นับจากเมื่อวันวาน (๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗) มีงานตลอดทั้งวัน
เพราะช่วงเช้าต้องเป็นวิทยากรบรรยายในเรื่องของเส้นทางความ
ก้าวหน้าของพนักงานมหาวิทยาลัยสายสนับสนุนให้กับ มรภ.นครราชสีมา
ได้ฟัง...เหตุเพราะ มรภ.พิบูลสงคราม ที่ฉันได้รับผิดชอบอยู่นั้น
ฉันได้ทำเกี่ยวกับระเบียบ ประกาศ กฎหมาย ของบุคลากรกลุ่มนี้
ให้กับมหาวิทยาลัยที่ฉันอยู่...เกิดการชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ...
ฉันรู้ว่างานที่ฉันกำลังรับผิดชอบนั้นเดินอยู่เสมอ หากแต่ไม่โลดโผน
ได้ดั่งใจของใครต่อใครในมหาวิทยาลัย...แต่ฉันก็ถือว่า...
"ฉันทำหน้าที่ของฉันได้ดีที่สุดแล้ว"...แม้ว่า คนในมหาวิทยาลัย
ของฉันเองจะเห็นว่าสำคัญหรือไม่ก็ตาม...แต่ฉันภูมิใจอยู่ข้อหนึ่งว่า
"คนภายนอกมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้ตัดสินเองว่า...งานที่ฉันทำอยู่นั้น
เติบโตและมีความก้าวหน้ามากขึ้นมากกว่า มรภ.ของพวกเขาเอง"...
เสมือนกับคำพังเพยที่ว่า..."ใกล้เกลือกินด่าง"...
ในการที่เป็น มรภ. ของประเทศ การที่ไม่ว่าผู้บริหารหรือทุก ๆ สิ่ง
ในการที่เป็น มรภ. จะสมบูรณ์แบบเทียบเท่า ม. เดิม ๆ นั้น คงยาก...
เพราะอะไรนะรึ? ก็เพราะอายุ + ประสบการณ์ในการบริหารจัดการนั่นไง...
ที่เป็นตัวเปรียบเทียบกันระหว่าง ม.ใหญ่กับ มรภ.
ฉันค่อย ๆ สร้างระเบียบ ประกาศ ออกมาให้พนักงานมหาวิทยาลัย
สายสนับสนุนวิชาการให้ปฏิบัติได้เรื่อย ๆ...ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับอายุ + ประสบการณ์
ของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการเช่นกันว่าคุณจะสามารถทำได้หรือไม่
นับจากที่ มรภ.กาญจนบุรี มาดูงานที่ มรภ.พิบูลสงคราม เมื่อวานก็
มรภ.นครราชสีมา...และมรภ.สกลนคร ก็โทรมาประสานแจ้งฉันไว้เบื้องต้น
ว่าจะขอมาดูงานเกี่ยวกับระเบียบที่ มรภ.พิบูลสงครามอีก ซึ่งฉันก็ตกลงรับปาก
ว่า..."ยินดีเป็นพี่เลี้ยงให้ไม่ว่าจะเป็น ม.ที่ฉันอยู่เองหรือ มรภ.แห่งอื่น ๆ"
ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ ๑๐ ปีที่แล้ว...แต่ก่อนฉันยังมีท่าน รศ.สุรชัย ขวัญเมือง
เป็นพี่เลี้ยงและให้คำปรึกษาให้...แต่มา ณ บัดนี้ ไม่มีท่านแล้ว...
ฉันจึงต้องทำเอง ทำด้วยตัวของฉันเอง...เพราะฉันคิดว่า..."ฉันพอรู้
พอเข้าใจในระบบการบริหารงานบุคคล เข้าใจในระเบียบ ข้อบังคับ
ประกาศต่าง ๆ ที่ ก.พ.อ. ประกาศออกมาให้ใช้ ตลอดจนถึงการบริหารงานบุคคล
ของภาครัฐ"...ฉันจึงทำได้ และคิดว่าสามารถเป็นตัวอย่างให้กับที่อื่นได้
การร่างกฎหมาย ถ้าคนไม่เข้าใจก็จะไม่สามารถทำได้ เพราะจะไปสะดุด
และติดขัดในการปฏิบัติต่อไปข้างหน้า...และสุดท้ายก็มีพี่ที่เคยทำงานอยู่ที่
มรภ.นครสวรรค์ ได้กลับมาเป็นคณะกรรมการอนุระบบของ มรภ.นครสวรรค์
โทรศัพท์กลับมาถามฉันว่า...ต้องการระเบียบต่าง ๆ ฉันบอกพี่เขาไปว่า...
"ลองไปศึกษาดูที่หน้าเว็บไซต์ของ มรภ.พิบูลสงคราม (กองบริหารงานบุคคล)
ก่อน ก็ได้ ถ้าติดขัดอย่างไร ก็โทรมาติดต่อฉันได้...เพราะฉันบอกไปว่า...
นับจากที่พี่ออกจากราชการไปเกือบ ๕ ปี...มรภ.เปลี่ยนแปลงไปกันมากเลย
แต่ถ้าสงสัยก็ให้ติดต่อมาคุยใหม่ได้...นี่คือ...หน้าที่อีกหน้าที่หนึ่งที่ฉันมี
และคอยให้คำปรึกษาแก่ มรภ. อื่น เพื่อที่ มรภ. จะได้เกิดการพัฒนาอย่างจริงจัง
ก่อนกลับบ้านเย็นนี้ ฉันก็ไม่รับแจ้งจากน้องงานบุคคล ของ มรภ.จันทรเกษม
ว่า ต้องการให้ฉันไปเป็นพี่เลี้ยงในการเข้าสู่ตำแหน่งของข้าราชการพลเรือน ฯ
ที่ มรภ. ของเขาอยู่ เพราะเขาไม่เข้าใจ...ฉันก็รับปากว่าจะไปให้...ตามมาอีกก็
เป็นของ มรภ. กำแพงเพชร ที่น้อง ๆ ข้าราชการฯ สายสนับสนุนวิชาการที่คอยมาปรึกษา
นี่คือ "จิตอาสา" ที่ฉันรู้ ฉันเข้าใจ ฉันจึงบอก เพื่อความเติบโตในสายอาชีพของพวกเขา
ซึ่งพวกเขา คือ "มดงาน" ตัวเล็ก ๆ ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดินเช่นเดียวกันกับ
บุคลากรสายวิชาการ แตกต่างกันตรงหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติเท่านั้นเอง...
"ใกล้เกลือกินด่าง" นะครับพี่บุษ แต่ก็ไปว่าเขาไม่ได้ เพราะสายตาเขาสั้น งานเราจึงไม้เข้าตา..นั่นมิใช่เป้าหมายกลุ่มเล็กๆ นะครับ หากแต่เป็นเป้าหมายระยะยาวหรือผู้คนที่สนใจเรา ที่อยู่ห่างไกล ที่มีสายตายาว เห็นแม้แต่เราที่อยู่ไกล...สู้ ขยัน จิตสาธารณ์ งานบริสุทธิ์ พุทธจิต มิตรจะตามมาครับ...
ขอบคุณค่ะ คุณ ส.รตนภักดิ์
ขอบคุณค่ะ ดร.เปิ้ล หอมชื่นใจจังค่ะ...
ขอบคุณค่ะ อาจารย์
ขอขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจจากทุก ๆ ท่านค่ะ