๘ ธันวาคม ๒๕๕๖
การจัดเก็บภาษีมรดกประเทศไทย
เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมานานแล้วเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีมรดก เมื่อครั้งรัฐบาลนายชวนหลีกภัย พ.ศ. ๒๕๔๑ ถึงรัฐบาลต่อมา พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นเพียงแนวคิด เพราะมีการประเมินผู้มีส่วนได้เสีย ส่วนใหญ่เป็นคนวงในรัฐบาล [1]
ภาษีมรดกได้ฮือฮาอีกครั้งเมื่อมีการยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ฯ โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อปี ๒๕๔๙ ขอนำเสนอความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษีมรดกที่จัดเก็บอยู่ในประเทศต่าง ๆ จำแนกได้เป็น [2]
๑. ภาษีมรดก (Estate Tax) หมายถึง ภาษีที่เก็บจากกองมรดกของผู้ตาย โดยเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว ทรัพย์มรดกทั้งหมดของผู้ตายจะถูกเรียกเก็บภาษีก่อน ที่เหลือจากการเก็บภาษีจึงจะตกเป็นของทายาทผู้ตาย ภาษีจะเก็บมูลค่าทั้งหมดของผู้ตาย โดยไม่คำนึงถึงจำนวนทายาทผู้รับมรดกและความสัมพันธ์ระหว่างทายาท ผู้รับมรดกกับผู้ตาย ถ้าผู้ตายไม่มีมรดกก็ไม่ต้องเสียภาษี
๒. ภาษีการรับมรดก (Inheritance Tax) หมายถึง ภาษีที่เก็บจากทายาทของผู้รับแต่ละคน โดยทายาทผู้รับต้องเสียภาษีตามจำนวนหรือมูลค่าของทรัพย์มรดกที่ตนได้รับ ทั้งนี้อัตราภาษีขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างทายาทผู้รับมรดกกับผู้ตาย ทายาทที่เป็นญาติสนิทของผู้ตายจะเสียภาษีในอัตราต่ำกว่าทายาทที่เป็นญาติห่างออกไป และเป็นภาษีเท่ากันในอัตราก้าวหน้าตามจำนวนมูลค่าทรัพย์มรดกที่ทายาทแต่ละคนได้รับโดยมิได้ขึ้นอยู่กับขนาด หรือมูลค่าของกองมรดกแต่อย่างใด
อาจารย์ปรีชา สุวรรณทัต และอาจารย์ทองใบ ทองเปาวด์ ได้ให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุประเทศไทย เมื่อปี ๒๕๔๔ มีสาระน่าศึกษา ดังนี้ [3]
หลักการ
สมัยอยุธยา พระนารายณ์มหาราช เรียก “อากรมรดก”
เป็นทรัพย์สินเกินกำลังทายาทที่จะใช้สอย
มีมากจนถึงขนาด
ระบุขั้นต่ำไว้ มีเพดาน เกินกว่า เช่น เกินกว่า ๑๐ ล้านบาท
อัตราก้าวหน้า
สร้างความเป็นธรรม (คนรวย คนจน)
เก็บเมื่อเจ้าของมรดกตาย เก็บจากทายาท
ยุโรปใช้มาก
ประโยชน์ข้อดีข้อเสียของการจัดเก็บภาษีมรดก
จากหนังสือพิมพ์มติชนปีเดียวกัน ให้ข้อมูลว่า [4]
ต้องให้มีตัวเลขขั้นต่ำและขั้นสูง คือ เจ้ามรดกที่มีมูลค่า ๑๐ ล้านบาทขึ้นไปต้องเสียภาษี จัดเก็บจากทรัพย์สินทั้งสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและนอกประเทศ ควรจัดเก็บภาษีมรดกจากกองมรดกหรือผู้รับมรดก และควรเก็บจากผู้รับมรดกเพราะสะดวก และชอบธรรมในการจัดเก็บ
ข้อดี
๑. เป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้แก่รัฐ และกระจายความมั่งคั่งให้คนจนและคนรวยมีความเสมอภาคกันมากขึ้น
๒. ลดปัญหาคอร์รัปชั่นในหน่วยงานต่าง ๆ ลงได้ เนื่องจากทรัพย์สินที่สะสมไว้ ถ้ามีมากจะถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูงตามไปด้วย บุคคลอาจจะขาดแรงจูงใจในการสะสมทรัพย์สิน ทำให้หยุดหรือลดการกอบโกยจากการทุจริตในหน้าที่ เพราะไม่อยากเสี่ยงต่อการทำผิดที่ได้ผลไม่คุ้มค่า
ข้อเสีย
๑. อาจเป็นการทำลายแรงจูงใจในการออมและกระทบการลงทุน
๒. รายรับของภาษีมรดกไม่มีความแน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับการตายของเจ้ามรดกที่ไม่แน่นอน ทำให้ลำบากต่อการจัดสรรงบประมาณ
ในอดีตประเทศไทยได้เคยมีการจัดเก็บภาษีมรดก ตามพระราชบัญญัติอากรมฤดกและการรับมฤดก พุทธศักราช ๒๔๗๖ แต่ได้ยกเลิกไปเพราะคนร่ำรวยได้คัดค้าน โดยอ้างว่าเก็บได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งในความเห็นของ ศ.ประสพสุข บุญเดช อดีตประธานวุฒิสภา อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศ (พ.ศ.๒๕๔๑ – ๒๕๔๒) เห็นว่า [5]
ควรจัดเก็บจากกองมรดกโดยกำหนดหลังจากเจ้ามรดกเสียชีวิต ต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อจัดการมรดกมาเป็นผู้ทำหน้าที่ชำระภาษีมรดก ซึ่งต้องเปิดเผยจำนวนทรัพย์สินที่แท้จริงต่อศาล เพราะมีผลต่อการคำนวณภาษี
ในประเทศยุโรปศาลเป็นผู้อนุมัติตั้งผู้จัดการมรดก และส่งเรื่องให้กรมสรรพากรไปดำเนินการจัดเก็บเอง
ในการจัดเก็บภาษีจะตั้งเพดานขั้นต่ำไว้ว่ามรดกไม่เกิน ๑๐ ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษี และก่อนเสียภาษีมรดกผู้จัดการมรดกสามารถหักเงินส่วนที่อาจจะมีเจ้าหนี้กองมรดกต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนนำยอดเงินที่เหลือไปยื่นคำนวณว่าต้องเสียภาษีมรดกเท่าไร
ภาษีมรดกให้จัดเก็บแบบอัตราก้าวหน้า มีมรดกมากเสียมาก แต่เสียครั้งเดียว ส่วนที่เหลือจากการหักภาษีแล้วก็แบ่งให้ทายาทซึ่งไม่ต้องเสียภาษีอีก
ภาษีมรดกไม่กระทบคนจน ชาวไร่ ชาวนา
ในสหรัฐอเมริกามีการจัดเก็บภาษีมรดกที่แพงมาก จึงมีผู้เลี่ยงภาษีด้วยการบริจาคเพื่อการกุศลหรือประโยชน์สาธารณะ ทำให้เข้าข้อยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีมรดก
ประโยชน์ภาษีมรดกทำให้เกิดการกระจายรายได้ เสนอให้มีการบัญญัติข้อยกเว้นว่า ห้ามเก็บภาษีมรดกราชวงศ์ ผู้ทำคุณความดีต่อประเทศชาติ เช่น ทหารหรือการบริจาคเพื่อการกุศล
มีผู้พยายามนำเสนอหลักการจัดเก็บภาษีมรดกต่าง ๆ เช่น เสนอหลักการว่า [6]
๑) ใครที่โอนทรัพย์สินของตนให้ลูกหลานหรือผู้อื่น ก่อนตนตายไม่น้อยกว่า ๕ ปี (ครบ ๕ ปีก่อนตนตาย) ผู้รับมรดกไม่ต้องเสียภาษีมรดก ๒) ถ้าโอนฯน้อยกว่า ๕ ปี ผู้รับมรดกต้องจ่ายเงินภาษีมรดกตามสัดส่วนดังนี้
๔ ปีก่อนตาย ผู้รับมรดก เสียภาษีฯ ๑๐ % ของมูลค่ามรดกรวม
๓ ปี.....เสีย ๒๐ %
๒ ปี..........๓๐ %
๓) ไม่ถึง ๒ ปี หรือตายไปเสียก่อนโอนฯ ผู้รับมรดกเสียภาษีมรดก ๔๐ %
แนวโน้มการนำภาษีมรดกมาใช้
สรุปว่า ได้มีการศึกษาเรื่องภาษีมรดกมาก่อนหน้านี้พอสมควร นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร นักศึกษา วปอ. รุ่นที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๔๔) ก็ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง "การศึกษาความเหมาะสมในการนำระบบภาษีมรดกมาใช้จัดเก็บในประเทศไทย" ผลการศึกษาที่สนับสนุนให้จัดเก็บภาษีมรดก เช่น ชมพูนุท โกสลากร เพิ่มพูนวิวัฒน์ และคณะ (๒๕๕๐) [7] สรุปว่า จากข้อสนับสนุนและคัดค้านของงานวิจัยเกี่ยวกับภาษีมรดกทั้งในและต่างประเทศ ทำให้เห็นได้ว่า ควรจะมีการจัดเก็บภาษีมรดก และ เมธา มาสขาว (๒๕๕๒) [8] เสนอให้รัฐบาลเร่งเก็บภาษีอัตราก้าวหน้า สร้างสังคม-ประชาธิปไตยและรัฐสวัสดิการโดยเรียกร้องให้นักการเมืองและชนชั้นนำทางสังคม เสียสละที่ดินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการผูกขาดทางสังคมมาอย่างยาวนาน หากทำทำบัญชีที่ดินก็จะพบว่ามีไม่กี่ตระกูลที่มีที่ดินเยอะมากมาย และหลายพื้นที่มีจนลืมและกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า นโยบายที่สำคัญคือ เก็บภาษีทรัพย์สิน ภาษีมรดกอัตราก้าวหน้า ซึ่งมากกว่า ๕๓ ประเทศทั่วโลกใช้กฎหมายนี้ในการลดทอนความเหลื่อมล้ำเพื่อสร้างความเป็นธรรมทางสังคม
เรวดีช้างบุญชู (๒๕๕๒) เห็นว่า ในปัจจุบันไทยไม่มีการเก็บภาษีมรดก และไม่คิดว่าจะมีในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตามการวางแผนเรื่องทรัพย์สมบัติให้ทายาทเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้งในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความมั่นคงให้แก่บุตรหลานด้วย มีสิ่งสำคัญสองสิ่งที่ต้องเตรียมคือ พินัยกรรม และผู้จัดการมรดก โดยผู้จัดการมรดกนั้นควรเลือกเอาทนายความ หรือบุคคลอื่นที่ มิใช่ทายาทจะเหมาะกว่า สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ ควรอบรมสั่งสอนลูกให้ดีก่อนวางแผนแบ่งมรดกเพื่อให้เขาสามารถรักษาทรัพย์สินเหล่านั้นได้เมื่อเขาได้เป็นเจ้าของแล้ว [9]
+++++++++++++
อ้างอิงเพิ่มเติม
ASTVผู้จัดการออนไลน์, "ม.หอการค้าไทยแนะรัฐบาลเก็บภาษีมรดก-ทรัพย์สิน ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ", ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕, http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000138588
เครือข่ายวิชาการเพื่อการปฏิรูป, "ภาษีมรดกและข้อถกเถียง", ๒ มิถุนายน ๒๕๕๖,
http://v-reform.org/v-report/inheritance-tax-and-datate
สรรพากรสาส์น, "ภาษีมรดก (อีกครั้ง)???", http://www.sanpakornsarn.com/page_article_detail.php?aID=33
[1]มติชนรายวัน, "ผลศึกษาภาษีมรดกยุค 'ชวน-แม้ว' สมบัติข้าใครอย่าแตะ!", ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๕,
[2]Block OKnation, "ภาษีมรดก", พฤษภาคม ๒๕๕๐, http://www.oknation.net/blog/print.php?id=34759
[3]สัมภาษณ์เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๔.
[4]ข่าวหนังสือพิมพ์มติชนรายวันเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๔.
[5]ข่าวหนังสือพิมพ์มติชนรายวันเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๔๔, คำนูณ สิทธิสมาน, "ภาษีมรดก นโยบายที่ทุกพรรคไม่พูดถึง", ผู้จัดการออนไลน์, ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๔, http://www.manager.co.th/daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000071618
[6]MP Accounting & Law Office , "ภาษีมรดก'', ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๒.๒๒ น., https://www.facebook.com/MP.AccnLaw/posts/532548430090784
[7]ชมพูนุท โกสลากร เพิ่มพูนวิวัฒน์ และคณะ, "โครงการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับภาษีมรดกและผลได้จากทุน(2550)",
http://landforum.trf.or.th/attachments/article/33/PDF10-01.pdf
[8]เมธา มาสขาว, “เร่งเก็บภาษีอัตราก้าวหน้า สร้างสังคม-ประชาธิปไตยและรัฐสวัสดิการ”, ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (ชื่อบทความเดิม: รัฐบาลต้องเก็บภาษีทรัพย์สิน ภาษีมรดกอัตราก้าวหน้า อย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างสังคม-ประชาธิปไตยและรัฐสวัสดิการ) http://www.prachatai.com/journal/2009/02/20005
[9]เรวดีช้างบุญชู, "ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษีมรดก : ภาษีมรดก (Death duties)", ๒๗ มกราคม ๒๕๕๒.
http://politic-taxation-03.blogspot.com/2009/01/blog-post.html
คสช. เห็นด้วยเก็บภาษีที่ดิน-มรดก รอเสนอรัฐบาลชุดใหม่
โพสต์เมื่อ : 18 สิงหาคม 2557 เวลา 10:07:42
http://money.kapook.com/view95957.html
โดยภาษีที่ดินจะมีการปรับปรุงอั
วันนี้ (18 สิงหาคม 2557) แหล่งข่าวระบุว่า กระทรวงการคลังได้เปิดเผยถึ
คลอดร่างกม.ภาษีมรดก เกิน50ล้านหัก10% "มีชัย-วิษณุ"มือชง
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1408636229
updated: 22 ส.ค. 2557 เวลา 00:49:33 น., ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
จ่อคลอดกฎหมายภาษีมรดก หัวหน้า คสช.สั่ง "สรรพากร-กฤษฎีกา" ยกร่าง พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดกและภาษีการรับให้ ดึง "มีชัย-วิษณุ" นั่งเป็นกุนซือ ก่อนชง สนช.รับลูกต่อ ยึดแนวทางเก็บฝั่ง "ผู้รับ" ไม่เก็บจาก "กองมรดก" ชี้เป็นธรรมมากกว่า "ที่ดิน-เงินฝาก-หุ้น" โดนหมด แจง "รับให้" ก่อนตาย 2 ปีต้องเก็บภาษีด้วย เปิดโพยอัตราจัดเก็บ "รับ" มรดกไม่เกิน 50 ล้านบาท ยกเว้นภาษี ตั้งแต่ 50-200 ล้านบาทเก็บ 10% ส่วน 200 ล้านบาทขึ้นไป 20%