เขียนบันทึกนี้ เพื่อสารภาพว่า..ปีนี้ เป็นครั้งแรกของชีวิตที่ไม่ได้ไปร่วมงานวันครู มีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่เหมือนใคร ขอระบายเป็นบันทึกที่ไม่เห็นด้วยเลย ที่เขตพื้นที่การศึกษามีความปรารถนาเหลือเกินที่จะจัดงานวันครูที่เขต ณ โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง ที่รองรับผู้คนได้ไม่มาก แล้วเขตเองก็จัดติดต่อกันมา ๓ ปีแล้วด้วย
ทำไมไม่สนับสนุนนายกสมาคมครูแต่ละอำเภอ..ประธานกลุ่มโรงเรียนแต่ละอำเภอ..เป็นคณะผู้นำทำงานเพื่อวันของครู ทำไมต้องเดินทางไกลไปกลับเกือบ ๑๕๐ กม. จากนั้นช่วงบ่าย ก็คั่นด้วยเสวนาวิชาการ ที่ไม่เคยถามครูเลยว่าครูอยากฟังไหม เพื่อถ่วงเวลาให้ครูอยู่สังสรรค์ในยามค่ำคืน
และค่ำคืนที่หนาวเหน็บ..กับงานเลี้ยงรื่นเริง ดื่ม กิน ร้องเล่น เต้นรำ และลงท้ายด้วยอาการมึนเมา จากนั้นก็ต้องเดินทางไกลเสี่ยงภัยเพื่อกลับบ้านไปสู่ครอบครัวที่รอครูผู้เป็นทั้งพ่อและแม่..ใช่หรือไม่
ผมไม่ได้ปฏิเสธการดื่มกิน แต่ผมอยากเห็นวิธีคิดของผู้บริหารระดับสูง ที่มองย้อนอดีตแล้วนำคุณค่าในอดีตมาเป็นบทเรียนที่ดีงาม สมัยที่เรามีสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอ..งานวันครู..สนุก เป็นกันเองและอบอุ่นมาก ตอนหลังมานี้แทบหาไม่พบ
ถ้าสนับสนุนให้ผู้บริหารและคณะครูร่วมกันที่อำเภอ..โดยไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงเขต ถามว่าดีอย่างไร แน่นอนครับ..ประหยัดแรง ประหยัดค่าใช้จ่ายและไม่ต้องเสี่ยงภัยกับการเดินทาง ช่วงบ่าย ครูก็ได้เล่นกีฬาเชื่อมความสามัคคี..สิ่งนี้ไม่มีที่เขตพื้นที่ เพราะเขตพื้นที่ไม่รู้จักครูดีพอและไม่มีบุคลากรพอที่จะทำสันทนาการแบบนี้
พิธีการช่วงเช้าและงานเลี้ยงภาคกลางคืน..ถ้าจัดที่เขตพื้นที่ เขตจะเชิญ(ว่าที่)นักการเมืองและผู้นำชุมชนใกล้ๆเขตที่ครูห่างไกลไม่รู้จัก แต่ถ้าจัดที่อำเภอ บรรยากาศการแนะนำครูใหม่ ให้น้องรู้จักพี่ จะเป็นที่ประทับใจนัก เชิญคนดีที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน/ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาร่วมงาน แนะนำนายอำเภอและหัวหน้าส่วนราชการ เชิญบุคคลที่มีคุณูปการต่อการศึกษามาร่วมพบปะให้ครูใหม่ได้รู้จักเพื่อมิตรไมตรีและขอบคุณ เช่น กำนัน กศน. โรงพยาบาล ตำรวจ ฯลฯ และควรเชิญ ตัวแทนอบต.และเทศบาลมาร่วมงานด้วย เพราะเราได้รับเงินอุดหนุนอาหารกลางวัน อาหารเสริม(นม) และทุกปีเขาก็สนับสนุนกิจการกีฬา ลูกเสือ และค่ายวิชาการต่างๆอยู่เสมอ....นี่คือ..รากฐานการศึกษาที่สำคัญ เป็นวัฒนธรรมพื้นฐานของครูที่ควรช่วยกันสืบทอด ให้ยั่งยืนไว้ในท้องถิ่น เป็นความกตัญญูรู้คุณต่อบุคคลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่้อการศึกษา ถ้าคิดว่าจะบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน..เราไม่อาจละทิ้งชุมชน แต่เขตพื้นที่เองกลับคิดไม่ถึง และมองข้ามแก่นแท้ของการศึกษาส่วนนี้ไป
การทำตามประชามติที่นิยมกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว ก็ควรปรับเปลี่ยนบ้าง ปากก็อ้างว่ารู้และเข้าใจ เชิดชู "ความพอเพียง"เสียเหลือเกิน แต่การศึกษานี่แหละเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำงานแบบไม้หลักปักเลน จับแก่นสารอะไรได้ยาก แม้แต่อาชีพครูเอง ก็ยังมองไม่เห็นสาระสำคัญหลังเสร็จสิ้นการบูชาครู นอกจากตัวใครตัวมัน รอเวลาสังสรรค์ หรือคิดกิจกรรมคลายเครียดแบบเด็กๆ ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังวิกฤติ บ้านเมืองร้อนระอุ ครูคิดอะไรกัน..แล้วเราก็อ้างว่าเป็นวันของเรา ที่เน้นศักดิ์ศรีเป็นสำคัญ ต้องทำทุกอย่างให้เมามันเหมือนงานปีใหม่โรงงาน ทำอะไรให้แปลกและหลุดโลกเพื่อให้เป็นข่าว และเช้าขึ้นมามีครูกี่พันคน ที่เมาค้างจนไปสอนหนังสือไม่ได้...น่าคิดนะครับ..ครูไทย
ผมให้ความสำคัญกับพิธีการบูชาครู เห็นความสำคัญมาตลอดและอยากเห็นครูใกล้ชิดชุมชนบ้านเกิด แต่ช่างเถอะ...ผมจะไม่คิดอะไรอีกแล้ว จิตใจสงบและเย็นลงได้เมื่อเดินทางไปเยี่ยมชมและนมัสการหอประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดเทวสังฆาราม พระอารามหลวง(วัดเหนือ) ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
เชิญชวนท่านผู้อ่านทุกท่าน มีโอกาสไปเมืองกาญจน์ แวะไปนมัสการเพื่อความเป็นสิริมงคล ได้ทั้งความรู้และความสงบร่มเย็นทั้งกายและใจ ได้พบปฎิปทาหลายอย่างที่ช่วยให้เกิด ขันติ อดทน กาย ใจเพื่อปัญญา มุ่งศึกษาสำเร็จสวัสดี วางเรื่องเคืองขุ่นสบายเป็นศรี สติมีปัญญาเกิดประเสริฐสันติ์..อันเป็นถ้อยคำเรียงร้อยที่ผนังภายในหอประวัติ
นานแล้วที่ผมไม่เคยรู้สึกอะไรเช่นนี้..เบาสบาย เป็นสุขและใจเย็นลงได้...
"ใครจะทำอย่างไรบ้างก็ช่างเขา เราทำใจของเราให้ผ่องใส
ทำดีจริงไว้เถิดหนอท้อทำไม แก่เฒ่าดีนั้นไซร้ค่าลายคราม"
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๗ มกราคม ๒๕๕๗
เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ เพราะปีนี้เป็นปีแรกที่ไม่ได้ไปร่วมงานในวันครู เพราะมีอะไรหลายๆอย่าง
ไม่ถูกต้องและเป็นอะไรที่ไม่ประทับใจหลายประการ อาจจะเอ่ยไม่ได้ แต่ก็ได้มีโอกาสโทรหาคุณครู
สมัยเรียนระดับอาชีวะ และมหาลัยก็คิดว่าเพียงพอ และทำให้รู้สึกดีกว่าความจริงใจที่จอมปลอมของผู้ใหญ่
บางคน...
ที่จังหวัดของคุณมะเดื่อ จะจัดงานวันครู แบบ อำเภอใครอำเภอมัน สถานที่ส่วนใหญ่ใช้หอประชุมของ
รร.มัธยมประจำอำเภอ ไม่ต้องเดินทางไปที่ สพป. บังเอิญ ที่ คุณมะเดื่ออยู่ อ.เมือง ฯ เป็นที่ตั้งของ สพป. เขต 1 เขตจึงรับหน้าที่จัดงานโดยใช้ หอประชุม รร.ประจวบวิทยาลัย ไม่ใช่ที่ สพป. โดยตรง บ่ายก็เป็นการแข่งกีฬาของครูแต่ละกลุ่ม รร. เย็น - ค่ำ ก็เป็นการกินเลี้ยงสังสรร แต่คุณมะเดื่อไม่ได้อยู่ในภาค
บ่าย และภาคค่ำ เสร็จพิธีไหว้ครู ก็กลับจ้ะ
จ. ประจวบ ฯ มีพื้นที่ยาวมาก ขืนทุกอำเภอ ไปรวมที่เขต มีหวัง มี ชัตดาวน์ สพป. แน่ ๆ อิ อิ
ิ้อ้อ..! ลืมไป ภาพนี้ดูดียิ่งนะ
มาชมคุณครูผู้ให้ที่แท้จริงค่ะ
... คุณครู .... ผู้เป็นทั้ง... ผู้บริหาร ... ผู้ให้ ...โดยไม่หวังผลลัพธ์นะคะ ... ขอบคุณค่ะ
เมื่อสมัยรับราชการครั้งแรกอยู่ในอำเภอที่กันดารสุดของชลบุรี
แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นมาตลอดคืองานวันครู
มีบรรยากาศเหมือนที่คุณชยันต์เล่าไว้
อบอุ่นมาก ดีใจแทนครูที่มีวันของตัวเอง
และชาวบ้านก็จัดงานให้ครูทุกปีค่ะ
...มีเหตุผลมากมายที่ไม่ตรงใจคนมากมายนะคะ...เหตุผลของเราก็อาจไม่ตรงใจคนอื่นๆเช่นกัน...ให้ดอกไม้เป็นกำลังใจนะคะท่านผอ.ชยันต์...
สวัสดีครับคุณครู ขอบคุณมากครับผม
ดิฉันเข้าเวรที่ ร.ร. จึงถือโอกาสปลูกผักกับเด็กๆ มีความสุขมากค่ะ ผอ.
ใช่เลยค่ะ...