วงศ์ตระกูล
วงศ์ตระกูลนั้นบ่งบอกถึงว่าเรามา จากไหน มีต้นทุนอะไรมากันบ้าง และบางทีก็มีนัยยะว่า "เรามีศักยภาพอะไร" มาก่อน เพราะครอบครัวมีความใกล้ชิดกัน มีการถ่ายทอดอะไรมาให้กันและกัน เป็นหน่วยเล็กที่สุดของสังคม
แต่วงศ์ตระกูลมิได้เป็นข้อจำกัดว่า เราจะต้องเป็นอะไร อนาคตของเรานั้น เราเป็นคนวาด เราเองเป็นคนให้ความหมาย และเราเป็นผู้เดินทางเอง "เราเอง" ที่เป็นคนกำหนดว่าเราจะเป็นคนแบบใด สามารถทำอะไรเพื่อตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติได้บ้าง
ในสมัยก่อน ที่ยังไม่มีนามสกุล ข้าราชการได้รับพระราชทาน "ราชทินนาม" มาจากความรู้ ความสามารถ ที่ได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาท ที่ได้ทำงานให้ชาติบ้านเมือง ต่อมาเมื่อมีพระราชบัญญัตินามสกุล ข้าราชการหลายๆท่านก็ได้น้อมเอาราชทืนนามเหล่านั้นมาใช้ต่อเป็นนามสกุล เพื่อเป็นเกียรติประวัติว่าเคยได้ทำคุณงามความดีอะไรต่อชาติบ้านเมือง ได้เป็นเครื่องเตือนสติ สอนใจ คนในวงศ์ตระกูลว่า ต้นทุนของครอบครัวนั้นก่อร่างสร้างมาจากอะไร
แต่มนุษย์นั้นเกิดมาเพื่อพัฒนา เพื่อที่จะดีขึ้น ดีกว่า และให้ความหมายที่ก้าวไปเบื้องหน้า อดีตมีไว้เพื่อเป็นแรงผลักไปข้างหน้า มิใช่เพื่อฉุดคร่าให้อยู่กับที่ มนุษย์ทุกรุ่น ทุกสมัย เอาต้นทุนเดิมที่มี มาผนวกกับสิ่งที่ตนเองหามาได้ในปัจจุบัน เพื่อจะสร้างอนาคตที่ดีที่สุดเท่าที่ตนเองจะฝันได้ นั่นคือการใช้ชีวิตแบบมนุษย์อันมีค่า
เมื่อถึงเวลานั้น เราอาจจะได้เป็นแม้กระทั่ง "ต้นตระกูล" ใหม่ ที่ให้ความหมายใหม่แก่ชีวิตตนเอง และลูกหลาน เกิดสิริมงคลใหม่ ที่จะยั่งยืนยิ่งขึ้น ที่จะสำแดงว่าเราได้ค้นพบความหมาย ชีวิตของตนเองแล้ว อันต้องใช้ความกล้าหาญทุกอณู ใช้ต้นทุนทุกอย่าง ที่จะยืนหยัดเพื่อ "ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล" ที่เราอยากจะทิ้งไว้บนโลกนี้ หลุดพ้นจากบางสิ่งบางอย่างที่เสื่อมไปตามธรรมชาติ เสื่อมไปตามอนิจจัง
สกล สิงหะ
เขียนที่หน่วยชีวันตาภิบาล รพ.สงขลานครินทร์
๑๐ นาฬิกา ๕๕ นาที วันอังคารที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๖