บันถึงถึงพ่อ..ที่พ่อไม่ได้อ่าน


 

 

         “พ่อครับ” นานแล้วที่ผมไม่ได้เอ่ยคำนี้ ตั้งแต่ที่พ่อจากไป ได้เพียงแต่รำลึกในใจ คราใดที่คิดถึงพ่อ ถึงวันนี้นับเป็นเวลาห้าปี ที่พ่อได้จากพวกเราไป แต่ผมยังจำเหตุการณ์ในวันที่ส่งพ่อไปสวรรค์ได้ดี ยามที่แม่ของลีซอได้อ่านประวัติของคุณพ่อซึ่งผมได้เขียนเองจากใจ น้ำตาก็ไหลออกมาเกินยับยั้งไว้ได้ ในวันนั้น มีทั้งญาติพี่น้อง เพื่อนและผู้ที่รู้จักคุ้นเคยกับพ่อ มาร่วมส่งพ่อเป็นครั้งสุดท้ายมากมาย จนดูเหมือนเป็นงานใหญ่งานหนึ่ง ทั้งที่ไม่ได้มีการแจกการ์ด มีเพียงแต่การแจ้งข่าวเรื่องพ่อเสียในเหล่าญาติมิตร ซึ่งผมก็เห็นพ้องกับคุณแม่ ที่จะจัดงานแบบเรียบง่าย ซึ่งทำให้เห็นว่า คนเราถึงแม้ไม่มีเงินทองมากมาย ขอให้เป็นคนดี มีน้ำใจ ต่อคนอื่นๆ ยามเมื่อจากไป ก็จะมีแต่คนรักและอาลัยหา

         พ่อของเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบพอเพียง เป็นเกษตรกรที่รักบ้านเกิด ตอนเด็กผมกับพ่อช่วยกันปลูกยาสูบ ปลูกถั่วเหลือง แม้ต่อมา จะทำนา ทำสวนเป็นส่วนใหญ่ ยามที่ผมยังเล็กอยู่กับปู่และย่า พ่อเป็นทั้งพ่อและแม่ที่ดูแลผม ผมจำเหตุการณ์ในวันแม่ตอนเรียนชั้นประถมได้ไม่ลืม มีผึ้งมิ้ม มาทำรังที่กิ่งขนุนข้างบ้าน ผมรบเร้าอยากกินน้ำผึ้ง จนพ่อต้องปีนขึ้นไปตัดเอาน้ำหวานมาให้ เมื่อรังผึ้งแตก พ่อถูกผึ้งต่อยหลายตัวทั้งที่แขน และหน้า  แม้จะบวมและปวด แต่ก็ไม่มีคำดุด่าจากพ่อสักคำ พ่อก็ยังไปร่วมงานให้ผมจนสิ้นสุดงานยามที่ผมโต เวลาผลไม้ที่บ้านสุก พ่อจะเก็บมาวางไว้ ตั้งใจให้ผมได้กิน ครั้งหนึ่งช่วงปิดเทอมผมเที่ยวกลับบ้านจนดึก ยามกลับมายังเห็นพ่อนอนรอความห่วงใย

         พ่อเป็นกุ๊กที่ยอดเยี่ยมสำหรับผม มีฝีมือในการทำลาบหมู แกงเผ็ดปลาไหล แกงแคกบ หลามบอน ซึ่งเป็นกับข้าวที่ทำค่อนข้างยาก หาซื้อไม่ได้ทั่วๆไป นอกจากนี้ก็ยังกับข้าวง่ายๆ ที่พ่อสอนให้ผมทำ ซึ่งจะเน้นใช้ผักต่างๆ ที่ปลูกเองมาทำไม่ว่าจะเป็น แกงส้มดอกผักปัง แก้งส้มยอดฟักทอง ยำมะแว้ง(มะเขือพวง)มะเขือ แกงขนุน ซึ่งย่าจะพูดบ่อยๆว่า “แกงหม่าหนุน(ขนุน)คำมุนบ่มัก แกงหม่าฟัก หมดถ้วยหมดจ้อน” นอกจากนี้พ่อยังพาผมไปเก็บเห็ด ไปเก็บหน่อไม้ โดยเอาเสื้อเก่ามาทำเป็นเชือกยาวๆ  มัดติดเอวจุดไฟให้เกิดควันเหม็นๆ เวลาไปหักหน่อไม้ยุงจะได้ไม่กัด

         ยามที่ผมเรียนจบทำงานไกลบ้าน กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่แพร่ทีไร พ่อซึ่งอยู่กับแม่ที่เชียงราย จะมา ดูแลบ้าน ตัดหญ้าที่รกในสวนเป็นวันๆ ซึ่งผมกับพ่อได้ปลูกไว้ เวลากลับบ้านทีไรสุขใจ อุ่นใจทุกครั้ง และนับแต่วันที่พ่อจากไป ผมกลับบ้านทีไร รู้สึกเงียบเหงาในใจ ไม่มีอีกแล้วที่จะได้ยิน ได้เห็น ได้เรียก “พ่อ” ชายร่างเล็ก ท่าท่าทางใจดี และเอื้ออารีต่อญาติพี่น้อง

         ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจอพ่อ คือในความฝัน หลังจากที่พ่อจากไป ได้ประมาณหนึ่ง เดือน ในฝัน ผมนอนเล่นที่นอกชานบ้านเกิด เห็นพ่อขึ้นบันไดมาเยี่ยม ใส่เสื้อสีเหลืองอ่อนมีสีหน้ายิ้มแย้ม อิ่มเอิบ ผมถามว่า “พ่อมาทำอะไร” พ่อบอกว่า “มาเยี่ยม” ผมถามว่า “แล้วทำไมมาเยี่ยมกลางวันได้” พ่อบอกว่า “อยากมาก็มา  ขอให้ลูกให้ลูกนั่งสมาธิบ่อยๆ นั่งสมาธิแล้วดี อีกหน่อยก็มาอยู่กับพ่อ” นับเป็นความใยที่พ่อมีต่อผม หลังจากวันนั้นผมไม่เคยฝันเห็นพ่ออีกเลย  ถ้าเทียบแล้ว รักที่ผมมีต่อพ่อ แม้มากเพียงใด แต่ก็คงเทียบไม่ได้กับความรักและความห่วงใยที่พ่อมีต่อผม  และความรักนี้จะคงอยู่ในใจผมตลอดไป

หมายเลขบันทึก: 556495เขียนเมื่อ 15 ธันวาคม 2013 23:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 ธันวาคม 2013 23:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ทีหลังอย่าเขียนบทความแบบนี้อีกนะ

แบบว่า

อ่านแล้วน้ำตาจะไหล ง่ะ

  • เรียนอาจารย์ จันทร์ยิ้ม
  • เวลาสำหรับชีวิตคนเรานั้นไม่นานนัก แม้รักเพียงใดก็ต้องพรากจากกัน บางครั้งที่เราอยากทำอะไรให้คนที่เรารักควรต้องรีบทำครับ บันทึกนี้มาจากใจ ต้องขออภัย ถ้าไปสะกิดต่อมน้ำตาผู้อ่านครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท