ธรรมชาติ ป่าไม้ สายน้ำ สัตว์ป่า และเฮฮาศาสตร์
มนุษย์เรานั้นเรียนรู้ ศึกษา พัฒนาตนเองและสังคมมาอย่างยาวนานตลอดมาตั้งแต่การมีมนุษย์กำเนิดขึ้นบนโลกใบนี้ เรียนรู้เรื่องรอบตัว และเรียนรู้เรื่องไกลตัว ไกลออกไปจนถึงการออกไปศึกษาถึงนอกโลก มนุษย์สามารถขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ ฯลฯ จึงกล่าวได้ว่ามนุษย์เรียนรู้ทุกๆ สิ่ง ควบคุมสิ่งรอบตัวได้เกือบจะทุกอย่าง สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ มากมาย แต่การสร้างของมนุษย์นั้นก็มักจะมีอีกด้านหนึ่งต้องสูญเสียหรือถูกทำลาย เพื่อแลกกับการได้มาของสิ่งใหม่ๆ เสมอ
แม้ว่าเราจะสามารถเนรมิตหลายสิ่งหลายอย่างขึ้นมาได้ ด้วยความสามารถและกำลังสติปัญญาของเราก็ตาม แต่สิ่งที่เราใช้เป็นฐานการผลิต เป็นวัตถุดิบ เพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการนั้น วัตถุดิบส่วนมากล้วนมาจากทรัพยากรธรรมชาติทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะสร้างที่อยู่อาศัย การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ก็ล้วนแต่ต้องอาศัยวัตถุดิบจากธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นน้ำ ป่าไม้ พื้นดิน แร่ธาตุ เป็นต้น
เหตุนี้เอง จึงทำให้ช่วงระยะเวลาไม่นานมานี้ มนุษย์เราได้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติลงอย่างมากมายจนน่าใจหาย และปัจจุบันผลกระทบเหล่านั้นเริ่มย้อนกลับส่งผลมายังมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วม ฝนแล้ง อากาศแปรปรวน หรือแม้แต่ภาวะโลกร้อนก็ตาม ล้วนเป็นผลมาจากการใช้ทรัพยากร หรือจะเรียกให้ถูกตรงก็คือการทำลายทรัพยากร ทำลายธรรมชาติด้วยน้ำมือของเรานั่นเอง
ส่วนในบ้านเรานั้นการทำลายทรัพยากรธรรมชาตินั้นก็ไม่แตกต่างกันกับที่ต่างๆ บนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำ อากาศ ฯลฯ ที่น่าใจหายมากที่สุดก็เห็นจะเป็นการรุกพื้นที่ป่าในบ้านเรา ที่นับวันจะทำให้พื้นที่ป่าไม้ของเรานั้นลดลงอย่างรวดเร็ว จนเมื่อปี 2552 เรามีป่าไม้เพียง ร้อยละ 33 เท่านั้น (ปี 2504 เรามีป่าไม้ร้อยละ 53)ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้น่าจะลดลงจากเดิมลงไปอีก และป่าไม้ในบ้านเราที่เป็นผืนใหญ่ที่สุดป่าตะวันตกแห่งนี้จึงจัดว่าเป็นผืนป่าธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและต่อเนื่องกันของประเทศ และถือว่าใหญ่ที่สุดในภาคพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พื้นที่อนุรักษ์ของป่าตะวันตก ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติ 9 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 6 แห่ง พื้นที่เตรียมประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง รวมเป็น 17 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า คลองลาน แม่วงก์ เขื่อนศรีนครินทร์ เฉลิมรัตนโกสินทร์ พุเตย เอราวัณ ไทรโยค เขาแหลม กับพื้นที่เตรียมประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ คือ ทองผาภูมิ กับลำคลองงู
ส่วนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ได้แก่ ห้วยขาแข้ง อุ้มผาง สลักพระ เขาสนามเพรียง ทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก และทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก โดยมีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งเป็นแกนกลาง(ที่มา :http://www.vitara4x4.com/vtrip/west.html)
อ่างเก็บน้ำทับเสลา(เขี่อนระบำ)
จากการที่ได้มีโอกาสไปสัมผัสส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตก เพียงระยะเวลาสั้นๆ ช่วง 6 – 10 ธันวาคม 2556 ร่วมกับ Blogger ในงานเฮฮาศาสตร์ครั้งที่ 10 ในกิจกรรมการประชุมสัมมนาเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและฟืนฟูสภาพแวดล้อมในเขตปฏิรูปที่ดินณ สถานีพัฒนาและส่งเสริมพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง (ด่านทุ่งแฝก) ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานีครั้งนี้ โดยมีหน่วยงานเจ้าภาพคือ ส.ป.ก. นั้น เสมือนว่าได้หลุดเข้าไปอยู่ในท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อากาศอันแสนจะบริสุทธิ์ มีต้นไม้ ป่าไม้น้อยใหญ่ หลากหลาย ได้สัมผัสสายน้ำที่สวยใส และเย็นฉ่ำ เห็นสัตว์ป่าได้อาศัยและหากินอย่างเป็นธรรมชาติ
ห้วยทับเสลา ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
สัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
ช่างเป็นสวรรค์บนดินที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสพบเจอ เป็นเสมือนของขวัญที่ธรรมชาติได้สร้าง และมอบไว้ให้แก่พวกเราคนไทย และทุกคนบนโลกใบนี้ ธรรมชาติ ป่าไม้ สายน้ำและสัตว์ป่าเหล่านี้ ล้วนเกิดและเติบโตตามธรรมชาติ หาใช่สิ่งที่มนุษย์เราได้สรรสร้างขึ้นไม่ แล้วสมควรแล้วหรือที่เราจะทำลายมัน หากธรรมชาติโต้ตอบกับเราได้ เขาคงจะย้อนถามมนุษย์ทุกคนว่ามีสิทธิ์อะไรที่จะไปทำลายเขา เพราะแท้จริงแล้วการทำลายทรัพยากรธรรมชาติก็เหมือนหนึ่งว่า มนุษย์กำลังทำลายที่อยู่อาศัยและทำลายตัวเอง
สมาชิกเฮฮาศาสตร์ถ่ายรูปร่วมกับ สมโภชน์ มณีรัตน์ หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่่าห้วยขาแข้ง
ขึ้นต้นไว้ว่า “ธรรมชาติ ป่าไม้ สายน้ำ สัตว์ป่า และเฮฮาศาสตร์” แล้วเขียนมาทั้งหมดนั้นยังไม่เห็นว่าเฮฮาศาสตร์ล่ะ มันคืออะไร จะเขียนตามความรู้สึกว่า “เฮฮาศาสตร์” นั้นแม้จะไม่มีคำจำกัดความไว้ ณ ที่ใดๆ แต่กระบวนการทั้งหมดที่ผู้คนจากหลากหลายไม่จำกัดอาชีพ เพศ วัย ความรู้ความถนัด และถิ่นที่อยู่ได้มาร่วมกิจกรรมการเรียนรู้จากสถานที่จริง ของจริง โดยมีชุมชน ท้องถิ่น ทรัพยากร ศีลปะ วัฒนธรรม ฯลฯ เป็นตัวตั้ง ครั้งนี้เรามาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็นของมรดกโลกห้วยขาแข้งด้านป่าไม้และสัตว์ป่า คนที่ทำงานกับป่า ตลอดจนความรู้เกี่ยวกับจังหวัดอุทัยธานี
ครั้งนี้แม้ว่าระยะเวลาจะไม่มาก แต่เราก็ได้มาสัมผัสจังหวัดอุทัยธานี “เมืองพระชนกจักรี...” เรียนรู้และสัมผัสสถานที่สำคัญๆ ของจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นตัวเมือง สถานที่ท่องเที่ยว โบราณสถาน ศาสนสถาน และที่สำคัญได้มีโอกาสมาสัมผัสมรดกโลกห้วยขาแข้ง ป่าแม่วงก์ ได้รู้จักผืนป่าตะวันตกมากยิ่งขึ้น เก็บเกี่ยวความรู้ไปได้มากมาย นอกจากนั้นยังได้ร่วมรำลึกและสัมผัสถึงจิตวิญญานอันบริสุทธิ์ของคนรักป่า และอีกด้านหนึ่งที่อยู่ตรงกันข้ามของการอนุรักษ์ก็คือการรุกป่า การทำลายป่า การล่าสัตว์ในบ้านเราที่รุนแรงและยากต่อการควบคุมหากคนในสังคมยังไม่เข้าใจและหันหน้ามาร่วมมือกัน จึงพอจะเข้าใจว่าทำไมคุณสืบ นาคะเสถียรจึงปลิดชีพตนเองเพื่อรักษาป่า....?
ร่วมรำลึกถึงคุณสืบ นาคะเสถียร
อีกอย่างที่ประทับใจมากก็คือการได้มีโอกาสมาพบปะกับคนที่ทำงานด้านการอนุรักษ์ป่าตัวจริง สืบทอดเจตนนาของสืบ นาคะเสถียร ที่เขาเหล่านั้นทุ่มเททั้งชีวิตที่จะรักษาป่าไม้ไว้ให้ลูกหลานในอนาคต ทั้งๆ ที่ค่าตอบแทนก็ไม่มาก และได้เห็นการทำงานของคนที่ทำงานอยู่รอบๆ ป่าตามแนวกันชน เพื่อสร้างสำนึกและช่วยชาวบ้านให้พึ่งตนเองให้ได้ ก่อนที่เขาเหล่านั้นจะรุกเข้าไปทำลายป่า ถ้าไม่ได้มาในครั้งนี้เราคงจะไม่รู้เลยว่ายังมีพวกเขาเหล่านั้นอยู่จริง เพราะข้อมูลเหล่านี้เราไม่ค่อยรับรู้จากสื่อกระแสหลัก จะมีก็เพียงผิวเผิน
แต่ที่น่าเห็นใจก็คือผู้ที่ทำงานอันยิ่งใหญ่เหล่านั้น กลับไม่ค่อยได้รับการใส่ใจ หรือสนใจดูแลหรือสนับสนุนเท่าที่ควร ผมนับถือน้ำใจพวกเขาเหล่านั้นจริงๆ พวกเขาเหล่านั้นคือ “คนทำงานปิดทองหลังพระ” ตัวจริงครับ
สิงห์ป่าสัก
15 ธันวาคม 2556
ข้อมูลแจ่มชัด. เห็นภาพ. เชื่อว่าจะมีเชิงปฏิบัติให้เรารู้ด้วยนะคะ