วันนี้ผมเตรียมไปเยี่ยมชื่นชมสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว อย่างเต็มที่ เพราะผมเชื่อว่าสถาบันครอบครัวมีความสำคัญสูงยิ่ง เรามีสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็งกว่าสังคมตะวันตกมาก เราต้องรักษาไว้และเสริมสร้างให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ยิ่งเรื่องเด็กและเยาวชน ผมยิ่งมีแนวคิดเชิงปฏิบัติที่จะไปชวนสถาบันฯ ดำเนินการ คือเรื่องการพัฒนาเด็กและเยาวชนผมมองว่าเราต้องให้เยาวชนเป็นกำลังพัฒนา ไม่ใช่เน้นที่การเป็นผู้รับการพัฒนาที่ทำโดยผู้ใหญ่
การเป็นสถาบันแห่งชาติเป็นลักษณะเฉพาะที่เป็นทั้งความภาคภูมิใจ ความกังวลใจ เนื่องจากเป็นความคาดหวังของสังคม ประชาคมนักวิจัย นักวิชาการ ส่วนราชการทั่วไป ว่าจะมีความพร้อม ความยิ่งใหญ่ เป็นที่พึ่งพาของภาคีเครือข่าย และหน่วยงานต่าง ๆ
สถาบันได้ตระหนักถึงภารกิจของความเป็นสถาบันแห่งชาติที่สำคัญ จึงมีแนวความคิดที่จะต้องได้คำตอบและพัฒนาแนวความคิด เพื่อที่จะให้มนุษย์ได้รับการพัฒนาตั้งแต่ปฏิสนธิ จนถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต และได้กำหนดมาเป็นปรัชญาการทำงาน เพื่อการพัฒนาเด็ก เยาวชน และครอบครัวให้เต็มศักยภาพในทุกด้าน เพื่อสร้างชีวิตที่เป็นประโยชน์ให้กับชุมชนและโลก และเพื่อตอบสนองภารกิจดังกล่าว ด้วย
การกำหนดยุทธศาสตร์การทำงานเชื่อมโยงระหว่างการแสวงหาองค์ความรู้ (Research) การพัฒนาองค์ความรู้ ( Development ) และการขับเคลื่อนองค์ความรู้สู่สังคม (Movement & Management) และได้กำหนดกรอบการทำงานในขอบข่ายการพัฒนาการของเด็ก การพัฒนาด้านครอบครัวและสังคมที่มีผลต่อการพัฒนาการของเด็กเรื่องสิทธิ กฎหมาย นโยบาย
โดยหลักการแสวงหาความรู้ของสถาบัน จะมุ่งเน้นความสำคัญต่อองค์ความรู้ในการพัฒนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว ตามช่วงวัยและสภาพสังคม การนำความรู้ที่มีอยู่มาพัฒนา ถ่ายทอดอย่างเป็นระบบและการบูรณาการในเชิงสหวิทยาการ และเชื่อมโยงกับการแสวงหาและพัฒนาการขับเคลื่อนองค์ความรู้ ซึ่งเป็นการขยายต่อความรู้สู่สังคม เพื่อให้สังคมเกิดความเข้มแข็ง การสร้างประชาคมวิจัยและพัฒนา อีกทั้งยังหมายถึง การผลักดันความรู้ในรูปของยุทธศาสตร์ให้กับภาคีเครือข่าย
สถาบันมีจุดเด่นของการทำงานที่มีลักษณะผสมผสานระหว่างสหวิทยาการและสหวิชาชีพ ดังนี้
๑. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสมอง เพื่อให้การเรียนรู้สอดคล้องกับการพัฒนาตามภาวะ แต่ละวัยของเด็ก
๒. การบูรณาการงานวิชาการ และบุคลากร โดยการเน้นพื้นฐานของสหวิทยาการ และสหวิชาชีพ
๓. การมีส่วนร่วมของเด็ก เยาวชน และครอบครัว ทั้งในกระบวนการวิจัย พัฒนา และขับเคลื่อนองค์ความรู้ งานวิจัยบนพื้นฐานของสังคมไทย
๔. การจัดการความรู้สู่สังคมทั้งภาคสังคม ภาคนโยบาย ภาคเอกชน และภาควิชาการ งานวิจัย ใช้ได้จริง
๕. การแปรรูปงานประจำถึงงานวิจัย ( R to R) เพื่อให้งานย่อย เอื้ออำนวยต่องานประจำ ในลักษณะเหรียญ ๒ ด้าน
๖. การสร้างประชาคมวิจัยและพัฒนาซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างกลไกการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
๗. การเป็นหน่วยบริการความรู้เคลื่อนที่ และสร้างความรู้ให้ถึงชุมชน และสังคมในทุกทุกพื้นที่
ในภาพรวมสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว จึงมีภาพความคาดหวังว่าสังคมไทยในอนาคตจะมีสุขภาวะที่ดี คนไทยทุกคนมีความดีงาม มีคุณธรรม มีความสุขที่พอเพียง และมีความสามารถในการพัฒนาประเทศสู่ความรุ่งเรืองด้วยธรรมนาวา
ผมเตรียมไปชวนสถาบันฯ ทำงานร่วมกับ สคส. ในการพัฒนาเยาวชนแนวใหม่
วิจารณ์ พานิช
๒๔ ตค. ๔๙
เรียน อาจารย์วิจารณ์ที่เคารพ
ในส่วนของสื่อเพื่อเด็ก ในสถาบันเด็ก ตอนนี้เราเริ่มทำงานกับกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเด็ก เยาวชนและครอบครัว เช่น มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว สภาเยาวชนแห่งประเทศไทย รวมทั้ง ประชาคมในพื้นที่ต่างๆที่มีความเข้มแข็งเพื่อต่อยอดในการทำงาน คิดว่า น่าจะเป็นแนวทางในการทำงานด้านการพัฒนาสื่อเพื่อเด็กได้นะครับ
แต่ส่งที่ยังไม่ได้ทำ และพยายามจะเร่มทำก็คือ การประชุมร่วมเพื่อถอดบทเรียนความสำเร็จขององค์กรต่างๆ
จะเร่งทำเพื่อค้นหาข้อเด่นใกนารต่อยอดครับ
ด้วยความเคารพอย่างสูง