จับข่าวคุยกัน


วันนี้มาแบ่งปันอีกวิธีการที่แม่ดาวมักใช้ในการเลี้ยงลูก คือ การดูข่าวด้วยกัน และนำเรื่องราวข่าวที่น่าสนใจนั้นมาชวนคุย อาจะเป็นลูกสนใจเป็นพิเศษ หรือข่าวนั้นเป็นข่าวที่ให้ข้อคิดสอนใจ ฯลฯ   วิธีการนี้สำหรับแม่ดาวคิดว่า เป็นการชวนให้ลูกได้คิด ได้แสดงความคิดเห็นร่วมกัน สร้างสัมพันธ์อันนี้ในครอบครัว  หลายข่าวก็ปลูกจิตสำนึกที่ดีให้ลูกได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะข่าวดี ข่าวร้าย เราสามารถนำมาใช้สอนได้หมด   แต่คงไม่ใช่การมานั่งพูดนั่งพร่ำคนเดียว เป็นการเปิดวงสนทนา ฝึกการเป็นผู้พูดและผู้ฟังที่ดีไปในกิจกรรมนี้ได้ด้วย  ประโยชน์มากมายเนอะ  

ในการชวนคุยก็ต้องพิจารณาถึงความพร้อมของลูกด้วยเนอะ เช่นลูกอยู่ในวัยไหน หากเป็นปฐมวัยที่ฟังมานั้นยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องเหตุผลมากนัก  ถ้าเป็นวัยปฐมจะเริ่มเข้าใจเรื่องของเหตุและผลมากขึ้นและควรอธิบายสิ่งนั้นเป็นรูปธรรม  ความเข้าใจในสิ่งที่เป็นนามธรรมยังยากอยู่   เช่นบอกว่า ให้มีมารยาท  คำว่า  มารยาทที่ว่านั้นที่ต้องการให้เขาทำคืออะไร เช่น เมื่อผู้ใหญ่ให้ของลูกควรยกมือไหว้ พนมมืออย่างไร ก้มหัวแบบไหน กล่าวคำว่าขอบคุณครับ/ค่ะ  คือบอกวิธีที่ให้เขาเข้าใจว่าเขาต้องทำอย่างไร จึงจะเรียกว่ามีมารยาทประมาณนี้  ทั้งนี้เชื่อว่าพ่อแม่แต่ละครอบครัวก็รู้จักลูกตัวเองกันดีเนอะ ว่าลูกเราเข้าใจอะไรได้มากน้อยแค่ไหน  อย่างตัวแม่ดาวเองก็สอนตั้งแต่ปฐมวัยนั่นแหละ  และก็คิดว่าลูกเข้าใจนะคะ อาจไม่ใช่ทั้งหมด แต่เขาก็พอจะเข้าใจ    ต้องดูลูกเราเป็นหลัก

     ยกตัวอย่างเช่น  ข่าวที่กำลังดังอยู่ตอนนี้  พายุไห่เยี่ยน ที่สร้างความสูญเสียและเสียหายอย่างหนักของชาวประเทศพิลิปปินส์   แม่ดาวก็จะเปิดข่าว  ลูกก็สนใจมาก เราดูข่าวด้วยกัน จบข่าวแล้วก็ชวนกันคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  เช่น ลูกคิดว่าลูกจะสามารถช่วยเหลือชาวฟิลิปปินส์ได้อย่างไร  (ในข่าวเขาก็จะมีบอกเนอะว่าสามารถช่วยเหลือได้อย่างไร )   ลูกคิดว่าทำไมถึงเกิดภัยธรรมชาติรุนแรงเช่นนี้   ชวนกันคุยไม่ใช่ถามแบบทดสอบสติปัญญา วัดความรู้ความสามารถ แต่ถามแบบชวนกันแสดงความคิดเห็นร่วมกัน  เมื่อเราคุยกันเรื่องภัยธรรมชาติที่คาดว่าเกิดจากฝีมือมนุษย์เป็นเหตุ  ชวนคุยต่อว่าแล้วลูกคิดว่าลูกจะช่วยดูแลโลกใบนี้ได้อย่างไร  อะไรที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้วทำลายธรรมชาติบ้าง  แม่ดาวถามเขาเรื่องของเล่นของเขาส่วนใหญ่นั้นลูกเห็นว่าส่วนมากผลิตมาจากอะไร (แอบโยงเข้าของเล่น อิอิ ไม่อยากให้ซื้อเยอะ)  แล้วถามเขาต่อว่ารู้ไหมว่าพลาสติกนี้ย่อยสลายได้ไหม  ผลดี ผลเสียของสิ่งของเหล่านี้   ฯลฯ  เหล่านี้  

เป็นการสอนให้เขาคิด คิดด้วยตัวเขาเองด้วยส่วนหนึ่ง  จากความคิดเห็นผ่านมุมมองของเราด้วยส่วนหนึ่ง  ให้เขาตระหนักเห็นถึงการใช้ของอย่างรู้คุณค่า  บริโภคให้เกิดประโยชน์ เท่าที่จำเป็น ไม่ใช่เท่าที่อยากใช้ อยากมี อยากได้  เหล่านี้ไม่ใช่แค่สอนเขา แต่ข่าวนี้ก็สะเทือนมาถึงตัวเราด้วยเช่นกัน  เราอยากให้ลูกดี เราต้องดีให้ลูกเห็น ทำเองก่อนจริงไหม   การกระทำสำคัญกว่าการพูด หรือใครคิดว่ายังไงคะ 

 

จิตสำนึกทีดีไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้เลยทันทีดังใจ  เคยฟังว่าจิตสำนึกทีดีไม่อาจเกิดขึ้นเอง ต้องสร้างขึ้น  แม่ดาวแอบคิดขัดแย้งนะคะ  เคยเห็นกับเด็กบางคนที่พ่อแม่เขาก็ไม่ได้ดีอะไรมากนัก แต่ลูกนั้นดีก็มี  แม่ดาวเชื่อว่าบางนิสัยก็ติดตัวกันมาตั้งแต่กำเนิด เป็นความเชื่อส่วนตัว เพราะก็เจอมากับตัวเนอะ   แต่ไม่ใช่เห็นลูกเราดูจะเป็นเด็กมีจิตใจดีแล้วก็จะปล่อยไปตามบุญตามกรรมเนอะ  บางอย่างดีแล้วก็ต้องช่วยเสริมให้เพิ่มขึ้นไปอีก  บางอย่างเขาขาดเราก็ต้องช่วยสร้างขึ้นมาใหม่  บางอย่างที่เสียก็ต้องซ่อมดูแลกันไป   สำหรับลูกแม่ดาว และตัวเองนั้นเริ่มต้นไม่ได้มีจิตสำนึกดีสักเท่าไหรฮ่าๆๆ  แต่ลูกเขาเกิดมาแล้วค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงชีวิตขัดเกลาให้ตัวเราดีขึ้นมาก  มากอย่างที่ไม่คิดคิดว่าชีวิตจะเป็นได้แบบนี้ อิอิ   ทุกวันที่รู้สึกว่าเราคิดดี ทำดี พูดดีขึ้น  ก็รู้สึกได้ว่าลูกเราเองก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเช่นกัน  ทำต่อไปแบบไม่ต้องคาดหวัง แล้วจะไม่ผิดหวัง  พ่อแม่เป็นเพียงผู้แนะนำ ชี้แนะ  ส่วนลูกนั้นเขาก็มีสิทธิที่จะเลือกเดินทางตามความคิดของเขาเองเช่นกัน   

 

อมยิ้มทิ้งท้าย  น้องดีโด้เสนอขอร่วมต้านภัยช่วยเหลือชาวฟิลิปปินส์ ร่วมบริจาคเงินหมดกระปุกที่มี  แต่แม่นี่ยั้งไว้  การทำบุญทำกุศลก็ยังต้องสอนนะ แม่ดาวคิดว่า บางทีหลายครั้งพอทำไปแล้วเกิดเสียดายภายหลังแบบนี้จะไม่ดี   ต้องเบรค ๆ  ทำเท่าที่ลูกคิดว่าจะไม่เสียใจภายหลังนะ  เพราะมีครั้งหนึ่งเคยให้แม่หมดกระปุกแบบนี้แหละ  แล้วก็มานั่งบ่น มาทุกข์ใจภายหลัง    สรุป ร่วมบริจาค 100 บาท  ทำบุญอย่าทำเพราะเกรงใจ อย่าทำเพราะเสียมิได้ หากอยากทำต้องทำด้วยใจ แบบนี้จะมีความสุขกว่า และสุขได้นานกว่าว่าไหม     อย่างนี้เรียกว่า เมตตาอย่างมีปัญญา หรือเปล่านะ อิอิ

 

          

หมายเลขบันทึก: 553621เขียนเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2013 12:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2013 12:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ความใจดี คิดดี พูดดี ต้องสร้างกันตั้งแต่ยังเล็กๆ นะคะ :)

เรื่องเดียวได้หลายประเด็น

ค่อยๆเติมวันละเล็กวันละน้อย

เรียนได้ไม่เบื่อ

เยี่ยมครับ

น้องต้นไม้ไม่ชอบดูข่าวเลยค่ะ พอถึงข่าวก็จะบอกให้แม่ปิดทุกที เป็นเอามากด้วยค่ะ

เป็นวิธีการสอนลูกแบบแนบเนียนดีค่ะ เป็นการให้เรียนรู้ไปเองกับสถานการณ์ต่างๆ โดยไม่ใช่การพรำ่บอก

ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกความคิดเห็น  ในกรณีของน้องต้นไม้ไม่ชอบการดูข่าวเลย  น่าจะมีเหตุผลเนอะ  ถ้าเป็นแม่ดาวจะลองชวนคุยแบบถามเหตุผล สาเหตุว่าทำไมหนอ น้องต้นไม้ถึงไม่ชอบดูข่าว ถ้าในกรณีทีน้องสามารถสื่อสารในลักษณะนี้ได้แล้วนะคะ ไม่แน่ใจว่าน้องต้นไม้อายุเท่าไหร่  ฟังคำตอบจากลูกว่า เขาคิดเห็นอย่างไร  รับฟังแบบไม่ปฏิเสธทุกความรู้สึก  และจะชวนคุยบอกถึงความคิดของเราว่า ทำไมนะ เราถึงดูข่าว  อย่างแม่ดาวเคยยกตัวอย่างว่า แม่ดาวเองนั้นเมื่อก่อนไม่ชอบดูข่าวการเมืองเลย มีข่าวการเมืองปุ๊บจะเปิดไปช่องอื่นทันที บอกเหตุผลว่าทำไมเราไม่ชอบ  และบอกเหตุผลว่าแล้วทำไมเราถึงคิดกลับมาดูข่าวการเมืองอีก เช่น แม่เองก็ไม่ชอบเห็นคนทะเลาะกัน เห็นแล้วไม่สบายใจ แต่ข่าวการเมืองนั้นมีประโยชน์ต่อเราอย่างไร ฯลฯ เหล่านี้จะดูความพร้อมของลูกด้วยทุกขณะว่าเขาเบื่อที่จะคุยกับเราไหม   เด็ก ๆ ชอบแสดงความคิดเห็น และชอบให้ผู้ใหญ่อย่างเรารับฟังอย่างไม่ปิดกั้นเนอะ เขาจะอยากพูด ถ้าเขารู้สึกว่าเราอยากฟังเขาจริง ๆ ว่าไหมค่ะ  

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท