ช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา
ข้าพเจ้าไม่ได้มีเวลาใส่ใจ ดูแล พ่อกับแม่มากนัก
เป็นลูกที่ไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน มีกิจธุระเป็นประจำ
กิจกรรมของครอบครัวก็ไม่ค่อยได้ไปร่วม
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่ายุ่งอะไรนักหนา
จนมาตอนนี้ ถึงแม้จะสามารถจัดสรรเวลาได้ดีขึ้น
ก็ไม่สามารถเรียกเวลาในอดีตให้กลับคืนมาได้อีก
จนเมื่อกลางปี 2555 นับเป็นโอกาสที่ได้ดูแลพ่อกับแม่อย่างจริงจัง
เพราะพ่อป่วยด้วยโรคมะเร็งในถุงน้ำดี และจากพวกเราไปในที่สุดเมื่อวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2556
แล้วชีวิตแม่ก็ต้องเปลี่ยนไป เพราะแม่ไม่มีพ่ออยู่เคียงข้างอีกต่อไปแล้ว
*******************************************************
น่าจะเป็นช่วงเวลาร่วม 20 ปี ที่พ่อกับแม่ของข้าพเจ้า ใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพัง 2 คน
เพราะลูกๆต่างย้ายออกกันไปมีครอบครัวและภารกิจของตัวเอง
เรียกได้ว่า เห็นพ่อที่ไหน ย่อมมีแม่อยู่ด้วยเสมอ
แม่รักพ่อมาก ห่วงพ่อมาก และดูแลเอาใจใส่พ่ออย่างดีที่สุด
ช่วงเวลาก่อนพ่อจะรู้ตัวว่าป่วยหนัก
แม่ก็เริ่มมีอาการป่วยเช่นกัน
แต่ป่วยของแม่ ต่างจากความเจ็บป่วยของพ่อ
แม่ร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่น่ากลัว
แต่ความจำของแม่เริ่มถดถอย เริ่มจำได้สั้นลง เริ่มจำไม่ได้
พ่อสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ของแม่
และส่งสัญญานให้พวกเราได้รับรู้เพียงแค่ว่า "เดี๋ยวนี้แม่เธอขี้ลืม"
ข้าพเจ้าเองก็ยังคิดว่า เป็นเพียงความหลงลืมธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ปกติสำหรับคนทั่วๆไป
เพราะข้าพเจ้าเองก็ยังหลงลืมในบางเวลา
แต่แล้วความหลงลืมของแม่กลับไม่ใช่แค่ธรรมดา
ข้าพเจ้าสังเกตได้ พี่น้องทุกคนก็สังเกตได้
และเริ่มเข้าใจว่า บางทีแม่อาจเป็นอัลไซเมอร์
แม่เริ่มเปลี่ยนไป
ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ การแสดงออก ฯลฯ
ความเปลี่ยนแปลงของแม่ เป็นเรื่องที่พวกเราต้องยอมรับ และหาทางรับมือ
เมื่อแม่เริ่มเปลี่ยนไป
ข้าพเจ้าเองก็ต้องเปลี่ยนตัวเองเหมือนกัน
************************************************
บันทึกนี้ จึงจะเป็นคำบอกเล่าจากประสบการณ์ตรง
ที่หาไม่ได้จากตำรา รักษาไม่ได้จากสุดยอดหมอไม่ว่าจากที่ไหน
ต้องใช้ "หัวใจ"ล้วนๆ
ข้าพเจ้าหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ได้อ่าน
ไม่ว่าทางตรง ที่ประสบกับตัวเอง
หรือทางอ้อม ที่มีคนใกล้ตัวประสบอยู่
เรามาเปลี่ยนตัวเองไปพร้อมๆกัน
..... เปลี่ยนท่านไม่ได้แล้ว .... ลูกๆ ต้องมาร่วมกันเปลี่ยนตนเองเพื่อ .. "แม่" ... นะคะ ขอบคุณบันทึกดีดีนี้ค่ะ