10 ปีที่ผ่านมา, ผู้เชี่ยวชาญได้พัฒนาอาหารใหม่ เพื่อให้อร่อยด้วย ดีกับสุขภาพด้วย หลายอย่างเช่น
.
.
.
การศึกษาใหม่จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด อังกฤษ (UK) พบว่า เสียงดนตรีมีผลต่อการรับรู้รสชาติ และความอร่อย คือ
(1). เสียงความถี่สูง (high-pitched sounds) = เพิ่มการรับรู้รสหวาน (sweeter)
(2). เสียงความถี่ต่ำ (low-pitched sounds) = เพิ่มความรู้สึกขม (more bitter)
.
.
อาจารย์เฮสทัน บลูเมนเตา เชฟมืออาชีพ นำองค์ความรู้นี้ไปผสมผสานที่ภัตตาคาร 'Fat Duck (= เป็ดอ้วน)'
ท่านทดลองเพิ่มไปไกลกว่านั้น คือ ทดลองเสิร์ฟปลาพร้อมกับเสียงคลื่นลมจากทะเล (sea sounds)
.
ผลการทดลองพบว่า เสียงคลื่นลมจากทะเล ทำให้อาหารมีรสชาติเค็มขึ้น (saltier)
ข้อดีของการใช้เสียงเพลง ช่วยเพิ่มรสชาติอาหาร คือ จะช่วยให้อร่อยขึ้นได้ โดยลดสารแต่งรส "หวาน-มัน-เค็ม" = "น้ำตาล-น้ำมัน-เกลือ" ไปได้ส่วนหนึ่ง ทำให้อาหารอร่อยดีกับสุขภาพมากขึ้น
.
.
การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า อาหารหรือเครื่องดื่มอื่นๆ ทำให้คนเราเหงาน้อยลง รู้สึกอบอุ่น-เป็นมิตรมากขึ้น
สรุป คือ
.
(1). เพลงที่มีเสียงความถี่สูง หรือเสียงแหลม เช่น เพลงกล่อมเด็ก แจ๊ส คลาสสิค ฯลฯ > เพิ่มรสหวาน
(2). เพลงที่มีเสียงความถี่ต่ำ หรือเสียงทุ้ม (เบส) > เพิ่มรสขม
(3). เสียงคลื่นลมทะเล > เพิ่มรสเค็ม
(4). อาหาร-เครื่องดื่มอุ่นๆ > ลดเหงา เศร้า เซง
.
ผู้เชี่ยวชาญสังเกตว่า คนในเขตหนาวชอบมาเที่ยวเมืองร้อน ทว่า... คนในเขตหนาวจัดๆ เช่น รัสเซีย ฯลฯ กลับชอบไอศกรีม
องค์ความรู้เหล่านี้ คงจะนำไปใช้พัฒนาอาหาร-เครื่องดื่มไทย ให้อร่อยขึ้น และดีกับสุขภาพมากขึ้นได้
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.
Thank Times > http://healthland.time.com/2013/11/14/11-foods-that-are-changing-the-world/slide/musical-cake/
ไม่มีความเห็น