ปัญหาเฉพาะของการเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก (The Particular Puzzles Being a Small Museum)


ปัญหาที่มักพบในพิพิธภัณฑ์

ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์มีคน 13 คนยืนรอด้านนอกของพิพิธภัณฑ์บ้านพ่อค้า (Merchant’s House Museum) ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเลขที่ 4 ด้านตะวันออกของแมนฮัตตัน ทุกคนจ่ายเงินคนละ 15 เหรียญสำหรับค่าไกด์ทัวร์รอบๆ ย่านโนโฮ (NoHo) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นย่านที่หรูหราทันสมัยของเมืองโดยไกด์ผู้เชี่ยวชาญของพิพิธภัณฑ์

การจัดเดินทัวร์ย่านรอบพิพิธภัณฑ์เป็นเพียงแค่วิธีการหนึ่งที่ไพน์ การ์ดิเนอร์ (Pi Gardiner) ผู้อำนวยการของพิพิธภัณฑ์บ้านพ่อค้าพยายามที่ระดมทุนและสร้างกลุ่มผู้ชมให้กับพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บนทาวน์เฮาส์อันสง่างามที่เป็นของครอบครัวซีบูรี่ เทรดเวล (Seabury Tredwell)มานานถึงสามชั่วอายุคนจนถึงปี ค.ศ. 1933

 ความพยายามของการ์ดิเนอร์สะท้อนให้เห็นเราถึงภาวะความกดดันที่พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กต้องคงรักษาจำนวนผู้ชมไว้ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอและถดถอย จากความพยายามโปรโมทการเดินเที่ยวชมเมืองผ่านทวิตเตอร์ พิพิธภัณฑ์กำลังมองหาการสนับสนุนจากสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญให้คำนิยามในปัจจุบันว่า “museuming” หรือการใช้เวลากับการแสวงหาศึกษาความรู้ไม่ว่าจะด้วยตนเองหรือผ่านการออนไลน์พิพิธภัณฑ์รับจัดงานคอนเสิรต์ประจำปีเป็นแนวเพลงรักโรแมนติคแห่งยุคศตวรรษที่ 19 ในวันวาเลนไทน์ และยังออกร้านในงานเทศกาลหอยนางลมเมืองนิวยอร์กเป็นประจำทุกปี จนกระทั่งมีการสั่งห้ามขายแอลกอฮอล์ภายในงานเมื่อหลายปีก่อน “คุณทานหอยนางลมกับนมไม่ได้หรอก” ซึ่งการ์ดิเนอร์ได้กล่าวอย่างชัดเจนในขณะที่ให้สัมภาษณ์ที่พิพิธภัณฑ์

แต่ความท้าทายมีมากมายเหลือเกิน ไมเคิล ดิเปาโล (Michael DiPaolo) ประธานสมาคมพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่มีสมาชิกถึง 500 คน และเป็นผู้อำนวยการของสมาคมประวัติศาสตร์ลิววิสในเดลาแวร์ กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “บางพิพิธภัณฑ์ดำเนินการโดยเทศบาลหรือรัฐ บ้างก็อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่ากำหนดของรัฐบาลที่มักถูกตัดค่าใช้จ่ายเป็นอันดับแรก เมื่อเทียบกับการจัดเก็บขยะหรือสิ่งสาธารณูปโภคทั่วไปแล้ว พิพิธภัณฑ์ไม่ใช่สิ่งจำเป็น” 

เช่นเดียวกับงบประมาณสำหรับการจัดทัศนศึกษาของเด็กนักเรียนที่ถูกตัดทอน มีผู้บริจาคเงินกำลังเข้ามาให้ความช่วยเหลือ กลุ่มสำคัญเป็นพวกร้านค้าปลีกรายใหญ่ที่สนับสนุนให้ครูยื่นความประสงค์ขอรับเงินทุนช่วยเหลือเรื่องการทัศนศึกษา

เช่นเดียวกับงบประมาณสำหรับการจัดทัศนศึกษาของเด็กนักเรียนที่ถูกตัดทอน มีผู้บริจาคเงินกำลังเข้ามาให้ความช่วยเหลือ กลุ่มสำคัญเป็นพวกร้านค้าปลีกรายใหญ่ที่สนับสนุนให้ครูยื่นความประสงค์ขอรับเงินทุนช่วยเหลือเรื่องการทัศนศึกษา

พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่อยู่ในย่านการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าแห่งอื่นๆ การเติบโตของธุรกิจการท่องเที่ยวในนิวยอร์ก โดยเฉพาะที่เมโทโพลิเทน มิวเซียม ออฟ อาร์ต (Metropolitan Museum of Art) มีตัวเลขจำนวนผู้ชมเพิ่มสูงขึ้นไปถึง 6.28 ล้านในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ปี 2012 จากยอดเดิม 5.7 ล้านในปีก่อนหน้า ช่วยทำให้ยอดจำนวนผู้ชมพิพิธภัณฑ์บ้านพ่อค้าเพิ่มขึ้นไปด้วย

แต่พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กหลายๆ แห่งไม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวทั่วไปได้มากมายเพื่อขยับจำนวนตัวเลขผู้เข้าชม ตัวอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์แบรนดีไวน์ ริเวอร์ (Brandywine River Museum) ในชัดด์ ฟอร์ด ปา (Chadds Ford, Pa) ซึ่งเป็นทั้งบ้านและที่ทำงานของตระกูลไวเอ็ท (Wyeth) ผู้อำนวยการคนใหม่ ทอม ปาดอน (Tom Padon) ต้องการขยายโปรแกรมสำหรับประชาชนเพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าประจำทั้งปี ซึ่งมียอดผู้เข้าชมอย่างต่อเนื่องที่จำนวน 120,000 คนในปีที่ผ่านมา

ในการดึงดูดกลุ่มผู้เข้าชมที่อายุน้อย เขากำลังวางแผนมากมาย หนึ่งในนั้นคือมอบหมายให้ศิลปินมาติดตั้งงานศิลปะเฉพาะชิ้นเด่นๆ ขึ้นรอบตัวพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 120 เอเคอร์และเป็นสตูดิโอของเอ็น ซี ไวเอ็ท และแอนดรูว์ ไวเอ็ท (N. C. Wyeth and Andrew Wyeth)

เขากล่าวว่า “การที่ศิลปินมาที่นี่และทำงานสร้างสรรค์ผลงานนั้นช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับพิพิธภัณฑ์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว” และนายปาดอนยังได้วาดฝันถึงเครือข่ายของเส้นทางเดินที่มีภูมิทัศน์เป็นจุดขาย “ศิลปินร่วมสมัยที่ทำงานตอบสนองกับภูมิทัศน์ ช่วยขยายเอกลักษณ์ของที่นี่ให้โดดเด่นขึ้น”

สภาพข้อจำกัดทางกายภาพเป็นอีกเงื่อนไขที่ท้าทายให้พิพิธภัณฑ์ต้องนำสิ่งของออกไปจัดแสดงนอกสถานที่เพื่อให้ผู้ชมได้เข้าถึงมากยิ่งขึ้น ศูนย์ศิลปะสตอร์มคิง(Storm King Art Center) สวนประติมากรรมขนาด 500 เอเคอร์ในย่าน   ฮัดสัน ซึ่งค่อนข้างเข้าถึงยากจากแมนฮัตตัน เมื่อปีที่แล้วได้จัดงานนิทรรศการนอกพื้นที่ขึ้นชื่อว่า “Mark di Suvero at Governors Island: Presented by Storm King Art Center.” ซึ่งเกาะนี้ใช้เวลานั่งเรือข้ามฟากไปจากฝั่งแมนฮัตตันเพียงแค่ 5 นาที

จอห์น พี สเติร์น (John P. Stern) เป็นนายกสวนประติมากรรมตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 ได้กล่าวว่า “มันช่วยให้มีคนรู้จักสตอร์มคิงมากขึ้น” การเดินทางมาจากแมฮัตตันทำได้ง่ายกว่า และทำให้มีบริการรถประจำทางจากตัวเมืองวิ่งผ่านสวนเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่า ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 จำนวนยอดผู้เข้าชมเพิ่มมากขึ้นเกือบเป็นสองเท่าจากจำนวน 80,000 คนเมื่อปีที่แล้ว

 

พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กมักมุ่งความสนใจไปที่จะเก็บเงินค่าเข้าชมเท่าไหร่ ด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นและงบประมาณที่จำกัด การปรับขึ้นราคาค่าเข้าชมจึงเป็นไปตามเกณฑ์ปกติ แต่พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งพิพิธภัณฑ์ในสถานศึกษามิได้ทำตามเกณฑ์นี้ อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์ไมเคิล ซี คาร์ลอส อยู่ที่ในมหาวิทยาลัยอีโมรี (Michael C. Carlos Museum, Emory University) ในแอตแลนต้า ฟรีค่าเข้าชมสำหรับเด็กนักเรียนและอาจารย์ ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันกับพิพิธภัณฑ์ในสถานศึกษาอีกหลายแห่ง หากไม่ใช่นักเรียนผู้เข้าชมต้องจ่ายเงิน 8 เหรียญ แม้กระนั้นเอลิซาเบท เฮอร์เนอร์ (Elizabeth Hornor) ผู้อำนวยการของพิพิธภัณฑ์แห่งการศึกษากล่าวว่าเธออยากให้ทุกคนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้ฟรี

บางพิพิธภัณฑ์ให้ความสนใจกับค่าสมัครสมาชิกมากกว่าราคาค่าเข้าชม สมาคมประวัติศาสตร์ ลิววิสในเดลาแวร์คิดค่าตั๋วราคา 35 เหรียญต่อครอบครัวสำหรับสมาชิกในการเที่ยวชมกลุ่มโบราณสถานทั้ง 12 แห่ง และทำมาอย่างต่อเนื่องนาน 8 - 10 ปี ดิเปาโลกล่าวว่า “ในทางหนึ่งการขายบัตรสมาชิกค่อนข้างทำได้ง่ายกว่าการขอรับบริจาค เพราะมันจับต้องได้มากกว่า”

สุดท้าย ผู้อำนวยการหลายพิพิธภัณฑ์ต่างเห็นพ้องกันว่าการผูกรักษาผู้ชมขาประจำในพื้นที่นั้นสำคัญมากเป็นอันดับหนึ่งสำหรับพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กในสภาวะที่เศรษฐกิจฝืดเคือง มาร์ค เวลไฮเมอร์ (Mark Welhimer) นักออกแบบนิทรรศการและวางแผนพิพิธภัณฑ์กล่าวไว้ว่า“เป้าหมายของคุณคือต้องดึงดูดผู้ชมหลัก ซึ่งผู้ชมคนแรกที่คุณควรจะคุยด้วยคือผู้ชมที่เป็นแฟนประจำ” 

อ้างอิง  บทความนี้แปลและเรียบเรียงจาก

Geradine Fabrikant. (2013, March 20). Arts, The Particular Puzzles Being a Small Museum. New York Times. Retrieved April 2,2013, http://www.nytimes.com/

หมายเลขบันทึก: 559660เขียนเมื่อ 20 มกราคม 2014 13:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มกราคม 2014 13:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท