อินเทอร์เน็ต( Internet )
อินเทอร์เน็ตคือ
อินเตอร์เน็ตก็คือระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่คอมพิวเตอร์ในแต่ละเครื่องสามารถติดต่อกันได้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดทั่วโลกโดยมีการใช้มาตรฐานการเชื่อมโยงโปรโตคอลเดียวกันคือ TCP/IP เพื่อให้คอมพิวเตอร์สื่อสารกันได้นั้นเอง
ประวัติอินเตอร์เน็ต
อินเตอร์เน็ตถือกำเนิดขึ้นในปีพ.ศ. 2512 โดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐเมริกาเพื่อใช้ในการทางทหาร ซึ่งได้มีการเชื่อมต่อกันภายในมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัย 4 แห่งคือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียแห่งลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนียแห่งซานตาบาร์บารา มหาวิทยาลัยยูทาห์ และสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จึงเกิดเครือข่ายที่ชื่ออาร์ปาเน็ต และได้มีการรวมกับเครือข่ายอื่นๆจนเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า อินเตอร์เน็ตนั่นเอง
อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
ประเทศไทยเริ่มมีการใช้อินเตอร์เน็ตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการติดต่อเชื่อมโยงโดยสายโทรศัพท์ ซึ่งในปีถัดมามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ยื่นขอที่อยู่อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย โดยได้รับที่อยู่อินเทอร์เน็ต Sritrang.psu.th ซึ่งนับเป็นที่อยู่อินเทอร์เน็ตแห่งแรกของประเทศไทยและต่อมาในปีพ.ศ.2534 บริษัท DEC ( Thailand ) จำกัดได้ขอที่อยู่อินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ประโยชน์ภายในของบริษัท ต่อมาในปี พ.ศ.2535 สถาบันวิทยบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เช่าวงจรสื่อสารแห่งประเทศไทยซึ่งถือเป็นการใช้งานอินเทอร์เน็ตชนิดเต็มรูปแบบตลอด 24 ชั่วโมงของเมืองไทยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ยุคของอินเตอร์เน็ต
ยุคของอินเตอร์เน็ตประกอบด้วยกันทั้งหมด 3 ยุค ซึ่งในปัจจุบันนั้นอินเตอร์เน็ตที่ใช้ยังอยู่ในยุคที่2 นั้นคือ เป็นยุคของการเชื่อมต่อเพื่อสื่อสารระหว่างบุคคลกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งเทคโนโลยีทีเกิดในยุคนี้คือ เว็บ (Web หรือ World Wide Web) นั้นเองเพื่อที่จะให้ผู้คนวามารถติดต่อสื่อสารกันได้ในระยะไกลอย่างเป็นระบบนั้นเองเช่น ระบบสั่งซื้อสินค้า ที่www.Amazon.com การสนทนาเช่น www.Facebook.com เป็นต้น
การทำงานของอินเตอร์เน็ต
การทำงานของอินเตอร์เน็ตจะทำการเชื่อมต่อด้วยโปรโตคอลที่เป็นมาตรฐานสำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คือ TCP/IP ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารจะมีเลข IPAddress อยู่ซึ่งตัวเลขจะมีการจัดแบ่งเป็นส่วนๆแต่ก้อมีข้อจำกัดอยู่ที่ว่าถ้ามีเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ในเครือข่ายที่มากที่จะยากต่อการจดจำดังนั้นจึงมีการใช้ระบบโดเมนเนมมาใช้ในการตั้งชื่อเป็นตัวอักษรแทน IP Address เพื่อง่ายต่อการจดจำ
บริการบนอินเตอร์เน็ต
ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต
ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ตมีอยู่ด้วยกันหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็น ทางการศึกษาเช่น การสืบค้นข้อมูล ทางการพาณิชย์หรือธุรกิจ เช่นการซื้อ-ขายออนไลน์ ทางความบันเทิงเช่น การดูหนังผ่านทางอินเตอร์เน็ต และอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นการติดต่อผ่านอีเมล การ Chat เป็นต้นล้วนแต่เป็นประโยชน์ที่ได้จากการใช้อินเตอร์เน็ตทั้งนั้น
โทษของอินเตอร์เน็ต
โทษของอินเตอร์เน็ตมีอยู่ด้วยกันหลายอย่างเช่น โรคติดอินเตอร์เน็ต การอนาจารทางสื่ออินเตอร์เน็ต ปัญหาเด็กติดเกม ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาในปัจจุบัน และปัญหาจากไวรัสคอมพิมเตอร์ซึ่งมาจากอินเตอร์เน็ตซึ่งการใช้อินเตอร์เน็ตควรใช้อย่างเหมาะสมเพื่อที่จะทำให้โทษที่เกิดจากอินเตอร์เน็ตมาเป็นประโยชน์แทน
Cloud computing
Cloud computing คือ
ระบบการประมวลผลกลุ่มเมฆก็คือการนำเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมากมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกันโดยใช้อินเตอร์เน็ตมาเกี่ยวข้องโดยมีการทำงานและประมวลผลบนอินเตอร์เน็ต โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องรู้เลยว่าระบบมีการทำงานเป็นอย่างไร เพียงแค่เราระบุแค่ความต้องการ ระบบก็จะประมวลผลและให้ผลลัพธ์กับเราได้เลย
โครงสร้าง clound computing
1.กลุ่มเมฆของเซอร์ฟเวอร์คือพวกเซอร์ฟเวอร์ที่เชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ต
2.ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ คือ การับคำขอจากผู้ใช้ทางอินเตอร์เน็ต
3.ส่วนจัดเก็บรายการบริการ คือ การเก็บและบริหารรายการของบริการ
4.ส่วนบริหารงาน คือ ส่วนที่ทำหน้าที่กำหนดทรัพยากรที่เหมาะสมเมื่อผู้ใช้เรียกใช้บริการ
5.ส่วนจัดหาทรัพยากร คือ ส่วนบริหารงานจะติดต่อกับส่วนนี้ เพื่อจองทรัพยากรจากกลุ่มเมฆและเรียกใช้โปรแกรมประยุกต์แบบเว็บที่เหมาะสมให้ เมื่อโปรแกรมประยุกต์ทำงานแล้วก็จะส่งผลที่ได้ให้ผู้ใช้ที่เรียกใช้บริการ ต่อไป
6.ส่วนตรวจสอบข้อมูลการใช้งาน คือเป็นการเก็บค่าบริการหรือเก็บข้อมูลสถิติเพื่อปรับปรุงระบบต่อไป
ส่วนประกอบของClound computing
1.Transparency คือ การกระจายภาระงานเมือมีการใช้งานในจำนวนที่มากโดยจะการกระจายไปให้server อื่นทำงานร่วมด้วย
2.Scalability คือ สามารถปรับขนาดระบบได้ตามภาระงาน
3.Intelligent Monitoring คือ สามารถตรวจสอบได้ว่าระบบมีปัญหาตรงไหน
4.Security คือ ส่วนของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
การบริการบนระบบclound computing
4.บริการระบบจัดเก็บข้อมูล
5.บริการร่วมรวมลำดับความเชื่อมโยง
ข้อดี ระบบCloudcomputing เป็นระบบที่ผู้ใช้ไม่ต้องรู้ถึงการทำงานของระบบเพียงแต่เราให้บริษัทที่บริการจัดทำให้ซึ่งเราไม่จำเป็นที่จะต้องมี Server เป็นของตนเอง ไม่ต้องมีการเสียค่าจ้างพนักงานมาดูแลโปรแกรม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบ สามารถรองรับการใช้งานในเครือข่ายที่มีจำนวนผู้เข้าใช้ในปริมาณมาก และเป็นระบบที่มีการสำรองข้อมูลไว้ได้ด้วยดี
ข้อเสีย เนื่องจากการใช้ระบบ Cloudcomputing นั้นข้อมูลที่ได้มาจากหลายแหล่งอาจเกิดความไม่ต่อเนื่องของข้อมูลได้และยังไม่มีการรับประกันความต่อเนื่องและความปลอดภัยของข้อมูลภายในระบบ
ไม่มีความเห็น