ปรัชญาการศึกษาลัทธินิรันตรวาท (Perennialism)
ปรัชญาการศึกษาลัทธินิรันตรวาท ถือว่าเป็นสำนักปรัชญาการศึกษาที่มีแนวคิดในเรื่องของการยอมรับว่าเรื่องราว สิ่งที่มาจากอดีต มีความสัมพันธ์กันระหว่างศาสนา หมายความว่าสิ่งใดที่ศาสนายอมรับว่าดี ผู้รับการศึกษาก็ต้องรับเอาสิ่งเหล่านั้นไปปฏิบัติก็จะเกิดผลดี ทั้งแก่ตนเองและสังคม ซึ่งแนวคิดของลัทธินี้ได้รับอิทธิพลทางศาสนาในยุคหลังที่ถือว่ารุ่งเรืองมาก แต่ก่อนหน้านั้นก็รับเอาแนวคิดของเพลโตและอริสโตเติลมาใช้ ซึ่งเมื่อเอามาผสมผสานกับแนวคิดทางคริสต์ศาสนา ก็ก่อให้เกิดการนำปรัชญามาเป็นเครื่องมือแก่ศาสนา หรือที่เรียกว่า เป็นสาวใช้ของศาสนา
ประวัติความเป็นมาของลัทธินิรันตรวาท
จากการศึกษาประวัติความเป็นมาของลัทธินิรันตรวาท เราจะพบว่า มีแนวคิดมาจากรากฐานแนวคิดของปรัชญาของเพลโต ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นปรัชญาของ ฝ่ายวัตถุนิยมแบบคลาสสิค อันมี อาริสโตเติลและเซนต์โทมัส อะไควนัส เป็นหลัก ซึ่งเป็นฝ่ายคริสต์ศาสนาและผู้ให้กำเนิดฝ่ายโทมัสนิยมใหม่ และมีส่วนสำคัญโดยตรงต่อแนวคิดของนักการศึกษา และนักปรัชญา ที่เป็นผู้นำของฝ่ายนี้ ซึ่งมีอยู่จำนวนมากด้วยกัน ที่มีชื่อเสียงก็ เช่น Robert M. Hutchin, Mortimer J. Adler ซึ่งเป็นผู้นำทางการศึกษาของสหรัฐอเมริกา และ Sir Richard Livingstone นักปรัชญาชาวอังกฤษ เป็นต้น
สำหรับลัทธินิรันตรวาทเป็นปรัชญาสาขาที่เชื่อว่าวิชาการ มีความสำคัญแต่ไม่ใช่เนื้อแท้ของการศึกษา เนื้อหาเป็นเพียงพาหนะที่จะนำผู้เรียนไปสู่สิ่งที่เหนือกว่าซึ่งฝ่ายนิยมลัทธินิรันตรวาท เห็นว่า ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ก็ดี ความสับสนวุ่นวายในสังคมปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมอุตสาหกรรมก็ดี เป็นเหตุให้สิ่งดีงามทางอารยธรรมและทางวัฒนธรรมทั้งหลายเสื่อมทรามลงไป ขณะเดียวกันก็มองเห็นว่า แนวทางดำเนินชีวิตงามตามแบบอย่างของอารยธรรมในสมัยกลางว่าเป็นแบบอย่างที่ดีงามไม่เสื่อมสลาย และสามารถจะนำความรุ่งเรืองมาสู่มวลมนุษย์ในสมัยใหม่ ได้ดีกว่า
ดังนั้น นักการศึกษาลัทธินี้ จึงมีแนวความคิดที่จะกลับไปยึดถือความเชื่อเกี่ยวกับสัจธรรม ความรู้ ค่านิยม และวัฒนธรรมตามแบบของสมัยกลาง ที่ประสบผลสำเร็จในการเผยแพร่คำสอนได้อย่างดี
คำว่า Perennial แปลตามศัพท์ว่า “คงอยู่ชั่วนิรันดร” หรือ Everlastiog คำว่า Perennialism จึงมีความหมายตรงตามแนวความเชื่อของฝ่ายนี้ กล่าวคือ เชื่อในแบบอย่างที่ดีงามอันเป็นนิรันดร โดยฝ่ายนิรันตรวาทเห็นว่า ควรจะฟื้นฟูสิ่งที่ดีงามอันเป็นอมตะทั้งหลายของสมัยกลางมาใช้ในยุคนี้
ดังนั้น เราจึงอาจกล่าวได้ว่าแนวคิดเช่นนี้จึงมีลักษณะถอยหลังกลับไปสู่อดีต เพื่อนำเอาแบบอย่างของอดีตมาใช้ในสังคมปัจจุบัน ซึ่ง Brameld ให้ทรรศนะไว้ว่า ปรัชญาลัทธินิรันตรวาท เปรียบเสมือนมรรคาที่ย้อนกลับไปสู่วัฒนธรรมอันดีงามในอดีต
จากการศึกษามาทั้งหมดจึงสรุปได้ว่า ปรัชญาการศึกษาลัทธินิรันตรวาทเป็นแนวคิดที่เชื่อว่า สิ่งที่ผ่านการยอมรับที่มาจากอดีตว่าสิ่งเหล่านั้น เป็นสิ่งที่มีคุณค่าเพียงพอ เหมาะสม กับสังคม หรือแก่ชีวิต ที่จะดำรงอยู่แล้ว คนในยุคหลังมีหน้าที่เพียงอย่างเดียว คือ รับเอาไปแล้วปฏิบัติตามนั้น ซึ่งแนวคิดส่วนหนึ่งของลัทธินิรันตรวาทยอมรับก็คือ การเชื่อว่าเหตุผล หรือสติปัญญาของมนุษย์ไม่สามารถมีความสมบูรณ์เพียงพอกับการเข้าถึงความจริงได้ หากยังไม่ได้ดำเนินชีวิตของตนไปในหนทางแห่งพระเจ้า ซึ่งหนทางการดำเนินชีวิตอย่างนี้เท่านั้น จะสามารถนำพาเอาผู้เรียนไปสู่หนทางที่ดีงามแห่งชีวิต ได้เพียงอย่างเดียว
ด้วยเมตตาธรรมค้ำจุนโลกา
อดีต..เป็นที่แน่นอนนั้นเปลี่ยนแปลงมิได้ เพียงแต่เราต้องเลือกพฤติกรรมนั้นๆให้ถูกต้อง เหมาะสม ดีงาม..แล้วนำใช้ให้มีประโยชน์... ความงาม...ความจริง..อันเป็นคุณสมบัติของนิรันตรวาท.ได้มอบให้กับศาสนาไปเมื่อ ฟรังซิล เบคอนได้รับมอบจาก Plato นานแล้วจนถึงยุคปลายแห่งปรัชญาเริ่มเสื่อม..ส่วน Perennial แปลตามศัพท์ว่า “คงอยู่ชั่วนิรันดร”เป็นความชาญฉลาดของฟรังซิล เบคอนได้ มิให้กระบวนการปรัชญาประเภท จิตนิยมนี้สูญหาย เลยได้มอบให้กับศาสนาไปในลักษณะผู้รับใช้...โดยรู้ว่าศาสนามีแกนนำอย่างมีตัวตนนั่นคือเหตและผลต่อการยืนยันและอ้างอิง..แต่ปรัชญาหาเป็นเช่นนั้นไม่...เป็นเพียงแค่วิชาการ..แนวคิด..ที่จะเข้าหาสิ่งนั้นๆหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ากระบวนการค้นหาให้ได้ความจริงดังเช่นโต๊ะย่อมมี 4 ขา..เป็นศาสนา..2ขาของ 1 พันธุ์ไม้..เป็นปรัชญา..2ขาของอีก 1 พันธุ์ไม้..โต๊ะนั้นย่อมวางสิ่งของใช้งานได้..วิชาและกระบวนการอื่นก็เช่นกัน...เข้าใจอย่างนี้...ถูกใหมครับพระอาจารย์..ช่วยสั่งสอนด้วย..
แล้วผู้ที่มอบพรให้พระพุทธเจ้าสำเร็จนั้น อยู่ที่ใด จงกตัญญูไปพลางๆก่อนเถิด อย่าเร่งรีบเนรคุณ ปิดกั้น
เพราะวันนั้น พระพุทธเจ้าไม่มีรูปปั้นพระพุทธรูป อิฐหินปูนทรายใดใดมาตั้งตรงหน้าตอนขอพรนี่นา แล้วท่านได้พรมาจากไหน
จงมีขันติธรรม รอพบ อย่าเร่งรีบมีจริตที่เนรคุณ เพราะเราท่าน เสพของอัลลอฮ์ เข้าไปแล้วจริงๆ