เมื่อวานชิมก๋วยเตี๋ยวถ้วยหนึ่ง บ่นในใจว่า เค็ม
วันนี้อาหารเช้าร้านประจำ ก็ดูเหมือนว่า เค็ม ๆ
รู้สึกแปลก ๆ จึงถามคนที่่นั่งทานด้วยกันว่า เค็มไหม ?
ทุกคนบอกไม่เค็ม รสชาดเดิม ๆ
แสดงว่า อุปกรณ์รับรสของผม มีปัญหาแล้ว แน่นอน 555
เริ่มเป็นไข้หวัด (ธรรมดา) มาตั้งแต่คืนก่อนวันวาเลนไทน์ ครับ
เมื่อมีอาการเหมือนจะเป็นไข้ขึ้นมา จะรีบดื่มน้ำอุ่น ๆ แล้วก็รีบเข้านอน
พร้อมกับการทำสมาธิเพื่อเป็นการรักษาเบื้องต้น
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ผมทำแบบนี้ได้ผลดีมาก
หรืออาจจะเพราะภูมิคุ้มกันดีก็ไม่รู้ ทำให้วันต่อมาส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติ
แต่สำหรับครั้งนี้ต่างออกไป เริ่มเป็นไข้หนักขึ้นเรื่อย ๆ หนอ
อาจเพราะช่วงนี้อาการเปลี่ยนแปลงรุนแรงบ่อย ๆ ปะเดี๋ยวร้อน ปะเดี๋ยวหนาว หนอ
วันก่อนผมตัดสินใจไปพบคุณหมอ เพื่อขอฉีดยารักษาไข้ให้หายอย่างรวดเร็ว
เพราะมีภารกิจต้องเดินทางไปต่างจังหวัด
แต่สุดท้ายแล้วคุณหมอตรวจดูอาการว่าใกล้หายแล้ว จึงไม่ยอมฉีดยาให้
พร้อมกับให้ยามาห่อใหญ่ เพื่อให้รักษาตามอาการไปจนกว่าจะหาย
รับรองไม่เกิน 7 วันหายแน่ ๆ
ผมผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็รีบทำตามคำแนะนำคุณหมอ
โดยรีบมองหาอะไรร้อน ๆ ทานรองท้องก่อน เพื่อให้กินยาได้อย่างเร็วที่สุด
เพราะอาการเริ่มแย่ลงทุกที
มองไปเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวใกล้ ๆ รีบเดินเข้าไปสั่ง
สีสันหน้าตาก๋วยเตี๋ยวชามนี้น่ากินมาก แต่พอชิมเข้าไปรสชาดออกเค็ม ๆ
ขนาดยังไม่ได้ปรุง เริ่มผิดหวังนิด ๆ แต่ก็ลุยกินไปเพื่อให้สามารถกินยาได้
ระหว่างที่กิน ๆ ไปนั้น เกิดคำถามแว็บเข้ามาว่า
..เห็นเวทนาในเวทนา คือ อย่างไร ?
ผมเห็นว่า
กายนี้ ใจนี้ ไม่เที่ยงเลยหนอ ล้วยแปรเปลี่ยน เป็นไปตามเหตุปัจจัย
อาหารชามอร่อย แม้จะวางอยู่ตรงหน้าร้อน ๆ แต่ถ้าป่วยเป็นไข้หนักแล้ว
ทานอย่างไรก็ไม่อร่อย หนอ
แต่ก่อนนั้น เมื่อยามเจ็บป่วยเป็นไข้ จะทำให้กินอาหารไม่ค่อยอร่อย
เป็นเหตุทำให้เป็นทุกข์ใจทุกครั้งไปที่ป่วย
แต่ในครั้งนี้้ ป่วยเป็นไข้เหมือนกัน กินอาหารก็ไม่อร่อยเหมือนกัน
แต่ใจกลับไม่เป็นทุกข์ กลับชอบใจ ตรงที่ทำให้เห็นธรรมว่า
.. คุณค่าที่แท้จริงของอาหารนั้น คือ ช่วยเลี้ยงร่างกาย
แต่การกินที่ผ่าน ๆ มานั้น เราให้ความสำคัญกับรสชาดมากจนเกินไป
จนทำให้หลงลืมคุณค่าแท้ของอาหาร
แต่การกินในครั้งนี้ เพราะไม่มีรสชาดให้หลง แต่ต้องกินเพื่อกินยาได้
กลับทำให้เห็นคุณค่าแท้ของอาหารได้ชัดขึ้น
จนทำให้เห็นความหลงแห่งตน
เราหลงรส หลงชาด มาตลอดชีวิต
จนได้หลงลืม ความจริง ความดี ความงามที่แท้มานานแสนนาน หนอ
----------------
ก่อนอื่น เราควรทำความเข้าใจ "เวทนา" ในทางธรรมให้เข้าใจก่อนหนอ
อาจศึกษาได้ที่
th.wikipedia.org/wiki/เวทนา
เมื่อเข้าใจนิยามแล้ว
เราก็หมั่นเพียรสังเกตุเวทนาที่เกิดขึ้นกับเรา
จนเริ่มเห็นเวทนาต่าง ๆ ชัดขึ้น จนเห็น ความเป็นเช่นนั้นเองของเวทนา ของกาย ของใจ
เพียรฝึกสติให้เห็นเวทนาชัดขึ้นแล้ว จะเริ่มรู้ชัดว่า
เวทนา เองก็อยู่ภายใต้กฏพระไตรลักษณ์ หนอ
เพียรฝึกดูต่อไปอีก ..
เราจะเห็นว่า เมื่อรู้ชัดในเวทนา เราก็ยังไม่สามารถอยู่เหนือทุกข์ เหนือสุขได้
จนวันหนึ่ง ถ้าเราเห็นชัดในเวทนาแล้ว เรายังเห็นอีกว่า
เห็นเวทนานั้นแล้ว เกิดเวทนาอีกอย่างไร เราอาจทุกข์น้อยลง หรือไม่ทุกข์ในขณะนั้น หนอ สาธุ สาธุ
หายไวๆ นะครับท่านดร.จะได้เขียนบันทึกให้เราอ่าน
ขอบคุณครับ
ดีขึ้นมากแล้วครับ
เป็นกำลังใจให้หายโดยเร็ววันนะคะอาจารย์...