ไปนั่งเขียนเรื่องไร้สาระที่หาดสมิหลา


   หลังจากไปส่งหวานใจที่โรงพยาบาลเรียบร้อย ผมจึงขับรถไปคนเดียวมุ่งหน้าไปที่ทะเล ที่แรกที่ไปคือ ไปดูหาดทรายแก้ว คลื่นใหญ่มาก ลมแรง ตอนนี้หาดทรายแก้ว (อำเภอสิงหนคร) เหลือพื้นที่ไม่มาก จากเมื่อก่อนนั้นมีพื้นที่มากทีเดียว สิ่งก่อสร้างหักพังลง เพราะน้ำทะเลและลม ผมออกจากหาดทรายแก้ว มุ่งไปที่หาด...(จำไม่ได้) ทราบมาว่า หลังจากเมื่อปีที่พายุเข้า หาดทรายที่เคยสวยก็เปลี่ยนไป ต้นสนที่เคยแน่นหนา กลายเป็นบางตา ช่วงนี้คลื่นจัด คลื่นพัดพาเอาขยะมาไว้ริมฝั่ง ดังนั้น ทะเลอ่าวไทยตอนนี้ไม่น่ารื่นรม ตั้งใจว่าจะไปหาดม่วงงามต่อ แต่ไม่ดีกว่า จึงวกมาทางสิงหนคร ขึ้นเรือเทียบท่า ข้ามมาทางฝั่งเมืองสงขลา หาซื้อของกิน เช้าๆ แบบนี้คนน้อย เดินไปดูนางเงือก เห็นแม่ค้าขายของที่ระลึก คิดขึ้นมาว่า น่าจะทำของที่ระลึกซึ่งน่าดูน่าชมกว่านี้ นากเงือกน่าจะมีสีสันขึ้น เหมาะแก่การซื้อเป็นที่ระลึก ผมออกจากที่นั้นเวียนรถมาที่หาดสมิหลา ตอนนี้มีกระสอบทรายริมหาดกันน้ำเซาะ คลื่นจัดเช่นเคย จึงผูกเปล และเปิดคอมพิวเตอร์ตัวน้อยของหวานใจ นอนบนเปลและพิมพ์เรื่องไร้สาระที่ยังค้างในสมองต่อไปนี้

วันสมมติว่าปีใหม่

ชาวโลกกำหนดกันว่า ปีหนึ่งมี ๑๒ เดือน และสมมติว่าเดือนมกราคมเป็นเดือนแรกของปี ทั่วโลกสนุกสนานกันในวันย่างเข้านาทีแรกของเดือนใหม่และปีใหม่ อันที่จริง เดือนและปีเป็นสิ่งสมมติขึ้นมาเพื่อเป็นสัญญาร่วมกันเท่านั้น เราอาจสมมติให้วันที่ ๑ ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแรกและเดือนแรกของปีก็ได้ อย่างไรก็ตาม จึงดูเหมือนว่าเรากำลังอยู่กับสิ่งสมมติ

สิ่งสมมติรอบตัว

                บ้านนอกไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เหมือนเมื่อก่อน เพราะบ้านนอกสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ไม่แพ้ชุมชนเมือง เราจะเห็นเครื่องรับสัญญาณจากดาวเทียม อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน เด็กในเมืองมีไอโฟนราคาเป็นหมื่น เด็กบ้านนอกก็มีไอโฟนชนิดเดียวกัน โลกจึงถูกย่อลงในเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ขนาดย่อมภายในบ้านและชนิดพกพา เทคโนโลยีสมัยใหม่ถูกนำมาใช้กับการดำรงชีวิต ธุรกิจแบบสะดวกรวดเร็วได้รับการตอบรับอย่างทั่วถึง ปีใหม่ที่ไทยสมมติกันขึ้น สมัยก่อนคือการขอขมาลาโทษต่อบุคคลรอบข้าง โดยเฉพาะญาติผู้สูงอายุที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมของความเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมต่างให้ศีลให้พร มีการละเล่นร่วมกันระหว่างชุมชน อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีสังคมที่มองว่าสังคมต้องมีการเปลี่ยนแปลงนั้น เราคงปฏิเสธไม่ได้ สังคมแบบเก่าผ่านไป สังคมแบบใหม่เข้ามาแทนที่ และถูกทำให้กลายเป็นแบบเก่าในเวลาอีกไม่นาน ปีใหม่แบบใหม่ เราต่างมอบของขวัญให้กัน ห้างสรรพสินค้ามีกำไรเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าตัว ขนมนมเนยที่เคยประดิดประดอยเพื่อการสังสรรค์ร่วมกันภายในชุมชน กลายเป็นการหาซื้อจากห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากชุมชน ห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กคือหน่วยบริการของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ความสะดวกเข้ามาถึงตัวบ้าน ขอเพียงให้แต่ละบ้านมีเงินนำไปแลกมาเท่านั้น วิถีชีวิตแบบเดิมถูกแทนที่ด้วยวิถีแบบใหม่ ความรู้หลายอย่างในตัวคนล้มหายไปเพราะไม่ได้รับการถ่ายทอด เช่น ความรู้ในการทำห่อหมก ความรู้ในการหุงข้าวด้วยถ่าน เป็นต้น

