ดวงประทีปแห่งเเรงบันดาลใจ ๑๑


การมองโลกในแง่ดีเปรียบเหมือนกับ “เครื่องประดับใจ” ที่จะคอยเป็น เกราะคุ้มกันเราจากภายในใจ เมื่อเรามีความทุกข์และไม่สะบายใจ.... ให้มองในแง่บวกเข้าไว้นั่นล่ะดี

เครื่องประดับใจ

          การที่เราจะทำสิ่งใดสักอย่างในชีวิตสิ่งแรกๆที่เราควรจะต้องมี คือ ความเชื่อว่าเราจะสามารถทำสิ่งนั้นได้ ที่ความเชื่อนี้เป็นทัศนคติในทางบวก หรือเป็นการคิดในแง่บวกไปว่าสิ่งๆนั้นต้องสำเร็จแน่นอน ถ้าเราลองลึกเข้าไปอีกว่า ความเชื่อนั้นที่เรามั่นใจในสิ่งนั้นที่ได้ทำมันเกิดมาจากอะไร ?  แล้วทำไมเราต้องเชื่อ ซึ่งบางคนได้ถามตนเองอยู่บ่อยครั้งในคำถามดังกล่าว  “คำตอบที่ผุดขึ้นจากหัวของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน” เช่น “ฉันเชื่อเพราะฉันทำสิ่งนั้นดีที่สุดแล้ว” หรือ “ฉันเชื่อเพราะฉันรักในสิ่งนั้น” หรือ “ฉันเชื่อมั่นว่าฉันทำได้เพราะฉันเป็นคนลงมือทำ” แล้วเมื่อได้ทำสิ่งนั้นๆไปแล้วคนส่วนใหญ่มักจะพูดปลอบใจตนเองว่า “เราทำดีที่สุดแล้ว” แต่ในอีกหลายๆคนกลับพูดว่า “ทำไมนะฉันถึงทำไม่ดีเลย” กลับคร่ำครวญเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งการคร่ำครวญนี้เป็นการมองในแง่ลบและจะทำให้เราเสียสุขภาพจิตไปในที่สุด ที่ตนเองเป็นผู้ทำให้ตนเองเสียสุขภาพจิตไปเสียเอง...มีหลายคนกล่าวมา “เพียงเรามีความเชื่อเราก็จะสามารถทำได้” ขอเพียงแค่เราเชื่อว่าเราสามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มต้น เท่ากับเรามัพลังใจในการกระทำสิ่งนั้นต่อไปอย่างไม่ลดละ “การเริ่มต้นที่ดีเท่ากับสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง” ขอเพียงเราเริ่มต้นได้ดีในการทำสิ่งนั้นๆและที่สำคัญจำต้องมีความเชื่อว่าเราสามารถทำได้  จะทำให้เราทุกคนมีเครื่องประดับทางใจที่ทรงคุณค่าต่อการรักษาให้คงอยู่...

          เครื่องประดับใจเป็นเหมือนดั่งความเชื่อในแง่ดี ที่เราควรจะมองอยู่เป็นประจำ  การมองโลกในแง่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข  การมีความเชื่อในแง่ดีที่นอกจากเราจะมีความเชื่อในตนเองแล้วเราต้องมีความเชื่อใน  ครอบครัว  เพื่อน  น้อง  พี่  และคนร่วมงาน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นบุคคลภายนอกด้วย “แต่จะทำยังไงล่ะที่เชื่อในทางบวกได้” การเชื่อในทางบวกเป็นแง่คิดที่เราทุกคนสามารถฝึกกันได้   การคิดสามารถฝึกกันได้ โดยเราไม่ต้องไปฝึกที่ไหนแต่ให้ฝึกที่ภายในของเราเท่านั้นโดยการหัดมองเหตุการณ์ต่างๆนานาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอาจพูดกับตนเองว่า “สักวันเราจะสามารถทำได้” หรือ “สิ่งนั้นที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดไปอีกหน่อยความโชคดีก็จะเข้ามา” สิ่งที่ยากที่สุด คือ ความเชื่อในทางดี หลายคนเชื่อในตนเองมาก มีความมั่นใจมาก   แล้วหลายคนเชื่อใจตนเองน้อยมาก   มีความมั่นใจในตนเองน้อยมาก  แล้วในอีกหลายๆคนที่เชื่อใจเพื่อนมาก หรือไม่เชื่อเลย ซึ่งปัญหาที่กล่าวมาเป็นปัญทางใจทั้งสิ้น ที่เราสามารถที่จะฝึกการมองโลกในแง่ดีนี้เราสามารถฝึกได้ตลอดด้วยตัวตนของตัวเอง แต่เรื่องราวต่างๆที่อยู่ในบริบทที่ไม่ดีก็ใช่ว่าเราจะมองในแง่ดีไปทั้งหมด อาจมีแง่ลบบ้าง แต่ให้คำนึกถึงแง่บวกเป็นหลัก  คนที่ฝึกคิดในแง่บวกเป็นหลักจะเกิดกลายเป็นคนที่มักมองโลกในแง่ดี แล้วคนนั้นจะมีสุขภาพจิตที่ดีเปรียบเหมือน “เกราะทางความคิด” ที่อยู่ติดตามตัวเราไปตลอกเวลาทำให้เมื่อเกิดเรื่องราวต่างๆนานาขึ้นในชีวิต เกราะนั้นจะทำงานแล้วสั่งเราอัตโนมัติว่าสิ่งนั้นจำต้องดี...

        ความคิดในแง่ดี   ความเชื่อในแง่ดี ไม่ได้เกิดอยู่ที่ไหนแต่เกิดอยู่ที่ใจที่เราจะมอง  โดยลองมองในแง่ดี โดยเราลองมองในแง่ดีสักหลายๆเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  ชีวิตเราที่ดำเนินอยู่ทุกๆวันไม่ได้มีเพียงเรื่องความสุข แต่ถ้าเราลองมองอย่างนุ่มลึกเข้าไปแล้วเราอาจมองว่าชีวิตคนเรามีแต่ความทุกข์ขึ้นอยู่กับว่าเราจะอยู่กับความทุกข์ยังไงให้เราสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข   การมองโลกในแง่ดีเปรียบเหมือนกับ “เครื่องประดับใจ” ที่จะคอยเป็น เกราะคุ้มกันเราจากภายในใจ เมื่อเรามีความทุกข์และไม่สะบายใจ.... ให้มองในแง่บวกเข้าไว้นั่นล่ะดี

 

*ขอขอบคุณภาพสวยๆจาก cherryblossom.tarad.com

 

     

 

หมายเลขบันทึก: 554697เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2013 19:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2013 19:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ่านบันทึกนี้แล้วรู้สึกชื่นชม และดีใจนะคะ

ก้าวต่อไปอย่างมีสติ เป็นกำลังใจให้

เยี่ยมมากค่ะ

ขอขอบคุณมากๆ... สำหรับคำติชมข้างต้นครับ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท