"๒๐เรื่อง..ที่คนเมืองเมา" (๒)


              

                           ภาพจากhttp://socanth.tu.ac.th/blogs/vichai-korea-2555

              ๑๑) "วาทกรรมนิยม" หมายถึง การสื่อสาร การใช้ภาษา การพูด การเขียน การเสนอความคิดเห็น อันเป็นไปเพื่อการบ่งชี้กิจกรรมใด กิจกรรมหนึ่งให้โดดเด่น ซึ่งอาจมีมูลหรือไม่มีมูลก็ได้ เมื่อใช้ภาษาสื่อออกมา ย่อมมีแนวโน้มให้เชื่อ ให้เห็นว่าจริงได้ เช่น การสื่อสารในสื่อต่างๆ ในรูปแบบวิชาการ บทความ หนังสือ การบรรยาย การแถลง ฯ เหล่านี้คือ กิจกรรมทางภาษา ที่แอบแฝง ซ่อนเร้นนัยไว้ จนเราไม่อาจรู้ได้ว่า อันไหนจริง อันไหนเท็จ จนคนในเมืองหลงข้อมูล กลายเป็น "เมาข้อมูล"

              ๑๒) "เสรีนิยม" หมายถึง การแสดงออกที่ไม่มีอะไรขัดขวาง ที่อ้างมาจากสิทธิทางธรรมชาติ และรัฐธรรมนูญที่รับรองความเป็นเสรีภาพของตน การจะไปมาไหน ทำอะไรก็เรียกร้องความเป็นอิสระจนเกินขอบเขตได้ สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เมื่อไม่พอใจ ไม่ชอบใจก็ประท้วงหรือเรียกร้อง จนเหมือนใช้เสรีภาพฟุ่มเฟือย จนกลายเป็น "เมาเสรี"

              ๑๓) "ปัจเจกบุคคลนิยม" หมายถึง  การแสดงความเป็นตัวตน ความเป็นส่วนตัวออกมา ยิ่งปัจจุบันยิ่งเห็นชัดเจน สื่อความเป็นตัวตนออกมาสู่สาธารณะผ่านโชเชี่ยลมิเดีย เฟสบุ๊ก ไลน์ ไอจี ฯ การสะท้อนตัวกู ของกู ออกมานี้ เป็นการแสดงภาวะองค์ย่อยของสังคมให้คนอื่นได้รู้ ได้เห็น เหมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ต่างก็ยืดตัวเองให้โผล่พ้นน้ำ ให้ตนเองได้รับโอกาส ได้รับแสง จนเห็นเด่นชัด เมื่อแต่ละคนเสนอตัวเองเช่นนี้ จึงกลายเป็นการแข่งขันกันให้ตนโดดเด่น กลายเป็น "เมาตน"

              ๑๔) "สื่อนิยม" หมายถึง การรับรู้ ข่าวสารข้อมูล ในแต่ละวัน แต่ละเหตุการณ์ ที่ทำให้ตนเองเป็นคนทันข่าว ทันโลกเสมอ สื่อมีเดี่ย สื่อหนังสือ สื่ออินเตอร์เน็ต มือถือ ฯ ล้วนแต่เป็นช่องทางในการหาเสพข่าว เสพสื่อทั้งสิ้น แม้แต่สื่อบุคคล เหล่านี้ล้วนช่องทางในการเข้าถึงเนื้อหาข่าวสาร คนเมืองคงไม่มีพื้นที่พอที่จะตามกิจกรรมสังคมได้หมด สื่อจึงเป็นทางออกที่เหมาะสม เขาจึงติดในสื่อพวกนี้ บางกลุ่มเสพสื่อแบบเชิงเดี่ยว จึงกลายเป็นลักษณะ "เมาสื่อ" ไป

             ๑๕) "บันเทิงนิยม" หมายถึง คนในเมืองถูกกิจกรรมในชีวิตคือ การงานบีบคั้นให้ดำเนินชีวิตแค่ในบ้าน การเดินทาง การทำงาน เช่นนี้อยู่ประจำ ความซ้ำซาก จำเจ จึงเกิดขึ้นได้ จิตใจก็พลอยเครียดไปด้วย ทางออกที่ดีคือ ใช้สื่อบันเทิงเริงใจ ปลอบโยน มิให้ตนเองตึงเครียด เมื่อเสพสุขจากละคร สื่อไลน์ เกม ตลก นักร้อง ฯ ก็ทำให้พวกเขาผ่อนคลายลงบ้าง พอนานเข้ากลับกลายเป็นติดสื่อบันเทิงเหล่านี้ไป จนกลายเป็น "เมาบันเทิง" ไป 

             ๑๖) "กีฬานิยม" หมายถึง การแสดงออกของคนเมืองมีนัยสะท้อนความจริงอย่างหนึ่งคือ การแข่งขัน ต่อสู้กัน ในการดำเนินชีวิต ที่เต็มไปด้วยกลยุทธ์ ความเห็นแก่ตัว การหวังสิ่งตอบแทน กิจกรรมที่หนึ่งได้คุณสามชั้นคือ การแข่งขันกีฬา เพราะได้คุณต่อร่างกาย ชื่อเสียง ทรัพย์สินเงินทอง จึงทำให้คนเมืองมีกิจกรรมการกีฬาจนกลายเป็นกิจกรรมในเชิงธุรกิจไป เช่น ในกีฬาฟุตบอล กอล์ฟ มวย ฯ ซึ่งทำให้คนดูหลงใหล คลั่งไคล้นักกีฬาของตน จนกลายเป็น "เมากีฬา" จนนำไปสู่การพนันตามมา

             ๑๗) "เทศนิยม" หมายถึง ค่านิยมของคนเมือง เป็นตัวกำหนดในเกิดพฤติกรรมเลียนแบบให้กับชนบทได้ พฤติกรรมของคนเมืองจึงเป็นผู้นำร่อง ต้นแบบของชุมชนคนนอกเมือง เนื่องจากว่า ได้รับโอกาส มีตัวอย่างให้เห็นมาก จึงต้องหนีความซ้ำซาก จำเจ การแสวงหาสิ่งใหม่คือ หัวใจของคนเมือง เมื่อรูปแบบใด รูปแบบหนึ่งเก่าไป พวกเขาก็แสวงหาจากที่อื่นๆ เสมอ เช่น ต่างประเทศ ต่างถิ่น เข้ามา จนกลายเป็นค่านิยมของนอกไม่ว่า ภาษา วัฒนธรรม การอยู่ การกิน การแต่งตัว การร้องเพลง ความรู้ ไลฟ์สไตล์ ของตน จนกลายเป็น "เมาเทศ" ในที่สุด

             ๑๘) "เปลือยนิยม" หมายถึง รูปแบบสังคมคนเมือง กำลังดำเนินไปในลัษณะตอบสนองส่วนลึกของตนเอง ตามสัญชาตญาณเดิม หรือใช้เสรีภาพตามความปรารถนา ความต้องการของตนเองเป็นหลัก เมื่อเทียบกับสัตว์พฤติกรรมเก่าๆ ยังคงดำเนินไป เช่น การปกป้องตน การต่อสู้ การสืบพันธุ์ การสร้างรัง การหากิน การหลับนอน มีกิจกรรมหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์และสัตว์คือ เรื่อง การสืบพันธุ์ มนุษย์ สัตว์ มีพฤติกรรมล่อลวงหรือดึงดูดกันในระยะเริ่มต้น คือ การแต่งสวย การเย้ายั่ว การใช้เสน่ห์ โดยการเปลือยกาย โชว์สัดส่วน เต็มบ้าน เต็มเมือง นัยว่า เป็นศิลปะแห่งความงาม แต่มันฟุ่มเฟือยกันหรือไม่ จนทำให้สาวสังคมเมือง นุ่งสั้น แต่งโป๊ โชว์กายตนเอง นี่คือ "เมาเปลือย" หรือไม่ 

              ๑๙) "ธนนิยม" หมายถึง ในสังคมเมืองการดำรงชีวิตจะอยู่ได้ด้วยกระดาษจตุรัส ที่ถูกรับรองจากกฎหมาย ที่ต่างก็ไขว่คว้ามาครองให้ได้มากๆ ยิ่งเมืองที่เต็มไปด้วยตึก อาคาร บ้านเรือน พื้นที่ในการเพาะปลูกจึงขาดหายไป การที่จะปลูกพืชผักกินคงสิ้นหวัง เพราะมีสตังค์เข้ามาแทนที่ ธุรกรรม ธุรกิจ ธุรจิต กลายเป็นธนกรรม หารายได้ หาเงิน หาทอง เพื่อปากท้องตนเอง ในสังคมเมืองจึงอิงเงินตราเป็นรากฐานของกิจกรรมทั้งหมด ทำให้สังคมเมืองกลายเป็นแหล่งหาเงินจากกิจกรรม ของแต่ละคน การก้าวย่าง แต่ละก้าว เหมือนมีผลสองทางคือ ได้เงินกับเสียเงิน จึงกลายเป็นสังคม "เมาเงิน" ไป

              ๒๐) "เคหนิยม" หมายถึง คนในเมืองต้องมีที่อยู่ ที่นอน ที่หลบภัย การมาอยู่ในเมืองเป็นเรื่องของคนมีสตังค์ จึงจะพออยู่ได้อย่างเชิดหน้า ท้าทายสังคมได้ หากไม่มีก็จะถูกบีบคั้น หาเงิน หางานทำ เพื่อจะได้นำเงินไปผ่อนบ้าน ค่าเช่า ค่าซื้อ ค่าอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกให้ การได้ที่อยู่จึงเหมือนสวรรค์ เมื่อได้แล้วก็อยู่อย่างไม่แคร์ใคร ยิ่งบ้านจัดสรรค์ คอนโด คฤหาสน์ ฯ  นั่นเป็นแดนสวรรค์บนโลก แต่การอยู่แบบนั้นก็เรียกว่า "เมาบ้าน" เนื่องจากว่า โลกที่กว้างใหญ่ ผู้คนมากมี กลายเป็นสังคมคนเมือง แต่เหมือนอยู่แบบโดดเดี่ยว โดยมีสื่อเท่านั้นติดต่อกัน

            ดังนั้น ความเมา ความมึน ความลุ่มหลง คลั่งไคล้ เป็นเรื่องธรรมดาสามัญชน พฤติกรรมของผู้คนจำนวนมากที่กำลังเดินทางไปสู่เส้นทางนี้ เพราะเมื่อผู้คนเพิ่มขึ้น คงยากที่ใครจะหนักว่า เมาหรือหลงหรือคลั่ง เพราะมันคือ วิถีของมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตาม แก่นแท้ของคนเมือง คนชนบท คือ ความรู้สึกของจิต ที่สามารถยกตนขึ้นเหนือภาวะที่เป็น ที่อยู่ อย่างไม่ลุ่มหลงจนมืดมิด แต่ให้หลงเมา แบบรู่ว่าตนเมาอยู่อย่างมีมโนสำนึก

-----------------<>------------------

คำสำคัญ (Tags): #คน#เมือง#เมา
หมายเลขบันทึก: 558630เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2014 09:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม 2014 20:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

พฤติกรรมหลักๆของสัตว์โลก(รวมทั้งมนุษย์)ยังเหมือนเดิมอยู่

การพัฒนาก็เพื่อหาทางสดวกเข้าสู่ความต้องการเดิมๆนั่นเอง

ขอบคุณบันทึกดี ๆ ที่ให้ข้อคิดจ้ะ

..... ขอบคุณ บันทึกดีดีนี้ค่ะ .... เมาแล้ว..ไม่นาดูเลยนะคะ

สวัสดีค่ะ เข้ามาอ่านเพราะอยากรู้ ตอนแรกนึกว่า เป็นเรื่องสุรา อ่านแล้วก็ช่วยเรื่องการตระหนักรู้ดีนะคะ ชอบคำว่า เมาตน เอ.. มันจะคล้าย ๆ หลงตัวเองไหมค่ะ ^^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท