ฮักนะเชียงยืน 5


ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอในกลุ่มเเละนอกกลุ่มล้วนสำคัญทั้งหมด

เสนองาน ณ SCB

 

 

         การปรับเเผนใหม่ทั้งหมดจากการเปลี่ยนประเด็นใหม่ ปัญหาใหม่ เป็นสิ่งที่ฮักนะเชียงยืนได้เลือกความเหมาะสมจากการระดมสมองของทุกๆคนโดยมองว่าเมื่อได้ทำสิ่งนั้นๆ ไป เเก้ไขปัญหาสิ่งนั้นๆไป คนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่ชุมชนเเต่เป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่ง การเปลี่ยนประเด็นปัญหามาที่ "การเกษตรพันธะสัญญา" ถือว่าเป็นโจทย์ปัญหา "ที่หินที่สุด" นับตั้งเเต่ที่เคยพบเจอมาในชีวิต เลือกที่จะปรับพฤติกรรมด้านการทำเกษตรของชุมชน  เลือกที่จะปรับทัศคติของชุมชน  เลือกที่จะพัฒนาเยาวชนในชุมชน  เลือกที่จะอนุรักษ์ทรัพยากรดินในชุมชน เเละเลือกที่จะต่อสู้กับระบบเกษตรพันธะสัญญาด้วยเยาวชน การเเก้ไขปัญหานี้เป็นสิ่งที่ยากพอสมมควรในระดับเยาวชนที่ยิ่งเป็นเด็กนอกชุมชนยิ่งยากขึ้นไปอีกขั้นตามลำดับ "จิตอาสาไม่ได้จำกัดขอบเขต" ทุกคนสามารถช่วยกันได้ เเล้วทุกๆคนต้องช่วยกันดูเเลรักษาสิ่งที่เรามีอยู่นั้นให้ดีที่สุด ให้ลูกหลานเราได้เห็น  ให้ลูกหลานเราได้สำผัส คงไว้ให้มากที่สุด "ณ ตอนนี้มั่นใจว่าเราจะทำ มั่นใจว่าเราจะทำได้ในระดับหนึ่ง เเต่เราจะไม่สามารถบอกให้เขาเลิกทำได้ เพราะนั่นเป็นวิถีชีวิตของเขา" เเต่จะคอยกระตุ้นความคิดอยู่ในทุกขณะ ให้เขาใช้เคมีน้อยลงให้มากที่สุด จากการระดมสมองออกมา คือ เราต้องไปสร้างความตระหนักให้กับชาวบ้านให้มากที่สุด จึงเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน ว่าฮักนะเชียงยืนต้องเน้น ต้องคอยย้ำเตือนเขาตลอดช่วงที่พัฒนางาน กิจกรรมต่างๆมากมายที่วางเเผนกำหนดไว้นั้นมาจากการวิเคราะห์ "ความน่าจะใช้ได้" จึงได้ออกมาเป็นฟันเฟืองโมเดลของการพัฒนาต่างๆ

 

 

        การเปลี่ยนประเด็นปัญหาเพราะปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหาของชุมชนเเต่เป็นปัญหาส่วนบุคคล ต้องมีการชี้ให้ทางมูลนิธิกองทุนไทยรับรู้ว่า เราจะทำอะไร  จะทำอย่างไร ซึ่งทางมูลนิธิเปรียบเหมือนเป็นพี่เลี้ยงสำคัญที่คอยติดตามตลอดระยะเวลาทั้งโครงการ  ตอนนั้นนำเสนองานที่ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB โดยฮักนะเชียงยืนออกเดินทางไปอย่างครบครัน ด้วยรถตู้ของโรงเรียน  พอเดินทางมาถึงที่ SCB "ด้วยความที่คิดว่าไม่เคยมา ไม่เคยเห็น" การถ่ายรูปอยู่ทุกๆมุมนั้นจึงเป็นสิ่งธรรมดา "ที่เด็กบ้านนอกพึงกระทำ" เเกนนำที่ได้นำเสนองานนั้นมีประมาณ 3 คนด้วยกัน  จากที่หลายๆกลุ่มได้นำเสนอได้ดี "จึงคิดกดดันตนเองอยู่นิดๆ" เพราะไม่ค่อยคุ้นชินกับการนำเสนอในระดับนี้ เเต่การนำเสนอเป็นเพียงการบอกกล่าวให้ภายนอกได้รับรู้ในสิ่งที่เราพึงกระทำในโครงการ ไม่ได้เป็นการดำเนินงาน เเต่เป็นขั้นของการคุยกันก่อนการดำเนินงานที่สำคัญ  

        การนำเสนอเพื่อการเเลกเปลี่ยนเเล้วน้อมรับข้อเสนอเเนะ เพื่อที่จะไปพัฒนางานของตนเองให้ตรงตามเป้าประสงค์ที่มองไว้มากที่สุด ในครั้งนั้น เมื่อฮักนะเชียงยืนนำเสนอไปสักระยะหนึ่งพอขึ้นมาถึงฟันเฟืองโมเดล อ.ศศิน  เฉลิมลาภพูดขึ้นมาว่า "ฟันเฟืองนี้ใครทำให้  ไม่ได้ทำเองใช่ไหม" ซึ่งเป็นคำถามที่ถือว่า "รุนเเรง" เป็นอย่างยิ่งเพราะสิ่งนี้ได้มาจากการระดมสมองของทุกๆคน เด็กคนหนึ่งตอบไปว่า "ฟันเฟืองนี้ผมเเละเพื่อนคิดเองครับ ครูเป็นผู้ผลักดันเเละเเนะนำเท่านั้น" เเล้วอ.ศศิน บอกอีกว่า "โจทย์นี้เป็นโจทย์ที่ยาก เเล้วจะคอยดู" เเล้วยังมีอาจารย์ท่านหนึ่งบอกไว้ว่า "ควรให้งานนี้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นด้วยการเอาตัวเลขต่างๆมาใช้ให้ชี้ชัดเข้าไปอีกว่ามันเป็นอย่างไร"หลังจากการนำเสนอ คณะกรรมการทุกท่านมีคำถามน้อยมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเเปลกเพราะทุกกลุ่มที่ผ่านมาคำถามของคณะกรรมการมักจะมีคำถามที่เยอะพอสมควร จึงมาใคร่ครวญย้อนหลังว่า สิ่งที่คะณะกรรมการมีคำถามน้อยนั้นมี 2 กรณีด้วยกัน คือ เข้าใจดี และไม่เข้าใจ เข้าใจดีเพราะอธิบายได้อย่างครอบคลุมไม่กำกวม ไม่เข้าใจเพราะอธิบายได้ไม่เข้าใจ เเต่ถึงอย่างไรในเรื่องของข้อเสนอเเนะที่มีนั้นต้องไประดมสมองช่วยกันอีกว่าสิ่งนั้นเหมาะสมไหม เหมาะสมอย่างไร อีกครั้งหนึ่ง

 

 

         เสื้อตัวที่ 3 ของฮักนะเชียงยืนที่มีตราฮักนะเชียงยืนอย่างเป็นทางการ บ่งบอกว่า "เราพร้อมเเล้ว พร้อมที่จะพัฒนางาน" ซึ่งเด็กคนหนึ่งในกลุ่มได้วาดไว้ในโปรเเกรมในระดับง่าย ซึ่งจากสัญลักษณ์นี้จะเห็นได้ว่ามีเด็กคนหนึ่งกำลังรดน้ำพรวนดินต้นโลกให้เจริญเติบโต หมายความว่า "เราพร้อมที่จะปลูกโลกใบใหม่  ใบสีเขียวนี้ขึ้นมา" พร้อมทั้งคอยปลูกใจคนทั้งหลายให้หันมารักษ์โลกของเรานี้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

 

         ข้อคิดเห็นที่ไม่ว่าจะเป็นทัศนะในเเง่บวกหรือทัศนะในเเง่ลบนั้น ล้วนจำเป็นต่อการพัฒนางานทั้งสิ้น เพราะทุกข้อคิดเห็นนั้น ทุกข้อเสนอเเนะนั้นนับได้เป็นเป็นปัจจัยภายนอกที่เขาเห็นเราได้อย่างชัดเจน อาจเปรียบได้กับเมื่อเรามองคนอื่นๆเราจะมองเห็นเขาได้หมดทั้งตัวเเต่เมื่อเราได้มามองดูตนเองเเล้วเราไม่สามารถมองเห็นตนเองได้หมดทั้งตัวได้ ข้อเสนอเเนะจากภายนอกนั้นยิ่งสำคัญที่เราต้องพึงคิดปรับให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา   การพัฒนาจะขาดข้อเสนอเเนะไม่ได้เพราะการพัฒนากับข้อเสนอเเนะเป็นสิ่งที่ควบคู่กัน การที่เราจะพัฒนาสิ่งใดนั้นได้เพราะสิ่งนั้นมีจุดด้อย จุดด้อยนี้จึงเป็น ข้อเสนอเเนะที่จะทำให้เราพัฒนาไปตลอดเวลา ข้อเสนอเเนะนี้เป็นเเสงนำทางให้ก้าวเดิน ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอในกลุ่มเเละนอกกลุ่มล้วนสำคัญทั้งหมด ที่จะเป็นประโยชน์ต่อโครงการเเละต่อฮักนะเชียงยืน...

 

 

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 555727เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2013 08:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 ธันวาคม 2013 08:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท