สอนเด็กอย่างไรกับประชาธิปไตยที่ผู้ใหญ่เรียกร้อง


10 ธันวาคม 2556 หากมองย้อนกลับไป 81 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 18 ฉบับ อ่านเพิ่มเติมที่นี่ หากแต่ปัจจุบัน วันนี้ คนไทยส่วนหนึ่งของประเทศกำลังทวงถามอำนาจในการปกครองแบบประชาธิปไตย ถามหากฎหมายที่เป็นธรรม ยุติธรรมกับทุกฝ่าย เรียกร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งการที่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมามากเช่นนี้ แสดงให้เห็นอีกนัยหนึ่งว่ารัฐธรรมนูญไทยยังไม่มีเสถียรภาพเพียงพอ ซึ่งนักวิชาการหลายท่านกล่าวว่าระบอบการปกครองของไทยไม่ได้ล้มเหลว แต่ระบบสังคมไทยต่างหากที่ล้มเหลว  

ดังนั้น การพัฒนาสังคมหรือประเทศชาติส่วนหนึ่งก็คือการเริ่มต้นที่ครอบครัว ครอบครัวเป็นหน่วยเล็กที่สุดของสังคม ที่จะสามารถสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ “ประชาธิปไตย” ให้เกิดขึ้น โดยพ่อแม่ควรสอนให้เด็กๆ รู้จักหลักเบื้องต้น 3 อย่างคือ  หน้าที่ เสรีภาพ และความเสมอภาค

หน้าที่ หมายถึง เด็กทุกคนมีหน้าที่ของตนเอง เช่น ตื่นนอนไปโรงเรียน อาบน้ำแต่งตัว รับประทานอาหารด้วยตนเอง เมื่ออายุ 4-6 ขวบที่เกริ่มจะช่วยเหลืองานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ได้ พ่อแม่ก็สามารถมอบหมายงานที่จำเป็นตามวัย เช่น พี่ดูแลน้อง การช่วยกรอกน้ำใส่ตู้เย็น การเก็บรองเท้าหรือการซัก ตากถุงเท้าของตนเอง หน้าที่ต่างๆ ของเด็กจะสอดคล้องตามความสามารถและพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัยด้วย เด็กที่โตขึ้นมามีหน้าที่รับผิดชอบทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน เช่น  พ่อแม่ต้องสอนให้เด็กรับผิดชอบต่อผู้อื่น ทั้งการทำความสะอาดห้องเรียน การเก็บกวาดบริเวณให้เรียบร้อย การทิ้งขยะให้ถูกที่ สิ่งเหล่านี้จะส่งเสริมให้เด็กเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศด้วย

ความเสมอภาค ฝึกให้เด็กเรียนรู้ว่าทุกคนมีความเท่าเทียมกันในการทำกิจกรรมใดก็ตาม โดยความสเมอภาคนั้นไม่ส่งผลกระทบหรือทำให้บุคคลอื่นเกิดความเสียหาย เพราะถ้าจะสอนแต่ความเสมอภาคของตนเอง โดยไม่สนใจว่าใครจะเป็นอน่างไร แบบนั้นก็ไม่น่าจะเรียกว่าความเสมอภาค พ่อแม่ต้องให้สิทธิพี่น้องอย่างเท่าเทียมกัน ไม่แสดงออกว่ารักพี่มากกว่าน้อง หรือรักน้องมากกว่าพี่ เมื่อพี่น้องแย่งของเล่นกรือขนมกัน ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องให้พี่เสียสละเสมอไป แต่สามารถถามเพื่อให้ลูกทั้งสองชี้แจง หากแต่เมื่อได้ข้อสรุปที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายหรือทั้งสองฝ่ายยอมรับ บางครั้งน้องอาจจะเป็นผู้เสียสละให้พี่บ้างก็ได้

เสรีภาพ เป็นความอิสระในการคิด แสดงความคิดเห็น กระทำสิ่งต่างๆ ตามที่ตนเองต้องการ โดยไม่เดือดร้อนต่อผู้อื่น การทำอะไรก็ตามที่ตามใจ และส่งผลให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อยก็ไม่ได้เรียกว่าเสรีภาพเช่นกัน ดังนั้น พ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นของตนเอง ทั้งการทำกิจกรรมที่ชอบ การเลือกเข้าชมรมที่ตนเองต้องการ การเสนอวันไปท่องเที่ยวสุดสัปดาห์ การคบเพื่อนในแบบของตนเองโดยไม่ได้ยึดบรรทัดฐานของพ่อแม่เอง

ประชาธิปไตยที่บ้าน จะส่งผลให้เด็กเรียนรู้ และก้าวเข้าสู่สังคมอย่าวมั่นคง ตลอดระยะเวลาวัยเด็ก มีการเรียนรู้มากมายเกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตย ทั้งการเลือกตั้งประธานนักเรียน การเลือกประธานชมรม การแสดงความคิดเห็น การโต้วาที โดยจะพบว่ามีโครงการที่เกี่ยวกับการเรียนรู้เรื่องประชาธิไตยมากมาย เช่น "คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประชาธิปไตย"   "การส่งเสริมวิถีประชาธิปไตย ผ่านกิจกรรมค่าย"

นอกจากนี้ หากพ่อแม่คอย ชี้แนะ กล่อมเกล้า เด็กก็จะพัฒนาเป็นกำลังที่ดีของชาติตั้งแต่นังเล็ก และช่วยให้ประชาธิปไตยเบ่งบานเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน แต่ละวัย

ในวันที่ประเทศชาติดูวุ่นวาย ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทยจงคุ้มครองให้ประเทศชาติสามารถผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ ไปได้ด้วยดี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ให้พระบรมราโชวาทในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดชลบุรี 11 ธันวาคม 2512 ความว่า

“ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด

การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี

หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ

ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”

 

ขอให้ทุกคนมีสติ และดำเนินชีวิตด้วยความรักประเทศไทยนะค่ะ^^

 

 

บนถนนเส้นหนึ่ง เรียกร้องประชาธิปไตย และสิทธิเสรีภาพ 

 

 

อีกด้านหนึ่งของถนนเส้นเดิม เงียบสงบ และครึ้นเครงด้วยการสังสรรค์

หมายเลขบันทึก: 555961เขียนเมื่อ 10 ธันวาคม 2013 22:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 ธันวาคม 2013 22:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ในความคิดเห็นส่วนตัว...การกระจายอำนาจ กระจายการความเจริญ กระจายงบประมาณ อย่างโปร่งใสและจริงจัง...เป็นทางออกหนึ่งที่จะทำให้ แต่ละท้องถิ่นสามารถบริหารจัดการ พัฒนาให้การศึกษาผู้คนในท้องถิ่นของตนเองได้อย่างทั่วถึง...เป็นการช่วยลดช่องว่าง ความเหลื่อมล้ำด้านต่างๆ เช่นด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา และด้านอื่นๆได้นะคะ

หาก...ว่า...เรา..เลิก..โกง..ตัวเองได้ไม่เข้าข้างตน..เห็นแก่ตน..เชื่อมั่น..ศรัทรา..รักตนเสมอผู้อื่น..ช่วย..ตัวเองไม่ต้องรอผู้อื่น..สอนลูกหลานได้ทุกๆท่าน..ไม่ติดยึด...รักโลภ..โกธร..หลง..รักษาศีลห้า..เท่านี้..ก็น่าจะพอเป็นบันทัดฐาน..ประชาธิปไตย..ขั้นที่หนึ่ง...ลูกเต้าอยู่กับอกได้ไออุ่น..จากพ่อแม่..ไม่ใช่มีพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงเป็น..คอมพิวเตอร์ก็พอ..หรืออยู่ในมือ..ผู้รับเลี้ยง...จนเข้าเรียนขั้นต้น...สำหรับอนาคตที่จะเปลี่ยน..คงมี..มา..ในระ..สั้น..ไม่นานเกิน..รอ...อย่า..มัว..ด่า..ทอ..ทะเลาะกัน..อย่างทุกวันนี้...ก็พอ..มั้ง...เป็นขั้นที่สอง....ปลูกต้นไม้เป็นทุน..แทนขุด..ทอง...ทำพร้อม.ขั้นแรก..เป็น..ฐาน..เศรษฐกิจ..ใน..ศรรตวรรษหน้า....สุวรรณภูมิ..คงเหมือนเดิม..ในเวลา..อันไกล้....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท