วิธีการทำข้าวต้มมัดรวบรัด (ข้าวเหนียวมูล)


การทำข้าวต้มมัดรวบรัดวันนั้นเป็นความรู้ที่เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญครับ หลังจากที่ผมกับแม่ช่วยกันปั้นและห่อข้าวต้มลูกโยนอยู่นั้น เหลือบไปดูนาฬิกาก็ประมาณห้าทุ่ม (23.00 น.) เห็นจะได้

หลังจากที่เราห่อข้าวต้มมัดแบบดั้งเดิม (ข้าวเหนียวผัด) เสร็จกันประมาณสามทุ่มกว่า ๆ ก็นำข้าวต้มมัดที่ห่อเสร็จแล้วนั้นไปนึ่งไว้บนเตาถ่าน จากนั้นสองแม่ลูกก็มาช่วยกันทำข้าวต้มลูกโยน ซึ่งเป็นการห่อข้าวต้มที่กินเวลามาก ๆ ครับ เพราะตั้งแต่การปั้นลูก (การนำข้าวเหนียวห่อกล้วย) ซึ่งเป็นหน้าที่ของผม และส่งต่องานที่ปั้นเสร็จแล้วไปให้แม่เป็นคนห่อให้เป็น "ข้าวต้มลูกโยน" ซึ่งเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า ๆ เราทำกันได้ไม่กี่สิบลูก (ประมาณ 30-40 ลูก) ซึ่งข้าวเหนียวที่มูลไว้ยังไม่ยุบไปถึงไหนเลยครับ

ตอนนั้นผมก็เริ่มที่จะปรึกษากับแม่ว่า ถ้าขืนห่อข้าวต้มลูกโยนอยู่อย่างนี้คงจะไม่ได้นอนกันเป็นแน่แท้ ดังนั้นก็เลยตั้งใจกันว่าจะห่อให้ได้ประมาณ 60 ลูกแล้วก็จะเปลี่ยนมาเป็นการห่อข้าวต้มมัดแทน เพราะยังมีใบตองเหลืออยู่ครับ

ด้วยเหตุผลนี้เอง วันนั้นผมก็เลยรู้ว่า "ข้าวต้มมัด" แบบที่ผมไปซื้อกินบ่อย ๆ มันเป็นข้าวต้มแบบรวบรัดนี่เอง

ข้าวต้มมัดแบบรวบรัดก็มีลักษณะคล้าย ๆ กับข้าวเหนียวปิ้งครับ ที่มีไส้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไส้กล้วย ไส้เผือก ไส้มัน นั่นก็คือ ใช้ข้าวเหนียวมูลมาทำ ซึ่งทั้งใส่และข้าวเหนียวมูลนั้น "สุกอยู่แล้ว" ที่นำมาปิ้งก็เพียงแต่ปิ้งให้ใบตองสุก หรืออาจจะเรียกได้ว่า "ปิ้งให้ได้รู้ว่าปิ้ง" กันเท่านั้นครับ

พ่อของผมเล่าให้ฟังในตอนเช้าว่า ถ้าหากจะนำข้าวเหนียวผัดไปห่อแล้วปิ้งคงไม่ได้กินแน่ เพราะขนาดนึ่งยังต้องใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง แล้วถ้านำไปปิ้งบนเปลวไฟหรือไอร้อน คงจะมีเหตุทำให้ใบตองที่ห่อข้าวเหนียวอยู่นั้นไหม้แล้วไหม้อีก ไหม้จนไม่รู้จะไหม้อย่างไรข้าวเหนียวก็ยังไม่สุกครับ (เอ่... เรื่องนี้คล้าย ๆ กับเรื่องของ "ไข้ปิ้ง" ที่เขาหาบขายกันอยู่หรือเปล่าครับ หลาย ๆ ครั้งผมก็พบว่าเขาใช้ไข้ต้มแล้วมาอังไฟบนเตาให้ร้อน ๆ แล้วเรียกว่าไข่ปิ้งครับ)

ขั้นตอนทำข้าวต้มมัดฉบับรวบรัด (ข้าวเหนียวมูล) นั้นไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่ครับ

ขั้นตอนแรกก็ต้องเตรียมกะทิให้เรียบร้อย

จากนั้นก็นำกะทิไปเคี่ยวกับน้ำตาลและเกลือ ชิมรสให้หวานและเค็มประแล่ม ๆ (รสเข้มข้นสักนิดนึงครับ เวลามูลกับข้าวเหนียวจะได้กลมกลืนกันพอดี)

จากนั้นเมื่อได้น้ำกะทิที่ผสมน้ำตาลกับเกลือเรียบร้อยแล้ว ก็นำไปผสมกับข้าวเหนียวที่หุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว (หุงหรือนึ่งแบบข้าวเหนียวโดยทั่วไปครับ) ผสมและค้นให้ทั่วถึงกันจากนั้นปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง แล้วคนสักครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ปล่อยไว้อีก 10 นาที ก็เป็นอันใช้ได้ครับ

 

(ข้าวเหนียวมูลที่มูลเสร็จแล้ว เห็นแล้วคิดถึงมะม่วงหรือทุเรียนเลยครับ)

เมื่อเราได้ข้าวเหนียวมูลแล้ว ก็นำมาห่อกับกล้วยและผสมถั่วดำเล็ก ๆ มัดด้วยตอก (วิธีการห่อโปรดติดตามในขั้นตอนของข้าวต้มมัดฉบับดั้งเดิม) และนำไปนึ่งในซึ้งหรือรังถึงประมาณ 30 นาทีก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ

หน้าตาของข้าวต้มมัดฉบับข้าวเหนียวมูลก็จะมีสีขาว ๆ อย่างที่เห็นในภาพครับ สีสันจะไม่ผิดแผกแตกต่างไปจังสีของข้าวเหนียวมูลและกล้วยที่ใช้ห่อไปสักเท่าไหร่ครับ เพราะใช้เวลานึ่งไม่นานเท่ากับข้าวเหนียวผัด

ใช้เวลาไม่นานกับวิธีการทำที่ไม่ยาก (เมื่อเปรียบเทียบกับแบบข้าวเหนียวผัด) ก็จะได้ข้าวต้มมัดหน้าสีขาว ๆ หน้าตาหน้าทาน ๆ ออกมาอวดโฉมยั่วเย้ายวนใจผสมกับเสน่ห์แห่งขนมไทยที่สืบทอดกันมายาวนาน


Series "ข้าวต้มมัด" ฉบับ Baby R2R

กระผม ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ รายงาน/ถ่ายภาพ

คุณแม่และคุณพ่อของผม ผู้ผลิตและผู้ให้ข้อมูล

ขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านเป็นอย่างสูงครับ

หมายเลขบันทึก: 56217เขียนเมื่อ 28 ตุลาคม 2006 22:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ดูแล้วน่าจะทำไม่ยาก จะลองทำดูนะค่ะ ขอบคุณค่า

  • น่ากินมากค่ะ ข้าวต้มมัดดูท่าทางหวานมัน..ครูแอนต้องนำสูตรไปลองทำบ้างแล้วค่ะ...ขอบคุณค่ะ
  • ลองเข้าไปดูหน้าตาข้าวต้มมัดที่ครูแอนได้เรียนรู้วิธีการทำกับนักเรียน ที่บันทึกนี้ค่ะ

ที่ส่งออกเขาทำแบบนี้ครับ และนำข้าวต้มที่เย็นแล้วไปแช่แข็งเก็บใว้ได้นานเวลาจะกินก็นำเข้าไมโครเวฟ 5 นาทีก็จะเหมือนแบบที่ทำเสร็จใหม่ ๆ ครับ

น่าจะมีวิธีทำข้าวต้มลูกโยนด้วย

อยากได้เป็นภาษาอังกฤษคร้าบ

ว่าแต่ข้าวเหนียวมันจะไม่เละหรอครับ เพราะว่าเอาข้าเหนียวที่สุกแล้วเอาไปนิ่งอีกทีนะครับ ปกติถ้าเอาไปผัดมันจะสุกๆ ดิบๆ แล้วเอาไปนิ่ง ประมาณ 1 ชม.ก็สุกครับ แต่ถ้าผัดไม่ดีข้าวเหนียวมันจะไหม้ครับ ผมเห็นแม่ผมทำแบบนี้นะคับ แต่วิธีนี้ก็ดูง่ายดีและสดวกดีครับ

ทำไมไม่มีอย่องอื่นบ้างล่ะฮะ

ด.ช.พิชญะ วัชรพงศ์เมธี

อยากได้

น่าอร่อยมากๆๆๆๆๆนะจะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท