ปฏิรูปบนพื้นฐานประชาธิปไตย

ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หรือ เลือกตั้งแล้วปฏิรูป เป็นวาทกรรมที่ทั้ง 2 ฝ่ายเรียกร้อง และเคลื่อนไหวให้ได้ผลตามที่แต่ละฝ่ายต้องการ

นิด้าโพลประมาณว่า การชุมนุมครั้งนี้มีผู้ร่วมชุมนุนรวมกันประมาณ 10 ล้านคนซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์การชุมนุมในไทย คิดเป็นจำนวน 1 ใน 6 ของประชากร ซึ่งสามารถสร้างผลการเปลี่ยนแปลงการเมืองได้ในรวมตัวของคนขนาดนี้ ขณะเดียวกันผลโพลสำหรับคำถามว่า ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หรือ เลือกตั้งแล้วปฏิรูป ออกมาสูสีกัน และคนส่วนใหญ่ที่ตอบโพลต้องการปฏิรูป

วันที่ 2 ก.พ. กำลังเดินทางเข้าใกล้มาทุกที การเลือกตั้งถึงแม้ทุกคนรู้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่สมบูรณ์แต่ก็กำลังจะเกิดขึ้น แม้คนประมาณ 10 ล้านคนอาจจะไม่ต้องการเลือกตั้งในครั้งนี้ หากนำไปหักลบกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 48 ล้านคน และสถิติการออกมาใช้สิทธิประมาณ 60 - 70 เปอร์เซ็นต์ก็ยังมีคนอีก 10 กว่าล้านที่ต้องการออกมาเลือกตั้ง

ถ้าถามว่าอะไรที่จะเป็นเครื่องชี้วัดเสียง ความเห็น ความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้ในขณะนี้ ก็ต้องบอกว่า “การเลือกตั้ง” เป็นวิธีเดียวที่จะบอกฉันทามติของประชาชนผู้มีสิทธิทางการเมืองได้ ฝ่ายที่สนับสนุนแนวคิดของ กปปส. อาจจะบอกว่าการเลือกตั้งนั้นเชื่อถือไม่ได้เพราะมีการโกงการเลือกตั้ง การซื้อเสียง แม้กระทั้งการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เอาข่าวเรื่อง กกต. พิมพ์บัตรเกินประมาณ 11 เปอร์เซนต์มาเล่นว่าเตรียมการโกง ทั้งๆที่ กกต. ชุดนี้ก็แสดงตนชัดเจนว่า อยากให้เลื่อนการเลือกตั้ง หรือเห็นไม่ตรงกับรัฐบาล ฉะนั้นเรื่องโกงการเลือกตั้งนั้นมีจริง แต่เราก็เห็น กกต. จากใบเหลือง ใบแดง และสอยผู้สมัครที่มีปัญหาหลังการเลือกตั้งได้ทุกครั้ง ดังนั้นก็ยังเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งเมืองไทย มีกรรมการที่เป็นธรรม 

แต่ในขณะเดียวกัน การเลือกตั้งก็เป็นเกมของฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทย เพราะเชื่อมั่นในคะแนนเสียงข้างมากของตนเอง ว่าจะกลับมาชนะและคุมเกมได้อีกครั้ง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ก็อาจจะยากเพราะฐานเสียงที่สนับสนุนหลัก โดยเฉพาะชาวนาที่เคยได้ประโยชน์จากโครงการจำนำข้าว แต่มาประสบปัญหาเรื่องการจ่ายเงินตอนนี้ อาจไม่สนับสนุนมากเท่าเดิม การที่โครงการรับจำนำข้าวไม่มีเงินจ่ายชาวนาตอนนี้เป็นความล้มเหลวของการทำโครงการ เพราะขายข้าวไม่ได้เงินพอจะจ่ายชาวนา และข้าวก็ขายไม่ออกมาตั้งแต่เริ่มทำโครงการแล้ว และยังมีเรื่องทุจริตข้างหลังตามที่ ปปช. ชี้มูลความผิด

สิ่งที่ต้องการจะบอกก็คือ ผมสนับสนุนให้มี "การเลือกตั้ง" เพื่อให้คนที่ไม่ได้ออกมาเป่านกหวีดได้ใช้สิทธิ์ของเขาด้วย นี่คือวิถีประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งเป็นเครื่องแสดงความเห็นที่เป็นผล หากเชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงก็ให้มันเกิดขึ้นโดยไม่เป็นการไปล้มระบบพื้นฐานของประชาธิปไตย การมีรัฐบาลแต่งตั้ง รัฐบาลคนกลาง ใดๆก็ตาม ไม่เคยมีหลักประกันใดๆ  ว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น อีกทั้งยังไม่สามารถสะท้อนความเห็นที่หลากหลายของคนในสังคมปัจจุบันได้

ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนจะเห็นด้วยกับ กปปส. และ คนที่ไม่เห็นด้วยกับ กปปส. จะเป็นเสื้อแดงหรือชอบเพื่อไทย เพราะก็เห็นผลของการบริหารโดยใช้เสียงข้างมาก ทำให้เกิดนโยบายประชานิยมสุดโต่ง ที่มีปัญหาถึงขั้นทำลายระบบการค้าข้าว และคุณภาพข้าวไทย ที่เป็นผลผลิตที่เลี้ยงประเทศชาติมายาวนาน และการใช้เสียงข้างมากในสภาเรื่อง พ.ร.บ นิรโทษกรรม จนเป็นจุดเป็นประเด็นวิกฤตทางการเมืองในวันนี้ แต่ยังเชื่อว่ามีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ต้องการล้มระบบ เพื่อให้เกิดอำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมาปฏิรูปประเทศ

ช่องกากบาทในบัตรเลือกตั้งมีช่องให้กากบาทไม่ลงคะแนน หรือ Vote No ก็เป็นช่องทางที่จะแสดงความเห็นได้ว่า ไม่ต้องการเลือกใครตอนนี้ และกดดันให้เกิดการปฏิรูป โดยที่ประชาชนใช้การเลือกตั้งแสดงประชามติ  ทั้งคนที่อยู่ในเมือง และที่อยู่ในชนบท โดยเฉพาะชาวนา โครงการจำนำข้าวครั้งนี้คงทำให้ชาวนาคิดได้ว่าปลูกข้าวแล้วไปขายรัฐได้ราคาดี มันไม่ยั่งยืนเท่าไหร่หรอก และจากนี้ผลจากโครงการจำนำข้าวจะกลายเป็นปัญหาหนี้สินของชาวนาเองและประเทศ ชาวนาหลายพื้นที่เตรียมยกระดับการประท้วงเรื่องเงินจำนำข้าวเป็นการขับไล่รัฐบาล ดังนั้นเสียงของเพื่อไทยคงลดลงในหลายพื้นที่

แม้สิ่งที่ผมเขียนบางคนอาจคิดว่า เป็นการมองแบบตื้นเขิน โลกสวย แต่จะมีวิธีไหนที่เราจะรักษาประชาธิปไตยไว้ได้ โดยไม่ใช้วิธีล้มระบบ แล้วสร้างใหม่ เขียนใหม่ รวมทั้งเห็นฝ่ายที่คิดต่างเป็นศัตรู หากไม่ใช้การเลือกตั้งที่สะท้อนเสียงของคนทั่วประเทศ เป็นความฐานความเห็นของคนที่เป็นที่ประจักษ์ แล้วนำไปสู่การปฏิรูปที่มีฐานมาจากผลการเลือกตั้ง การเลือกตั้งไม่ทำให้โอกาสเรื่องปฏิรูปล้มลง และการปฏิรูปก็ยังเดินหน้าบนพื้นฐานประชาธิปไตย ตราบที่ประชาชนยังมีความตื่นตัวทางการเมืองสูงเช่นนี้ 

สุดท้ายคือหากไม่เอารัฐประหาร สภาเทือกตั้ง กำจัดการคอร์รับชั่น และ ระบอบทักษิณ ต้องใช้การเลือกตั้งเท่านั้น