ขอจากใคร


         เรื่องมีอยู่ว่า  มีชาย สองคน คนหนึ่งตาบอด มองไม่เห็น อะไรเลย  อีกคนหนึ่งตาดีสามารถมองเห็นได้ทุกอย่าง สำหรับคนที่ตาดีนั้น มีครอบครัวภรรยาและลูกๆหลายคน  ส่วนคนที่ตาบอดนั้น ดำรงชีวิตอยู่คนเดียว ไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก

        ทั้งสองคนเป็นคนยากจน นั่งขอทานอยู่ ริมถนนที่มีผู้คนเดินผ่านไปมา  เมื่อแม่ของ อาบูยะฟารเดินผ่านมา ชายขอทานที่ตาดี จะขอว่า  ด้วยความโปรดปรานของพระองค์อัลลอฮฺ จงโปรดประทานริสกีแก่ข้าด้วยเถิด  แต่! ชายขอทานที่ตาบอดนั้น เมื่อแม่ของอาบูยะฟาร เดินผ่านมา เขาก็จะขอว่า ด้วยความโปรดปรานของแม่อาบูยะฟาร โปรดประทานริสกีมายังข้า ด้วยเถิด

      ทุกๆวัน แม่ของอาบูยะฟาร จะให้ทานแก่ชายทั้งสองคนนั้น  โดยจะให้ไก่ที่ถูกปรุงสุกแล้ว หนึ่งตัว แก่ชายขอทานที่ตาบอด พร้อมกับให้ขนมปังอีกสองแผ่น และนางก็จะให้ทานเป็นเงิน หนึ่งดีนาร์ แก่ชายขอทานที่ตาดี แต่จะไม่ให้อาหารแก่เขา ในทุกๆวันที่นางเดินผ่านหน้า ชายขอทานทั้งสองคนนี้

      และในแต่ละวัน ชายขอทานที่ตาดีนั้น จะขอซื้อไก่ในส่วนที่เหลือ และขนมปังหนึ่งแผ่น จากชายตาบอด หลังจากชายตาบอดนั้นรับประทานจนอิ่มหนำในวันนั้นแล้ว ด้วยเงิน ครึ่ง ดีนาร์ ที่เขาได้รับจากการทำทานแม่อาบูยะฟาร เพราะว่าชายตาดีนั้นจะนำอาหารที่ซื้อมานั้นไปให้ภรรยาและลูกๆของเขารับประทานที่บ้านของเขา และเขาจะปฏิบัติเช่นนี้เป็นประจำทุกๆวัน

       อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อนางได้เดินผ่านชายขอทานทั้งสอง  ชายขอทานทั้งสองคนก็จะขอทานจากนางเช่นเคยปฏิบัติมา ในทุกๆวัน นางก็แปลกใจ และได้ถามไปยังชายขอทานที่ตาบอดว่า ยังไม่พออีกหรือ กับสิ่งที่ข้าได้ให้แก่เจ้าไป ? แล้วนางก็เดินผ่านไป พร้อมกับนางได้มีคำสั่งให้คนรับใช้ของนาง นำชายขอทานตาบอดคนนั้น เข้าไปพบนางในวังของนาง ในเย็นวันหนึ่ง 

       เมื่อชายขอทานตาบอดคนนั้น ถูกนำมาหานาง  นางก็ถามชายขอทานตาบอดคนนั้นว่า สิ่งที่ข้าได้ให้แก่เจ้า ทุกๆวันนั้น ยังไม่พออีกหรือ? ชายขอทานตาบอดคนนั้น ก็ตอบว่า มันไม่พอ เพราะข้าได้เอาอาหารที่เหลือจากข้าได้รับประทานจนอิ่มแล้ว ขายให้กับชายขอทานที่ตาดี ด้วยเงิน ครึ่งดีนาร์ ทุกๆวันในตอนเย็น เพื่อเขาจะนำอาหารเหล่านั้นไปให้ภรรยาและลูกๆของเขา ที่บ้านได้รับประทานกัน  แม่อาบูยะฟารก็เลยบอกกับชายขอทานตาบอดคนนั้นว่า  ในท้องของไก่ที่ข้าได้ทำทานแก่เจ้านั้น ข้าได้ใส่เงินเอาไว้ 10 ดีนาร์ทุกๆวัน  และสิ่งเหล่านั้น มันไม่ใช้เป็นริสกีของเจ้า  หากแต่มันเป็นริสกี ของชายขอทานที่ตาดีต่างหาก เพราะแท้จริงแล้วเขาวิงวอนขอริสกีจากพระองค์อัลลอฮฺ ไม่ได้ขอจากข้า  ส่วนตัวเจ้านั้น ได้วอนขอจากข้าซึ่งเป็นมนุษย์

   ข้อคิด... เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมื่อจะขอสิ่งใดก็ตาม  ให้ขอต่อพระองค์อัลลอฮฺเจ้าองค์เดียว อย่าไปวิงวอนขอต่อมนุษย์

                                                                                      لا تسالن بني ادم حا جة    وسل الدي ابوابه لا تغلق 

                                                                                       الله يغضب حين لا تسال   وبني ادم يغضب حين يسال

หมายเลขบันทึก: 553705เขียนเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2013 10:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 กรกฎาคม 2014 09:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
แผน"ห้ามกระทำ"เข้าถึงต้นพร

แผน ห้ามกระทำนั้น อาจจะน่าสะพึงกลัวพอๆกับแผนชวนกระทำ. —— แผนการที่มนุษย์ที่ปั้นมายาคติขึ้นมาจากการกระซิบของพญามาร(ซัยตอน หรือ ซาตาน ตามความสามารถการออกเสียงของมนุษย์แต่ละภูมิภาค)แผนนั้นปนเปื้อนกับแนวว่า ห้าม กตัญญูจนถึงสูงสุดต่อผู้มีพระคุณตั้งแต่สภาพวิญญาณ คือ อัลลอฮ์ หรือพระเจ้า หรือ หรือผู้สร้างต้นทาง หรือ พยะโฮวา หรือพเย้า(ที่พระพุทธเจ้าออกเสียง) นั้น. น่าสะพึงกลัวต่อการที่มนุษย์เคยรับขอเสนอว่าจะรับโอกาสที่จะพัฒนาตนไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ด้วยกันทุกคน ที่มนุษย์เคยสัญญาว่าจะกตัญญู จะไม่ลืม(กุรอาน 2). มนุษย์ผู้ขาดญาณวิสัย และสติ ปัญญาญาณเหล่านั้น จะชักชวนกันไปทำสิ่งใดที่ไร้หลักฐานในการสอนสั่ง(คือพ่อแม่ ศาสนทูต หรือแม้แต่กษัตริย์ใด ก็มิเคยสอนว่าห้ามกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ)การไม่เคยห้าม!ทั้งจากพ่อแม่บรรพบุรุษ และพระเจ้าผู้สร้างชีวิตพวกเขา. ยิ่งน่าสนใจมาก ในเมื่อ ศาสดาคนหนึ่งที่ อัลลอฮ์ ตรัสให้เขารู้เรื่อง เกิดแก่เจ็บตาย ที่เป็นกฎหมายของอัลลอฮ์ ที่ออกมาตั้งแต่มนุษย์คนแรก รู้ด่วนตอนดึก. กฎหมายนี้ใช้มานาน. และท่านก็ยังมีหลักฐานว่า มิให้พึ่งพารูปปั้น แบบพ่อแม่ท่านเองพึ่งพามาก่อน. ความรู้นี้. (ก็เข้าใจผิดว่าไม่มีใครคิด แต่มีผู้คิดและรู้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่กตัญญูต่อศาสดาของตนเอง และสมองของตนเองไงล่ะ รีบลบทำลายเพราะหวาดกลัว) ปัจจุบัน น่าจะถูกส่งหรือถูกถวายไปที่มหาวิทยาลัยแถววังน้อย. เพื่อให้เป็นความรู้แก่ พนักงาน ในองการสื่อสารมวลชน ที่มหาบุรุษคนนั้นตั้งขึ้นมาเป็นกระบอกเสียงให้บอกกล่าวความรู้ที่อัลลอฮ์ตรัสให้เขารู้. องค์กรนั้น มีกฎของพนักงานตั้ง สองร้อยกว่าข้อ(พวกเขาพยายามอยู่เราควรเข้าใจ แต่นี่มันสองพันกว่าปี เท่าที่สังเกตุการณ์มาในช่วงชีวิตเรา ไม่เคยมีใครรักษากฎได้สักคนเดียวเลย). ความรู้นี้น่าจะส่งไปสอนพวกพนักงานที่กำลังเรียนรู้ เพื่อให้เกิด ปัญญาญาณ เป็นมาตรฐานที่ตรงกันกับผู้รู้ที่มา ประกาศ เชิญชวน commend และ(terminate) ให้เรารู้. และตรงกันทั้งประเทศ หรือภูมิภาคแคบๆของพวกเขากันจริงๆ. พนักงานเหล่านั้นมีกฎข้อ12 ว่า ห้ามเป็นผู้ว่านอนสอนยาก. อย่ายอมถูกตักเตือนเกิน3 ครั้ง. แต่ตักเตือนไปเป็นร้อยๆครั้งในเรื่องการ มิมีกฏห้ามกตัญญูต่อสิ่งที่พิสูจน์ว่าไม่มีไม่ได้ และตนก็ต้องเสพคุณค่า ยังต้องพึ่งพาแบบอัตโนมัติ ตัดการพึ่งพานั้นไม่ได้สักนาทีเดียว. แต่ก็มีแต่ผู้ปิดกั้น(กฎ อีกข้อ) กันตลอดเวลาของการฝึกเป็นพนักงานสื่อสารมวลชน ของศาสดาผู้สุจริต ที่อัลลอฮ์ ประทานเขา ประทานความรู้ให้เขา ให้เขาเตรียมมนุษย์ให้รู้จักการพึ่งพาที่พวกเขาลืม1 หลง อีก1. ลืมคือลืมผู้สร้างหลักเหตุ ผล ปัจจัย และศาสดาทุกคน. หลงคือ หลงไปพึ่งพาสิ่งที่มนุษย์ด้วยกันล่อลวงว่า มันคือสิ่งที่จะไถ่โทษในความผิดตนเองได้. เลยหลงไปพึ่งพา(ขอบคุณผู้ให้ข้อมูลว่า ศาสดาที่อัลลอฮ์ประทานมาทุกคน ห้ามปรามการพึ่งพาที่ผิดที่ผิดทาง เช่นรูปปั้น สายเชือก ควันธูป เปลวเทียน หลั่งน้ำ เสี่ยงทาย บุญ ทาน บารมี นรก สวรรค์. แต่จะเลี่ยงการพึ่งพาสิ่งที่เป็นอัตโนมัติไม่ได้) กตัญญู ขอบคุณกันได้ต่อสิ่งอัตโนมัติได้. ไม่ผิดในองค์ธรรมใดใดเลย. ไม่มีการห้ามปรามว่า ห้ามกตัญญู ต่ออจินไตย(สิ่งที่จินตนาการไม่ได้ แต่เราเสพคุณค่า หรือบางทรรศนะให้ไว้ว่า อจินไตย=การรู้เฉพาะตน เช่นนั้นก็สมควรรู้ว่าตนเสพอะไรเข้าไปบ้าง ทำผิดถูกอย่างไรบ้าง). พนักงานที่ฝึกอยู่ที่วังน้อยนั้นมีมาก บวกกับที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆเป็นดอกเห็ด เราต้องให้ความรู้ที่ ท่านหนึ่งกรุณาแนะนำเรานี้แก่พวกเขา. บ้านเมืองจะได้ไม่จมปลัก ตกตมเนรคุณไปมากกว่านี้ เพราะมีพนักงานสื่อสารมวลชนที่ลุแก่อำนาจพยากรณ์ มากมายที่จะออกมาเพ่นพ่านพยากรณ์ให้ผู้คนหลง พึ่งพาสิ่งที่นอกแถวแห่ง การเดินทางที่สุจริต กตัญญูที่สุด ของมนุษยชาติที่จะเข้าร่วมวงรับความห่วงใยตักเตือนนี้ มีพอๆกับผู้การมีแผนการดำเนินชีวิต”ห้ามกตัญญู”เลย. การตักเตือนนี้ต้องปรากฏขึ้นเพราะเราร่วมกันใช้ออกซิเจนถังเดียวกัน ลมหายใจปล่อยออกมารวมกัน ผสมปนเปกัน แล้วใช้มันเป็นส่วนผสมของลมหายใจชุดใหม่ เฮือกใหม่เข้าร่างกายเพื่อดำรงชีพ กันทุกนาที. ใครจะชักชวนไปทำสิ่งใดเพื่อสนองมายาคติแห่งพวกพ้องตนอย่างไร อะไร เมื่อไร ปริมาณเท่าใด. เหล่านั้นคือการเสพ คุณค่าแห่งดี-ชั่วที่ อัลลอฮ์สร้างและกำหนดมัน เพื่อให้มนุษย์ได้เลือกตามปัญญาญาณ และทางนำ(ลิขิต หรือ กรรม นั่นเอง). มันคือภาคส่วนของผู้นั้นๆเอง ผู้เตือนคงแตะต้องมิได้. แต่นโยบาย”ห้าม”! กตัญญูนี่ซิ ที่มนุษย์สมควรคัดค้านอย่างแข็งขัน ทำการคัดค้านนั้นให้จีรัง เพราะมันแพร่เชื้อได้. ดึงมนุษย์ห่างจากการพัฒนาสูงขึ้น. และกลับกันสามารถกดมนุษย์ในทิศทางตรงข้ามคือดึงให้ต่ำลงไปสู่เดรัจฉาน หรือ ต่ำกว่านั้นก็ได้ด้วย. ขอให้มนุษย์จงตระหนักต่อการห้าม!กตัญญูนั้นกันได้แล้ว. ส่วนใครจะชักชวนทำสิ่งใด ก็ไม่พ้นวงล้อมของผู้มีพระคุณคือ พระเจ้าไปได้. ตอบข้อซักถามว่าฮาดีสใดเชื่อได้. หลักการนำความเชื่อ (เชื่อในผู้นำพาฮาดีส์ทั้งหลายมาให้เราพบ) ในฮาดีส ลุงใช้หลักการที่ ตีความในเจตนารมที่สุจริต ของฮาดีส ด้วยสามัญสำนึกที่สามัญมากๆ หากเรารับในสิ่งสุจริตนั้นมาปฏิบัติแล้ว เกิดคือสิ่งผิด. ลุงยังมีดุอาห์ที่ขอต่ออัลลออ์ ให้มีผู้นำความถูกต้อง และหลักฐานที่แท้จริงมาให้ประจักษ์ชัดได้อยู่แล้วนี่นา. และสิ่งที่เราจะนำมานั้น ลุงก็พิจารณาว่า ฮาดีสที่มีผู้นำมาจนเราประจักษ์นั้น มีผลประโยชน์ต่อมนุษย์ผู้ใดเป็นส่วนตัวหรือไม่ มีผลประโยชน์ต่อพวกพ้องกลุ่มใดหรือไม่ เพราะ หากเราสังเกตุให้กระจ่าง ทั้งอัลกุรอาน และ ฮาดีสนั้น ไม่มีการแทรกผลประโยชน์ของมนุษย์ในการกระทำตามเลยแม้แต่น้อย. ผลประโยชน์จะตกแก่ส่วนรวม และ ธรรมชาติที่อัลลอฮ์สร้างมาทั้งนั้น. หากเรามีแต่กังขาและเลือกฮาดีสอยู่ เราก็ยังยึดติดกับผู้นำมาเช่นนั้นหรือ. ลุงว่านะ หากมีชาวประมงงมหนังสือขึ้นมาจากทะเล แล้วหนังสือนั้นเนื้อความคือการบันทึกในเรื่องที่บันทึกการใช้ชีวิตช่วงหนึ่งของศาสดามูฮัมมัด ซ.ล. และวชาวประมงนั้นมาอ่านให้ฟัง เข้าเกณฑ์ ในเนื้อความที่มีเจตนารมสุจริต และไร้ผลประโยชน์มนุษย์กลุ่มใด. ลุงยังเชื่อเลยว่านั่นคือ ฮาดีส. (มีฮาดีสที่ถูกทิ้งทะเล ถูกเผา ไม่ทราบเท่าไรด้วยนะ). ง่ายนิดเดียว เรามีดุอาห์กำกับ ขึ้นอยู่กับว่าเราทำตัวดีงามเข้าใกล้ชิดอัลลอฮ์กันหรือไม่. ดุอาห์จะได้รับตอบสนองจากผู้ที่เราร้องขอไง.

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท