ตามรอยพระอริยเจ้า : หลวงพ่อชา สุภัทโท ๑


   ในห้วงแห่งความอึมครึมของบ้านเมือง ที่ไม่รู้จะหาทางออกยังไง และจะออกไปทางไหน ผู้เขียนไม่อยากจะติดตามข่าวคราวการเมืองเอาเสียเลย

   จึงหาหนังสืออ่าน และหยิบเอาหนังสือประวัติพระอริยเจ้ามาอ่านอีกครั้ง หนึ่งในนั้นมีประวัติของหลวงพ่อชา ในหนังสือที่ชื่อ ตามรอยพระอริยเจ้า หลวงพ่อชา สุภัททโท เรียบเรียงโดย ดำรงธรรม

   หลายท่านคงพอจะทราบประวัติและข้อคิดข้อธรรมของท่านดี วันนี้ผู้เขียนขอนำมาบันทึกไว้เพื่อเป็นการเผยแผ่ธรรมะอีกครั้ง อย่างน้อยคงจะทำให้จิตใจสงบลงได้บ้าง ในยามบ้านเมืองมีแต่ความแตกแยก ต่างความคิด จนเหมือนจะหาทางออกไม่ได้ในทุกวันนี้

   หลวงพ่อชา สุภัทโท เป็นชาวอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบ้านก่อนอก และเมื่ออายุครบ ๒๑ ก็อุปสมบท ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๔๘๒ ณ พัทธสีมาวัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ โดยมีท่านพระครูอินทรสารคุณเป็นพระอุปัชฌาย์

.........

   พ.ศ. ๒๔๘๙ หลวงพ่อชากับพระถวัลย์ ได้จาริกธุดงค์จากอุบลราชธานีสู่ภาคกลาง ออกพรรษาในปีนั้นได้เดินธุดงค์ไปนมัสการ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดหนองผือนาใน อำเภอพรรณนิคม จังหวัดสกลนคร

   จากการได้พบหลวงปู่มั่นในครั้งนั้นเป็นประสบการณ์สำคัญที่นำวิถีชีวิตของหลวงพ่อเข้าสูุ่กระแสธรรมปฎิบัติอย่างถูกต้องและมั่นคง...

   เอาชนะความกลัว

   วันหนึ่่งเดินทางถึงวัดโปร่งคลอง สำนักของพระอาจารย์คำดี เกิดสนใจที่จะศึกษาการอยู่ป่าช้า

   คินแรก ค่ำลงก็เจอคนหามศพมาฝังพอดี พอตะวันตกดิน ใจหนึ่งก็บอกให้เข้าไปอยู่ในกลดท่าเดียว ตกกลางคืนมืดสนิท เห็นบาตรเป็นเพื่อน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน มันกลัวอยู่ทั้งคืน

   คืนต่อมา ก็พบกับการเผาศพอีก ตกกลางคืนต้องผจญกับเสียงประหลาดเหมือนคนเดินมาหยุดอยู่ข้างหน้า กลัวมาก ใจหนึ่งคิดว่า

ที่กลัวมากกลัวมายนักมันกลัวอะไร กลัวตาย

   ใจหนึ่งก็คิดว่า ตายมันอยู่ตรงไหน ความตายอยู่กับตัวเรา วิ่งหนีก็ตาย นั่งก็ตาย เพราะความตายอยู่กับเรา กลัวหรือไม่กลัว ก็ตายเหมือนกัน หนีมันไมาได้หรอก...

   .......

พึ่งพาหลวงปู่กินรี วัดป่าหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม หลวงปู่กินนรีเป็นครูบาอาจารย์ที่มีปฏิปทาเรียบง่าย ใช้ชีวิตโดเดี่ยว มั่นคงในข้อปฏิบัติ มักน้อยสันโดษ

   วันหนึ่งหลวงพ่อนั่งปะชุนจีวรอยู่ ขณะเย็บผ้าคิดอยากให้เสร็จเร็วๆ จะได้ไปนั่งภาวนา เดินจงกรมเสียที จะได้หมดเรื่องหมดราว หลวงปู่กินรีเดินมาหยุดยืนดูอยู่ใกล้ๆ ก็ยังไม่รู้ตัว เพราะจิตกังวลอยากเย็บผ้าให้เสร็จเร็วๆเท่านั้น

   หลวงปู่กินรีให้ข้อคิดว่า..."ท่านรู้ไหม นั่งเย็บผ้านี้ก็ภาวนาได้ ท่านดูจิตตัวเองสิว่า เป็นอย่างไร แล้วก็แก้มัน ท่านจะรีบร้อนไปทำไมเล่า ทำอย่างนี้เสียหายหมด ความอยากมันเกิดขึ้นท่วมหัว ท่านยังไม่รู้เรื่องของตัวเองอีก"

  .............

ยอดคำสอน

...ไม่มีอะไรจะเป็นที่วิตกวิจารณ์เลย

ไม่มีอะไรที่น่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ

เพราะมันเป็นเรื่องอย่างนั้นธรรมดาๆ

เราพูดธรรมดาได้ แต่มองไม่เห็นธรรมดา

แต่ถ้าเรารู้ธรรมะสม่ำเสมอ

ไม่มีอะไรเป็นอะไรแล้ว

มันเกิดมันดับของมันอยู่อย่างนั้น

เราก็สงบ...

   ...............

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าบันทึกนี้

20 มกราคม 2557

พ.แจ่มจำรัส

  

หมายเลขบันทึก: 559706เขียนเมื่อ 20 มกราคม 2014 22:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2014 21:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

จะทำอะไรก็ตาม เราก็ภาวนาได้ตลอดนะคะ

แต่ก็มักจะหลุดบ่อยๆ

ขอบคุณครับอาจารย์

ภาวนาแล้วรู้ว่าหลุด นั่นก็หมายถึงรู้ตัวนะครับ

ท่านเทพบดี...สวด. อิติปิโส เขาว่าท่านเป็นร่างทรง..เราเลยไม่พบทางออก..ด้วยความงงงวย เหมือนถูกสาปจากความเป็น เทพ..พ้นคำสาป. ด้วย. เราไปใช้. สิทธิในการเลือกตั้งที่เป็นสิทธิชอบธรรมในระบบประชาธิปไตย we vote

ขอบคุณครับ ยายธี

จะไปใช้สิทธิ์ครับ

อย่างน้อยก็อยากจะอยู่ในประวัติศาสตรืแห่งการใช้สิทธิ์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท