"วิถีชีวิต..บ้านนอก"


คำว่า "บ้านนอก" มีความหมายว่า นอกเมือง นอกกรุง ที่ดำเนินชีวิตไปตามกรอบสภาพแวดล้อม วัฒนธรรมท้องถิ่นและธรรมชาติ อย่างไร้ไม่มีระบบ กฏเกณฑ์อย่างเคร่งครัดเหมือนสังคมเมือง เป็นสังคมที่อิงฤดูกาล การเอาตัวรอดอย่างปกติ ไม่เร่งรีบ แข่งขัน เมื่อเราเดินทางไปบ้านนอกจึงปรากฏดั่งที่เป็นอยู่ของตนเองอย่างอิสระ

แต่ปัจจุบัน "บ้านนอก" มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก มีแนวโน้มตามสังคมเมืองมากขึ้นเช่น พฤติกรรมการกินการซื้อ การบริโภค การเดินทางด้วยรถรามากขึ้น การปลูกบ้านแบบเมือง การเน้นตัวเงินเป็นหลัก การทำงานหาเงิน การไร้เวลา ความเครียด และความกังวลเรื่องหนี้ ลูกและอาหาร

สิ่งที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในบ้านนอกคือ การพึ่งพากันการเดินทางไปมาหาสู่กัน ความอิสระในรัศมีพื้นที่กว้างขวาง การอิงกับธรรมชาติ การไร้กฏกหมาย กฏระเบียบที่เคร่งครัดมากไป การอยู่กันแบบชาวบ้านการมีที่เพาะปลูกผัก พืช ไม้ ฯ

สิ่งที่น่าจะเติมเต็มสำหรับชาวบ้านคือ ความรู้ชุดพื้นฐาน การบริหารแบบชาวบ้าน การประชุมเป็นประจำ การบริหารจัดการที่อยู่อาศัย วิทยสุขภาวะ หลักธรรมในด้านการบริหารจิตใจ การเก็บข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น การวางแผนระยะสั้นและยาว การวางแผนเป็นแม่บท และการดำเนินประสานงานด้านต่างๆ ฯหากทำได้หรือเติมเต็มสิ่งเหล่านี้ จะทำให้บ้านนอก มีความเป็นเมืองที่เรียกว่า "เจริญ" ขึ้น เพื่อเป็นการวางกำแพงมิให้เด็กชนบทอพยพย้ายเข้าเมือง

อย่างไรก็ตาม ชีวิตชนบทหรือบ้านนอก ก็ยังคงมีเสน่ห์แบบลูกทุ่งอยู่ ผู้เขียนเห็นชาวบ้านเพาะปลูกผักกินเองมากขึ้น เลี้ยงวัว ควายมากขึ้น มีดอกพยอมหอมหวลฟุ้งกระจายไปตามทุ่งนาป่าไม้

เห็นดอกจานบานแดงอย่างโดดเด่น ได้เห็นฟางข้าว หนอง กระต๊อบนา หญ้า ไม้ ฯ นั่นคือ องค์ประกอบขของคำว่า ชนบทหรือบ้านนอกครับ

สิ่งที่ประทับใจในบ้านนอกคือ อากาศบริสุทธิ์ เสียงนก เสียงกา (ตัวสีดำ) ดอกไม้ ทุ่งนา ป่าละเมาะ บางที่ก็ปลูกข้าวนาปรัง เป็นสีเขียวดูแล้วสดชื่นสายตา

สิ่งที่ไม่น่าประทับใจคือ ชาวบ้านมักตัดไม้เผาถ่าน ปลูกยูคาตามไร่นา สวน ถนนมีฝุ่นมาก ปลูกบ้านแบบชาวเมือง ทิ้งแบบดั้งเดิม มีรถจักยานยนต์มากขึ้น ซื้ออาหารกิน (มีแม่ค้าอาหารถุงขาย)

นั่นคือ สภาพที่เป็นไปและเปลี่ยนแปลงไป โดยไม่ค่อยใส่ใจวิถีชาวเมืองมากนัก ช่วงไปอยู่เห็นมีการหาเสียงแบบขับรถเปิดเครื่องเสียงหาเสียง ซึ่งชาวบ้านก็มิได้ใส่ใจอะไรนัก เวลาชาวบ้านเดือดร้อนไม่เห็นมาใยดี พอเลือกตั้งที มาหาเสียงเอาคะแนน แถมมาบอกกล่าวแบบไร้ตัวตน รถวิ่งผ่านบ้านไปเฉยๆ

นี่คือ สิ่งที่พบเห็นมาบอกเล่าเก้าสิบแก่บรรดาสมาชิกโกทูโนครับ

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #บ้านนอก
หมายเลขบันทึก: 561451เขียนเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2014 11:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2014 11:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

- สวัสดีค่ะ ถึงจะอยู่บ้านนอกแต่ก็ภูมิใจค่ะ

- ไม่ต้องแก่งแย่งกะใคร

- รถไม่ติด

- อากาศดี

- ได้อยู่กับครอบครัวแค่นี้ก็มีความสุขแล้วละค่ะ

ภาพนี้บ่งบอกได้มากเลยครับ ต้นนุ่น หมกนุ่นเล็กๆ ตอนเด็กเคยกินครับ

ขอบคุณบันทึกที่ให้ถวิลถึงบ้านเก่า...

บ้านนอก

ที่ไม่เคยนอกใจ...

นับเป็นชีวิตที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติและภูมิสังคมดั้งเดิมที่มีความสุขอย่างยิ่งค่ะ...


.... อยู่กับธรรมชาติ .... สดชื่นนะคะ

เก็บใบ...มารองรับ....คนบ้านนอกเท่านั้นเคยพบเห็น

ไม่ได้เห็นดอกนุ่นมานานนักแล้วจ้ะ ขอบคุณที่นำมาให้ชม

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแสดงความเห็นครับ

ขอแจงคุณมะเดื่อนะครับ ดอกที่คุณมะเดื่อเข้าใจนั้น เป็น "ดอกกระโดน" ครับ มิใช่ดอกนุ่น กินได้ จิ้มน้ำพริกอร่อย จิ้มป่นก็แซบดี...อาหารอีสานครับ บางชนิดบานแล้วจะเหมือนกับภาพที่อ.ไอดิน กลิ่นไม้ โพสต์ครับ

แถวบ้านพี่ หาดูยากมากเลยค่ะ ตอนนี้ ทั้งต้นนุ่น ต้นทองกวาว ส่วนมากถูกชาวบ้านโค่นหมดค่ะ

คำว่า "บ้านนอก" อาจหมายถึง คนสมัยก่อนให้ความสำคัญกับความเจริญ จึงหมายความของในเมืองว่าเป็นบ้านที่สมบูรณ์ สวยหรู มีความพรั่งพร้อมทุกอย่าง แต่พอมาดูบ้านที่อยู่ตามชนบท จึงหมายถึง บ้านที่ยังไม่มีความเจริญ ความพร้อม สะดวกสบายว่า คือ บ้านนอก...ทั้งนี้ จะวัดจากความเจริญทางด้านวัตถุ มากกว่าความเจริญทางด้านจิตใจนะคะ...

ขอบคุณพี่บุษย์ครับ ใช่เลยครับ..ผมไปเที่ยวนี้เห็นต้นพยอมออกดอก ต้นทองกวางสีแดง (จาน) ต้นนุ่น ต้นกระโดน มากอยู่ครับ แต่ที่เห็นมากคือ ต้นยูคาครับ..ยังไงกลิ่นไอธรรมชาติของบ้านนอกยังคงมีเสน่ห์และมนต์ขลังอยู่เสมอครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท