ใช้แรงงานนานถึง ๑๒ ปี ติดต่อลูกเมียไม่ได้ โหดร้ายขมขื่นเกินพรรณนาเมื่อนึกว่า มนุษย์ด้วยกันเองแท้ๆ ปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์เยี่ยงสัตว์ใช้แรงงาน หนังฉายภาพความเฉยชายอมจำนนของทาส การปฏิบัติของนายต่อทาส รัก-ใคร่ระหว่างนายกับทาส หลายๆ ฉากในหนังอาจทำให้สะเทือนใจจนน้ำตาซึม สุดท้ายด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนมนุษย์ผิวขาวจิตใจดีเขาได้กลับมาพบครอบครัวอีกครั้ง เขาเขียนเล่าประสบการณ์ทาส ๑๒ ปีด้วยตัวเองและช่วยเหลือทาสให้หลบหนีมาสู่อิสรภาพได้มากมาย
เป็นทั้งหนังดีและมีคุณค่า สมบูรณ์ครบถ้วนทั้งบท การแสดง ฉากย้อนอดีตไปในยุคที่อเมริกายังมีทาส ทำให้เกิดความคิดว่าจะไปหาหนังเก่าๆ และหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องราวของทาสทั้งหมดมาดูมาอ่านให้อิ่ม (สามปีก่อนมีหนังชื่อ “The Help” เป็นเรื่องราวของทาสที่เป็นสาวใช้ในบ้าน ดูไปแล้ว ๒ รอบ คงต้องหยิบมาดูใหม่)
12 Years A Slave เสนอชิงหลายรางวัล และชนะรางวัลสำคัญ คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ประเทศไทยเลิกทาสไปนานแล้ว แต่ยังมีคนไทยหลายคนสมัครใจเป็นทาสรับใช้ทรราชอยู่ไม่ยอมเป็นไท
7 Years in Tibet หนังเก่าปี 1997 สร้างจากเรื่องจริงของไฮนริค แฮร์เรอร์ นักไต่เขาชาวออสเตรียที่ถูกจับเป็นเชลยในอินเดีย หนีรอดหลบเข้าไปอยู่ในทิเบตระหว่างปี ค.ศ. 1944 ถึง 1951 ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง จนถึงการุรกรานทิเบตโดยจีน หนังเล่าสัมพันธ์อันงดงามระหว่างดาไลลามะที่14 กับแฮร์เรอร์
ความสวยงามของธรรมชาติที่เห็นจากหนังและความงดงามของจิตใจชาวทิเบตปรากฏในหนังตลอดเรื่อง “ประเทศของคุณชื่นชมคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ประเทศของเราชื่นชมคนที่ละวางได้สำเร็จ” นี่คือประโยคที่หญิงสาวทิเบตพูดกับแฮร์เรอร์เมื่อเขายื่นหนังสือพิมพ์ที่ลงรูปเขาให้เธอดูเพื่ออวดว่า “กู” คือผู้มีชื่อเสียงในประเทศอีกฟากโลกหนึ่ง
หนัง ๔ เรื่องที่ดู เป็นหนังดีทุกเรื่อง สำหรับ Gravity เป็นแค่หนังดี แต่ไม่มีสาระอะไรที่จับต้องได้ให้เป็นประโยชน์ควรจดจำ
ภารกิจไปชุมนุมทำให้มีโอกาสดูหนังโรงมากขึ้น เย็นเข้าโรงหนังลิโด้ ค่ำก็ไปชุมนุม
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาซื้อแผ่น DVD มากว่าสิบแผ่น ฉลอง Smart TV 55 นิ้วเครื่องใหม่เอี่ยมลุงยังหาวิธีต่อกับชุดโฮมเธียเตอร์ไม่เป็น จำใจดูแบบแบนๆ ไปก่อน.
จันทร์ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗
... ได้ข้อคิดดีดีนะคะ .... ขอบคุณค่ะ
คุณมะเดื่อ ยังขยันเขียนบันทึกเหมือนเดิมนะคะ
พี่ทำงานใกล้เสร็จแล้วค่ะ จะพยายามเข้ามาทักทายทุกวัน
น้องเพชรออกจากครัวไปดูหนังบ่อยๆ สิ แล้วจะหลงเสน่ห์หนัง
ดูหนังดีๆ จะมีข้อคิดเยอะแยะอยู่ในนั้นค่ะ Dr. Ple
หนังเป็นแหล่งรวมศิลปะหลายสาขา