                ปีใหม่ของบ้านนอก เราจะได้ยินเสียงเพลงของนักร้องชุมชนที่รวมตัวกันแต่ละจุด เหล้ายาปลาปิ้งถูกนำมาจัดวางไว้เพื่อเลี้ยงฉลองวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คนพี่น้องต่างถิ่นเดินทางจากจากถิ่นกลับสู่บ้านเกิดเพื่อการฉลองร่วมกัน ประทัดเสียงดัง หนัก แน่น แสบแก้วหู พลุไฟถูกจุดเพื่อส่งท้ายปี ทุกคนต่างฉลองกันอย่างสนุกสนานทั่วโลกทั้งบ้านนอกและในเมือง แต่แล้วทุกอย่างก็ยุติลง เพราะเป็นสิ่งที่สมมติกันขึ้นมาเท่านั้น

การอยู่กับสิ่งสมมติ

                คนที่มาจากบ้านนอก ไม่ได้มีชีวิตบนแผ่นคอนกรีต (อ่านว่า คอน-กรีด) เราน่าจะเคยเห็นมดตัวน้อยๆ เดินกันเป็นแถว พร้อมกับคาบอาหารลงไปสะสมอยู่ในรูของตน ตัวแล้วตัวเล่า บางคนอาจตั้งคำถามว่า มันจะเดินกันทำไมหนักหนา คำตอบหนึ่งคือ เพราะมันต้องเดิน

                สำหรับชีวิตคนนั้น คงไม่แตกต่างจากเหล่ามดที่ยกตัวอย่างมา เพราะชีวิตต้องเดิน ถ้าไม่เดินไม่รู้จะมีชีวิตอยู่อะไร หลายคนจึงใช้ชีวิตแบบไม่ว่าง แสวงหากิจกรรมมาทำให้ชีวิตมีที่ยึด แต่บางครั้งคิดว่ากิจกรรมนั้นคือชีวิต ครั้นกิจกรรมพังทลายลง ต้องมานั่งร้องไห้ฟูมฟาย เพราะลืมไปว่ามันแค่สิ่งสมมติเท่านั้น

                มีคำถามจากผู้นำทางปัญญาของคนไทยท่านหนึ่ง “เกิดมาทำไม” คำถามนี้หลายคนอาจจนแต้ม เพราะตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าเกิดมาทำไม และคำถามที่ว่า “ทำไมจึงเกิดมา” น่าจะคือข้อความที่ว่า “มีชีวิตอยู่ทำไม” คำตอบของผู้จนแต้มคือ “ไม่รู้เหมือนกัน” แต่ที่รู้คือ “ฉันยังอยากจะมีชีวิต”

                มีใหม่นี้ หลายคนยังรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ก็ต้องถนอมชีวิตไว้ให้มากทีเดียว ที่ผ่านมาปีหนึ่งเจอสิ่งต่างๆมามากทั้งชอบและชัง ส่วนมากสิ่งที่ชอบมักไม่มีน้ำหนักเหมือนสิ่งที่ชัง หลายคนจึงชังกันแบบฝังลึก และนำเอาความชังมาด้วยในปีใหม่ ดังนั้น ปีใหม่จึงไม่อาจเป็นปีใหม่ได้ เพราะมีแต่สิ่งเก่าๆ ของชีวิต นักคิดท่านหนึ่งจึงมองว่า เมื่อให้ของขวัญกันปีใหม่แล้ว ก็ควรให้อภัยกันด้วย จะได้พบแต่สิ่งใหม่ๆของปีใหม่แบบสมมติที่ว่านี้

                อยู่กับปีแบบสมมติ ก็ต้องมีชีวิตแบบสมมติ ถ้าอย่างนั้น อะไรคือความจริงของปีใหม่?

๑ มกราคม ๒๕๕๖ ณ หาดสมิหลา สงขลา

หมายเหตุ : เนื้อหาที่เขียนนี้ อย่าได้เอาเป็นมาเป็นประมาณอะไร/อย่าได้เอามาใส่ใจใดๆ เพราะเป็นเพียงอารมณ์หนึ่งเท่านั้น

หมายเลขบันทึก: 557919เขียนเมื่อ 1 มกราคม 2014 13:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอให้ปีนี้...นำแรงบันดาลใจและความสุขมาให้กับท่านและครอบครัวของท่าน นะคะ



สวัสดีปีใหม่..ค่ะ..คุณnmintra"""มายาคติ..จำเป็นกับชีวิต..อย่าให้มัน..หายไปเป็นอคติแล้วกันนะเจ้าคะ""ยายธีเอาดอกไม้มาฝาก...สดชื่น..กับทุกวันๆ..ดีีๆๆ..จ้า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท