ล้มแล้วก็ลุกจนกว่าจะตายนู้นแหละ


 ล้มแล้วก็ลุกจนกว่าจะตายนู้นแหละ

 

วันนี้จัดว่าเป็นวันที่พยายามกับตนเอง

ตื่นขึ้นมากราบพระทำวัตรเสร็จ

ตั้งใจว่า “วันนี้ทดลอง”

ทำอาหาร 3 อย่าง ให้เสร็จทันหกโมงเช้า

 

ตำแจ่ว ลวกผัก ผัดกระเพราะโปรตีนเกษตร ข้าวผัดน้ำพริกเผาใบโหระพา (ทำสูตรข้าวอบหม้อดินสมุนไพร)

ไม่ได้เตรียมเครื่องไว้ก่อน เริ่มลงมือหุงเข้าตอนตีสี่ครึ่ง

กว่าทุกอย่างจะเสร็จก็หกโมงสิบนาทีเริ่มได้เดินเข้ามาสำนักแม่ชี

เวลาที่ทำไม่โอเคเท่าไหร่ แต่ก็จัดว่าดีกว่าครั้งที่ผ่าน ๆ มาไม่กำหนดกับตนเอง

พอเข้ามาสำนักแม่ชี สติก็ยังไม่ค่อยจะเต็มเต่งกับการคลุกอยู่กับกิเลสยาวนาน

พอครูเมตตาชี้ จิตก็กระเจิง

ความรู้สึกเป็นอย่างไร การบีบคั้นที่คล้าย ไม่ถึงขนาดนั้น ทุกอย่างแทบจะเคลื่อนอยู่เพียงการคิด

ทบทวนไปมา พอไปกราบขอโอกาสจากครูท่านก็ชี้ว่า

“มันเป็นสันดาน ต้องแก้ไข”

ไปตอนนี้ก็ไม่ได้ดีขึ้น

สรุปก็อยู่ต่อกับตนเอง

ปัญหาเก่ายังไม่แก้ จิตก็มีแต่จะสร้างปัญหาใหม่ไปเรื่อย

ไล่เรียงดูข้อความที่ครูเคยส่งมาให้กำลังใจ เจอว่า

“ล้มแล้วก็ลุก จนกว่าจะตายนู้นแหละ”

 

การอยู่ก็คือ ทำหน้าที่

ครูเมตตาชี้ให้ทำภารกิจโดยมีแม่ขาวน้อย ตาล บิว และมดแดงมาคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

เด็ก ๆสนุกมากที่ได้เล่นน้ำด้วย ล้างรถด้วย

ส่วน บิว ช่วยหนูจัดสวน

ถือว่าพอผ่านได้ตามสถานการณ์ค่ะ

ได้เรียนรู้ว่า “สั่งงานแล้วต้องดูแลความเรียบร้อย”

แต่เด็ก ๆ เขาตั้งใจมาก ๆในการทำงานถวายแม่ครู

ต่อเนื่องมาเวลาเพล ในครัวไม่ค่อยมีอะไรนัก แต่ก็พอจะมีลูกชิ้น หมู กับใบกระเพรา

เราทั้ง 4 คนจึงช่วยกันทำ กระเพราหมูลูกชิ้น ตำแตง และทอดลูกชิ้น

สรุปว่า ทุกอย่างออกมา หวานหมด ฮ่า ๆ แต่แม่ขาวน้อยก็อร่อยกัน

เพราะใจจดจ่ออยู่กับ ขนมหวาน เป็ดน้อยที่แม่ครูนำมาฝาก

เก็บงานเสร็จไปรับตุ๊ก และครีม แล้วก็ไปทำภารกิจซื้อผักที่ตลาด

เด็ก ๆ สดใส พอได้โจทย์หนูเริ่มคิด ไปทางไหนถึงจะไม่ช้า

ทดลองจับเวลา มีแม่ขาวน้อย ช่วยกันลุ้น แบบสนุกกันไปอีกแบบ

พอไปถึงตลาด อืม แม่ค้าผักมาแล้ว แต่แม่ค้าขายลูกชิ้นกับหมูยังไม่มา

ใจระลึกว่า เด็ก ๆ ต้องถึงวัดก่อนบ่ายสาม

เราไปถึงตลาดตอนบ่ายโมงครึ่ง

ซื้อผักใช้เวลาไม่นาน คิดใครครวญว่า ถ้าไปในเมือง อาจจะ ช้ากว่า

ส่วนเด็ก ๆ สนุกสนานเพราะมีสนานเด็กเล่นให้ได้ปีนป่าย

สุดท้ายตัดสินใจรอ

เพราะได้ข้อมูลว่า “แม่ค้าน่าจะมาประมาณบ่ายสองครึ่ง”

พอได้ของเสร็จงาน ก็ตัดสินใจมุ่งหน้ากลับวัด

ทำเวลาได้ไม่เลวนัก และเด็ก ๆ ก็ ยังเบิกบาน

การผ่านได้ในการทำสิ่งต่าง ๆ ของวันนี้

เพราะความเมตตาของแม่ครู ที่ช่วยประคอง

ศีลการดำรงอยู่ในวัด ทำให้ศีลด้วย กายและวาจาพอได้

แต่การเอ่ยคำพูดที่ดันด้วยกิเลส ก็เป็นการเบียดเบียนครูอยู่เจ้าค่ะ

แต่ก็ต้องอดทน เรียนรู้และรับกรรมกับตนเองต่อไป เพราะยังโง่อยู่ยังพลาดได้

สำคัญที่ กล้ายอมรับ อดทน แล้วก้าวเดินแก้ไขต่อไปหรือไม่ต่างหาก

ณ ตรงนี้ที่ ๆ ยืนอยู่และต้องก้าวเดินต่อไป

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #aar#km#ภาวนา
หมายเลขบันทึก: 553028เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2013 00:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2013 00:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท