ท้องฟ้าที่ไม่มีดาว


เขาเหม่อมองท้องฟ้าอีกแล้ว…

ท้องฟ้าคืนนี้ไม่มีดวงดาว เหมือนทุกคืนที่ผ่านมา การที่จะนั่งชมดาวที่นี่นั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะที่นี่คือเมืองอุตสาหกรรม เมืองที่ไม่มีวันหลับใหล แสงไฟจากโรงงานเจิดจ้า กลบแสงดาวที่ส่งแสงริบหรี่จากห้วงอวกาศอันแสนไกล  ท้องฟ้าเป็นสีส้มสลัว ไม่มืดสนิท ราวกับว่าดวงอาทิตย์ยังไม่เคลื่อนลับขอบโลก

เขานั่งอยู่คนเดียวบนโรลสายไฟอันใหญ่ หลบหลังเงามืดของตู้คอนเทนเนอร์ ที่ทำเป็นที่ซุกหัวนอน กลางแคมป์คนงานก่อสร้าง มีเพียงแสงไฟจากสปอต์ไลท์สามสี่ดวง ส่องตัดกับความมืด คิดถึงบ้านที่จากมา เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้วที่เขาแบกกระเป๋าจากบ้านเกิดเมืองนอน มาสู้ชีวิตยังดินแดนอุตสาหกรรม งานของเขาจะต้องย้ายที่อยู่ที่นอนอยู่เสมอ เสร็จจากที่หนึ่ง ก็ต้องย้ายไปอีกที่หนึ่ง แต่สำหรับเขาที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง ที่นี่เป็นบ้านที่แท้จริง กินอยู่นอน หลบฝนหลบร้อนหลบหนาว เขาผ่านมันมาหลายปีกับชีวิตแบบนี้ ชีวิตคนงานก่อสร้าง แทบไม่ต่างกับมดปลวกตามพื้นดิน

เขาคิดว่า อาชีพของเขาเหนือกว่าทุกอาชีพ เพราะว่าอาชีพอื่นไม่มีทางทำงานแบบที่เขาทำได้ เพียงแต่อาชีพเขาได้รับค่าตอบแทนที่น้อยเท่านั้น จึงดูต่ำต้อยด้อยค่ากว่าอาชีพอื่น ซึ่งเขาคิดว่าไม่ยุติธรรมกับความสามารถที่เขามี

การปีนป่ายที่สูง การแบกของหนัก การอยู่ในสภาวะที่เสี่ยง ความร้อน ความชื้น ฝุ่น ไอเคมี มลภาวะอะไรก็ตาม เขาสามารถทำงานได้ทุกที่ อีกทั้งงานที่ต้องใช้ฝีมือดั่งงานศิลปะ เช่นการเชื่อม ตั้งแต่เชื่อมธรรมดาถึงงานอาร์กอน งานโลหะทุกชนิด งานปูน งานวางท่อ งานตกแต่ง แม้กระทั่งงานไฟฟ้า ล้วนผ่านมือเขามาทั้งนั้น เขาเชี่ยวชาญงานวิศวกรรมแทบทุกอย่าง เขาทำมันมานานหลายปี ทำมาก ทำจนเบื่อ แต่ก็แปลกใจที่ทำไมชีวิตยังย่ำอยู่ที่เดิม

บางครั้งที่เขาน้อยใจกับชีวิต มักจะมานั่งมองฟ้าตอนกลางคืนคนเดียว เขากลับบ้านครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ จำไม่ได้แล้ว เขาคิดถึงแม่ นึกหวนไปสิบกว่าปีก่อน วันที่เขาจากมา

 

“แม่ ฉันไปแล้วนะ ส่งแค่นี้ก็พอ” เขาสวมกอดแม่

“ขอพระคุ้มครองนะลูกนะ” แม่ลูบหัวเขา ท่องคาถาแล้วเป่ากระหม่อมเขาในชั่วอึดใจหนึ่ง

“อีกสิบปีนะแม่ ฉันจะกลับมายกบ้านใหม่ให้แม่” เขาบอกแม่อย่างมุ่งมั่น

แม่ไม่พูดอะไร เพียงแต่ยิ้มปนรอยเศร้า รถโดยสารเริ่มเคลื่อนออกจากหมู่บ้าน เขามองแม่ผ่านท้ายรถที่เคลื่อนออกอย่างช้าๆ แม่ก็มองเขาเช่นกัน เขายังจำแววตาคู่นั้นของแม่ในวันนั้นได้ดี ภาพแม่เล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นจุดเล็กๆ

 

เขานึกถึงคำพูดในวันนั้น น้ำตาก็เอ่อขึ้นเบ้าตา ผ่านวันนั้นมาสิบกว่าปีแล้ว ยังไม่มีบ้านหลังนั้น แอบท้อกับชีวิตที่จมอยู่กับที่ คนงานก่อสร้างเมื่อสิบปีที่แล้ว ก็ยังเป็นคนงานก่อสร้างอยู่ตราบทุกวันนี้ เพราะอะไรกัน ทำไมโชคชะตามันช่างเล่นตลกอะไรเช่นนี้

เขานั่งมองท้องฟ้าอยู่นาน

“ไอ้จ้อย เฮ้ย มานั่งทำไรคนเดียววะ ทุกคนรออยู่ ไปเถอะ เหล้าซื้อมาแล้ว”

“กูกำลังรออยู่เลย กูเซ็งกับชีวิตว่ะ คืนนี้ต้องเมาให้ปลิ้น”

“สิบปีที่รู้จักมึงมา มึงก็เมาปลิ้นทุกวันอยู่แล้ว ต้องให้ปลิ้นขนาดไหนของมึงวะ”

หมายเลขบันทึก: 551526เขียนเมื่อ 22 ตุลาคม 2013 23:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 ตุลาคม 2013 23:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

...ก่อนอื่น...เป็นกำลังใจให้"เขา"เลิกเหล้าก่อน...เพราะค่าเหล้า 10 ปี มากพอที่จะยกบ้านใหม่ให้แม่ได้...สุดท้าย...เป็นกำลังใจให้ยกบ้านใหม่ให้แม่สำเร็จนะคะ

ท้องฟ้าไม่มีดาว..เพราะเมฆ..มันบดบัง..(เหมือนเหล้า...เข้าปาก)....ใจหนอใจ..คน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท