ผมได้รับแจกหนังสือ อังคาร กัลยาณพงศ์ กลับบ้านเกิด จาก นพ. บัญชา พงษ์พานิช เมื่อวันที่ ๔ ต.ค. ๕๖ ได้อาศัยวันว่างสุดสัปดาห์ ที่ความเจ็บป่วยช่วยให้มีเวลาอ่านหนังสือ ได้อ่านหนังสือจบหลายเล่มในเวลา ๒ วัน รวมทั้ง อังคาร กัลยาณพงศ์ กลับบ้านเกิด เล่มนี้ด้วย
เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นฉลองการนำอัฐิของ อังคาร กัลยาณพงศ์ กลับไปบรรจุไว้กับอัฐิของพ่อแม่และพี่สาว ณ วัดท่าโพธิ์ นคนศรีธรรมราช ดังอ่านเรื่องราวได้ที่นี่ และ ที่นี่
อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว เห็นได้ชัด ว่าชีวิตของศิลปินใหญ่เป็นชีวิตของคนพิเศษ ที่สมองแตกต่างจากคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องอารมณ์ และการให้คุณค่า มีความละเอียดอ่อน และในหลายคนมีความรุนแรง เป็นตัวของตัวเอง ไม่เหมือนใคร ซึ่งอาจนำไปสู่ความยุ่งยากในชีวิต อย่างที่อังคาร กัลยาณพงศ์ ประสบในช่วงชีวิตตอนต้น
ตรงกับคำที่พูดกันทั่วไปถึง “อารมณ์ศิลปิน”
แต่มีแค่อารมณ์อย่างเดียวคงไม่ยิ่งใหญ่ ต้องลงมือสร้างผลงานเป็นหลัก และผมเดาว่า ต้องผ่านการฝึกฝนปรับปรุงฝีมือยาวนาน พร้อมกับฟันฝ่าการวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งชมและติ ทั้งเบาๆ และรุนแรงชนิดสาดเสียเทเสีย ต้องอดทนฟันฝ่าด่านต่างๆ มาได้ พร้อมกับปรับปรุงฝีมือ ให้พอดีระหว่างความจัดจ้านภายใน กับรสนิยมของคนทั่วไป
ผมนึกถึงหนังสือ Outliers ของ Malcolm Gladwell ที่ผมเขียนข้อเรียนรู้ไว้ ที่นี่
การมีสมองพิเศษ ดื่มด่ำบางผัสสะ ทำให้สร้างสรรค์งาน ที่ตนคลั่งใคล้ใหลหลงได้เป็นพิเศษ รวมทั้งมีโอกาสฝึกฝนเคี่ยวกรำตนเอง อย่างอดทนและยาวนานพอ ซึ่งหมายความว่า เขาต้องสามารถแหวก “ม่านประเพณี” หรือข้อกำหนดเดิมๆ ไปสู่วิถีหรือแนวทางใหม่ที่เป็นตัวของตัวเอง
อังคาร กัลยาณพงศ์ มีลักษณะเช่นนั้น ถึงขนาดพ่อขึ้นรถไฟไปเยี่ยมที่กรุงเทพด้วยความเป็นห่วงลูกชาย และเมื่อพบหน้า เห็นลักษณะท่าทางการแต่งกายของลูกแล้ว อังคารก็ต้องอธิบายยืนยันต่อพ่อว่า ตนเองไม่ได้บ้า
ศิลปินเอกของโลกหลายคน ชีวิตแร้นแค้นยากจน เพราะผลงานไม่เป็นที่นิยม บางคนตายไปแล้วเป็นร้อยปี จึงมีชื่อเสียงจากผลงาน อังคาร กัลยาณพงศ์ ยังโชคดี ที่ผลงานเป็นที่ยอมรับอยู่เป็นเวลานาน ในช่วงที่ดำรงชีวิตอยู่
อังคาร เป็นศิลปินที่พิเศษตรงเป็นเลิศทั้งด้านทัศนศิลป์ และวรรณศิลป์ (เป็นกวี) แต่ดูท่านจะชอบสร้างผลงานกวีมากกว่า
วิจารณ์ พานิช
๖ ต.ค. ๕๖
ไม่มีความเห็น