จดหมายถึงแม่ ฉบับที่ ๘


                                              

                                                                                 เมืองเชนไน,  ประเทศอินเดีย

                                                       ๕ ธันวาคม  ๒๕๕๒

กราบเท้ามายังคุณแม่ที่เคารพอย่างสูง

          คุณแม่อยู่ทางบ้านเราคงสบายดีนะครับ  ส่วนผมอยู่ทางนี้ก็สบายดีเช่นเดิม  คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง  พี่ ๆ และหลาน ๆ คงสบายดีกันทุกคนนะครับ  พอดีวันนี้เป็นวันพ่อผมเลยอยากเขียนจดหมายมาพูดคุยกับคุณแม่และพี่ภาณีสักหน่อย  และในตอนเย็นของวันนี้ผมก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวามหาราช ซึ่งทางสถานกงศุลใหญ่ของไทยประจำเมืองเชนไน ได้จัดขึ้นที่โรงแรมเอเชียน่า โดยผมก็จะเดินทางไปร่วมงานกับอาจารย์ประยูร ๒ คน ในฐานะตัวแทนนักศึกษาไทยมหาวิทยาลัยมัทราสและชมรมศิษย์เก่ามหาจุฬาฯ

          สำหรับเรื่องการเรียนของผมตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร  ซึ่งเมื่อวานนี้ผมก็ได้ส่งงานวิทยานิพนธ์บทใหม่ที่ผมเขียนเสร็จให้กับอาจารย์ที่ปรึกษาเรียบร้อยแล้ว โดยมีจำนวนหน้าทั้งหมด ๗๑ หน้า  คาดว่าอาจารย์ที่ปรึกษาจะใช้เวลาในการตรวจแก้ให้ผมประมาณ ๒๐ วัน  เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมจึงเริ่มหาข้อมูลเพื่อจะเขียนบทที่ ๔ จากทั้งหมดจำนวน ๖ บท  เพราะฉะนั้นจึงขอให้คุณแม่และพี่ภาณีสบายใจในเรื่องการเรียนของผม  แต่ที่ผมหนักใจอยู่ตอนนี้คือเรื่องการเรียนของคนอื่น  เพราะนักศึกษาไทยที่เรียนอยู่ที่นี้ต้องช่วยเหลือกัน เมื่อใครมีปัญหาคนอื่นก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือแก้ปัญหาให้ เป็นระบบรุ่นพี่ช่วยเหลือรุ่นน้อง  ซึ่งที่ผ่านมามีนักศึกษารุ่นน้องเข้ามาสมัครเรียนปริญญาเอก ๒ คน ท่านแรกเป็นพระภิกษุจบจากมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยไมซอร์  ผมก็ช่วยเดินเรื่องให้ทุกขั้นตอนจนขณะนี้ท่านก็ได้รับแอดมิดชั่นเรียบร้อยแล้ว  แต่อีกคนหนึ่งเป็นฆราวาส จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในเมืองไทยทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท ได้รับทุนการศึกษาของรัฐบาลอินเดีย (ทุน ICCR ) ได้อาจารย์ที่ปรึกษาเรียบร้อยแล้ว  ขั้นตอนอื่น ๆ ผมก็ช่วยดำเนินการให้ ตอนแรกก็ไม่มีปัญหาแต่ตอนหลังเขามีปัญหามากเพราะเป็นนักเรียนทุน และไม่ได้จบปริญญาโทในประเทศอินเดีย  นี่ผ่านมาห้าเดือนแล้วก็ยังไม่ได้รับแอดมิชชั่นเลย  ผมในฐานะคนช่วยเหลือมาแต่แรกก็พลอยรับกรรมไปด้วย  ตอนนี้ก็ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร

            มาพูดถึงเรื่องทางบ้านบ้าง  ตอนนี้คุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง มีปัญหาด้านสุขภาพหรือเปล่า  อย่างไรก็ตามคุณแม่ก็ไม่ควรตรากตรำทำงานให้ลำบากร่างกาย  เมื่อคุณแม่ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี นั่นก็จะเป็นการช่วยเหลือลูก ๆ เพราะพวกเราก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงหรือกังวลใจกับคุณแม่ จะได้ทุ่มเทให้กับการทำหน้าที่การงานของตัวเองให้เต็มที่  ถ้าคุณแม่จะช่วยเหลือลูก ๆ ก็ขอให้ช่วยด้วยการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของตนเองให้ดีที่สุดก็พอแล้วครับ

             เรื่องต่อมาที่ผมอยากจะพูดคือเรื่องนัท  ตามที่ผมฟังปัญหามาจากพี่ภาณี  ผมคิดว่าปัญหาของนัทตอนนี้คือการปรับตัวเข้ากับสังคม  ที่พี่ภาณีเล่าว่าเขาไม่ชอบพูดจาหรือสุงสิงกับใคร ๆ ที่บ้านเรา นั่นเป็นเพราะว่าเขารู้สึกแปลกแยกจากสังคมที่บ้านเกิด  เพราะตอนนี้เขามีสังคม ๒ สังคม คือ สังคมในเมืองที่เขาเรียนอยู่และสังคมชาวบ้านที่เขากำเนิดและเติบโตมา  ทั้งสองสังคมมีความแตกต่างกันมาก และเขาจำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับทั้งสองสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับเด็กวัยรุ่น  เขาจึงเกิดความสับสน  และตอนนี้เขาพยายามจะปรับตัวเข้ากับสังคมชาวเมือง และออกจากสังคมเดิมแบบชาวบ้าน  เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ชอบพูดคุยกับใครที่บ้าน  ซึ่งคุณแม่และพี่ภาณีไม่ต้องไปบังคับเขาหรอกครับ เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดและหนักใจเปล่า ๆ ขออย่างเดียวว่าเขาไม่ทอดทิ้งพ่อแม่พี่น้องและคนในครอบครัวก็เพียงพอแล้ว อย่าบังคับให้เขาทำตัวเป็นที่รักของคนบ้านเราเลย  เพราะมันจะทำให้เขาประสบปัญหากับการปรับตัวเข้ากับสังคมเมือง และจะทำให้เขาประสบกับความล้มเหลวในการเรียนเพราะปรับตัวเข้ากับสังคมในเมืองไม่ได้  อย่างที่พูดไปแล้วคือ เราขอเขาอย่างเดียวง่าย ๆ คือ ขอให้เขาเป็นคนดี มีความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นที่รักของคนในครอบครัวก็เพียงพอแล้ว

 

          อีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะเล่าให้คุณแม่ฟัง คือเรื่องที่ผมเดินทางไปกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของประเทศอินเดีย  เมื่อวันที่ ๒๒-๓๐ เมษายนที่ผ่านมา  การเดินทางครั้งนี้ผมไปคนเดียวตามคำชักชวนของอาจารย์มนตรี  วิวาห์สุข  อาจารย์มนตรีเรียนจบมหาจุฬาฯ รุ่นเดียวกับผมและเคยทำงานเป็นคณะกรรมการนิสิตมาด้วยกัน  ท่านมาเรียนต่อปริญญาโทที่มัทราส คริสเตียน คอลเลจก่อนผม ๒ ปี หลังจากจบปริญญาโทแล้วท่านก็กลับไปสอบชิงทุนรัฐบาลอินเดีย  ได้ทุนการศึกษาไปต่อปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเยาวหราล เนห์รู ที่กรุงนิวเดลี   ซึ่งท่านก็เขียนวิทยานิพนธ์จบเรียบร้อยแล้ว และจะยื่นวิทยานิพนธ์ต่อมหาวิทยาลัยภายในเดือนสองเดือนนี้  ท่านจึงชวนผมไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยที่ท่านเรียน  เมื่อผมไปถึงกรุงนิวเดลีอาจารย์มนตรีก็พาเที่ยวชมสถานที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หรือโบราณสถานอย่างหอสูงกุตุป มีนาห์ที่ก่อสร้างโดยกษัตริย์มุสลิมคนแรกของอินเดียคือ กุตุป บักดิน ไอบัก  ขณะเดียวกันผมก็ได้พักอยู่กับท่านภายในหอพักของมหาวิทยาลัย  ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับนักศึกษาไทยที่มาเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเยาวหราล เนห์รู (JNU) ผมรู้สึกประทับใจมหาวิทยาลัยแห่งนี้มากและคิดเอาไว้ว่าในวันข้างหน้าอาจจะส่งลูกหลานมาเรียนที่นี้  เพราะค่าใช้จ่ายไม่แพงนักและระบบการศึกษาดีเยี่ยม ขออย่างเดียวว่าต้องเก่งภาษาอังกฤษ  หลังจากนั้นอาจารย์มนตรีก็พาผมเดินทางไปที่เมืองธรรมศาลา (Drarmasala) ซึ่งเป็นที่ประทับขององค์ดะไลลามะ ผู้นำสูงสุดของชาวธิเบต  ได้ไปสัมผัสพระพุทธศาสนานิกายวัชรยานแบบธิเบต  ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ผมได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจมาก ผมเดินทางกลับเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ถึงเชนไนวันที่ ๒ พฤษภาคม ที่ผ่านมา

             สุดท้ายนี้ผมก็ไม่มีอะไรมาก  ขออ้างอิงเอาคุณพระศรีรัตนตรัย คือคุณพระพุทธ คุณพระธรรม และคุณพระสงฆ์ขอจงมาช่วยอภิบาลรักษาให้คุณแม่มีแต่ความสุขทั้งทางกายและจิตใจ  มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ปราศจากโรคาพยาธิทั้งปวง  ขอให้คุณพี่และหลาน ๆ ทุกคน จงมีแต่ความสุขความเจริญ ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปราถนาอันประกอบด้วยธรรมทุกประการ

 

ด้วยความรักและเคารพอย่างสูง

บรรพต   แคไธสง

หมายเลขบันทึก: 554285เขียนเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2013 11:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม 2019 16:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอพรยังผู้สร้างพระพุทธเจ้า สร้างธรรมชาติให้พระพุทธเจ้าเสพ เพื่อเติบโตขึ้นมาได้ นั้น

จงประสาทพรแด่ ด็อกเตอร์ทุกๆท่าน และขออภัยโทษในการก่อเนรคุณ ขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ปทนพวกเขาเหล่านั้นบนแผ่นดินไทย

ประสาทพร แด่พ่อแม่เขาทุกๆท่าน. ขอให้อัลลอฮ์ ทรงพิจารณาคดีความตามพระประสงค์

เราก็ขอให้กับพ่อแม่ของพวกเขาด้วยเถิด

ขอฯอัลลอฮัน ทรงประทานความรู้ความเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาจิตของพวกเขา ให่มีความกตัญญูเท่าเทียมกันทั้งโลก ขอฯประทานสิ่งเสพ อย่างสมดุลพอเพียงต่อมนุษยชาติเฉกที่เคยประทานให้ โมเสส สิถถะ เยซู มูฮัมมัด พ่อแม่บรรพบุรุษของข้าพเจ้า ของคุณบรรพต ของมนุษยชาติทุกๆคน ที่เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดอาดัมด้วยเถิด

และ สันติสุข(อิสลาม) จะล้นโลก ตามที่ดำเนินมา เพราะเพียง1400กว่าปีเท่านั้น สันติธรรมนี้ มีผู้จำนนไปแล้วมากกว่า 4000ล้านคน จากมนุษย์6500ล้านคต ไปแล้ว. แม้แต่คนดีๆ ที่เรามั่นคงว่าเขาดีจริง ยังรับ "อิสลาม" เลย พระพุทธเจ้าก็คือคนดี ไม่ปฎิเสธในธรรม ยังรับสันติธรรม(อิสลาม)เลย.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท