การประชุมครอบครัวอุปถัมภ์ ครูผู้ประสานงาน และครูที่ปรึกษา ประจำปี 2556 จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 12-13 ตุลาคม 2556 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นทส์ กรุงเทพมหานคร โดยเชิญผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 408 คน จากครอบครัวอุปถัมภ์ 191 คน ผู้ประสานงาน และครูที่ปรึกษา 217 คน
มูลนิธิเอเอฟเอสประเทศไทย เป็นองค์กรฯ ที่ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรม ที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ มุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการสร้างสันติสุขของโลก โดยไม่แสวงหาผลกำไร ประสบความสำเร็จและมีความเจริญก้าวหน้ามายาวนานถึง 51 ปี เป็นที่ยอมรับและชื่นชมจากสมาชิกเอเอฟเอสทั่วโลกกว่า 52 ประเทศ ส่งผลให้ได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณเป็นอันดับ 1 ติดต่อกัน 3 ครั้งและจัดลำดับอยู่ใน 1-4 มาโดยตลอด แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการทำงานของเจ้าหน้าที่และความร่วมมือร่วมใจอันดียิ่งจากอาสาสมัครเอเอฟเอสทุกคน
บรรยากาศการต้อนรับนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวต่างชาติฯ ที่เข้าร่วมโครงการฯ ปี 2556
หนึ่งในกิจกรรมหลักที่ส่งเสริมอุดมการณ์ฯคือ การรับอุปถัมภ์บุคลากรมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมและพำนักอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ชาวไทย ซึ่งได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมายาวนานหลายสิบปี ประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่งด้วยความร่วมมือ-ร่วมใจและความเสียสละของอาสาสมัคร เอเอฟเอสประเทศไทยจึงตระหนักถึงความสำคัญและให้คุณค่ากับครอบครัวอุปถัมภ์ โรงเรียนอุปถัมภ์และอาสาสมัคร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการรับอุปถัมภ์อย่างต่อเนื่อง เป็นที่พึงพอใจแก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ จึงได้จัดประชุมแนวทางในการรับอุปถัมภ์และประชุมเชิงปฏิบัติการขึ้น
การเตรียมการ
จัดทำหลักสูตร วางแผนการดำเนินงานและกำหนดแนวทางการดำเนินกิจกรรม โดยละเอียดทุกขั้นตอนอย่างพร้อมสรรพ โดยคัดเลือกเนื้อหาสาระที่จำเป็นจากการศึกษา- วิเคราะห์ข้อมูลของผลการประเมินเมื่อครั้งที่ผ่านมา มาปรับให้มีความเหมาะสมและน่าสนใจ มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งนัดหมายวิทยากรมาประชุมเตรียมการฯ ก่อน 1 วัน เพื่อซักซ้อมความเข้าใจและคิดเทคนิควิธีการลงสู่ขั้นตอนการปฏิบัติอย่างเป็นระบบตามแนวทางจากคู่มือฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการประชุมฯ ในครั้งนี้
คุณอภิธัย บุรณะศิริ ผอ.ใหญ่ สนง.มูลนิธิฯประธานการประชุมเตรียมการฯ
ประชุมกลุ่มย่อย....เพื่อซักซ้อมความเข้าใจการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มฯ
วิทยากรหลักของแต่ละกลุ่ม พูดคุย-ปรึกษา ในการเตรียมความพร้อมฯ
ข้อมูลด้านนักเรียน นักการศึกษา อาสาสมัครเอเอฟเอส ที่เข้าร่วมโครงการฯ
และพำนักอยู่กับครอบครัวไทย ปี 2556
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ 272 คน
1. โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน อายุ 15-18 ปี ระยะเวลา 1ปี/ระยะเวลา 6 เดือน / ระยะเวลา 6 สัปดาห์และระยะเวลา4 สัปดาห์
2. โครงการบริการชุมชน อายุ18 ปี ระยะเวลา 6 เดือน และระยะเวลา 6 สัปดาห์
3. โครงการนักการศึกษา ระยะเวลา 3-4 สัปดาห์
4. โครงการแลกเปลี่ยนอาสาสมัคร ระยะเวลา 2 สัปดาห์
ผู้เข้าร่วมประชุมรายงานตัว-รับเอกสาร
คุณศิริลักษณ์ บูรพาวิจิตร ผอ.ฝ่ายอุปถัมภ์บุคคลากร เป็นผู้กล่าวรายงานการจัดอบรมครั้งนี้
คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการมูลนิธิ ฯ ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดและกล่าวต้อนรับ พร้อมทั้งการบรรยายพิเศษฯ สรุปใจความสำคัญว่า การบริหารจัดการองค์กรให้ก้าวหน้า ควรยึดหลัก 3 P โดยอธิบายความเสริมดังนี้
1. Planet ศึกษาการเปลี่ยนแปลงสังคมโลก เพื่อกำหนดทิศทางในการปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมและพัฒนาให้มีความเจริญมากยิ่งขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ- การเมือง –สังคม การศึกษาและเทคโนโลยี
2. Profit เอเอฟเอสเป็นองค์กรฯที่ไม่แสวงหาผลกำไร แต่ต้องใช้เงินในการบริหารองค์กร ฯ จึงต้องมีรายได้มากกว่ารายจ่ายเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือในการแก้ไขปัญหาด้านค่าใช้จ่ายที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามเศรษฐกิจโลก
3. People คุณภาพของคน ความหลากหลาย ความแตกต่างในศักยภาพของมนุษย์ ควรมีวิสัยทัศน์ เพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลงและมีความเจริญอย่างยั่งยืน
Vision without action is merely a dream.
Action without vision just passes the time.
Vision with action can change the world. (Joel A.Barker)
การเสวนาหัวข้อ แรงจูงใจในการอุปถัมภ์
คุณสุรวัฒน์ ชมภูพงษ์ กรรมการมูลนิธิฯ ให้เกียรติเป็นพิธีกรในการเสวนา เรื่อง แรงจูงใจในการอุปถัมภ์ โดยเชิญคณะกรรมการมูลนิธิ 5 ท่านและคุณอภิธัย บุรณะศิริ ผอ. สนง.มูลนิธิฯ ซึ่งทุกท่านล้วนมีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับการอุปถัมภ์อย่างหลากหลาย ทั้งในบทบาทผู้รับอุปถัมภ์และผู้เคยได้รับการอุปถัมภ์ สรุปได้ดังนี้
คุณอภิธัย บุรณะศิริ ผอ.ใหญ่ สำนักงานคณะกรรมการดำเนินงานฯ ผู้ริเริ่มก่อตั้งศูนย์อุปถัมภ์โรงเรียนฯ จำนวน 17 แห่งทั่วประเทศ
*** ประเทศไทยเป็น 1 ใน 3 ของเอเอฟเอสทั่วโลก ที่ประสบผลสำเร็จในการบริหารจัดการด้านอุปถัมภ์ นักเรียนชาวต่างชาติที่ตั้งใจมาศึกษาเรียนรู้-แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี ด้วยความร่วมแรง-ร่วมใจจากอาสาสมัคร ที่ให้ความกรุณา ดูแล ใส่ใจอย่างอบอุ่น ถึงแม้จะต่างภาษา-ต่างวัฒนธรรม สิ่งเหล่านี้อำนวยประโยชน์ให้กับโรงเรียน -สังคม และประเทศชาติ ปัจจุบันมีการเจริญเติบโตในแถบเอเซียโดยเฉพาะประเทศจีนสูงสุด ส่วนทางด้านอเมริกาและยุโรปลดบทบาทลง นโยบายเอเอฟเอสประเทศไทยยังสนับสนุนการดำเนินงานด้านการรับอุปถัมภ์ต่อไป ***
นพ.เจริญ ปฏิภาณเทวา กรรมการมูลนิธิฯ
เนื่องจากมีประสบการณ์ตรงด้านการรับอุปถัมภ์นักเรียนชาวต่างชาติ และส่งบุตร 2 คนเข้าร่วมโครงการฯ และเป็นหัวหน้าคณะฯ ไปศึกษาและทำ Workshop ในเรื่อง Intercultural Change ของการประชุม Intercultural Learning Conference ที่ University of Sydney , Australia จึงได้รับมอบหมายให้มาดูแลฝ่ายอุปถัมภ์บุคลากรโดยตรง
*** เอเอฟเอสประเทศไทยมีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ
1.คณะกรรมการและคณะดำเนินงาน
2. ครู-อาจารย์
3. ครอบครัวอุปถัมภ์
องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนล้วนมีความสำคัญ ที่เอื้อต่อการบริหารจัดการ/การดำเนินงานให้ประสบผลสำเร็จ การรับอุปถัมภ์ฯ ควรสร้างความเข้าใจในเรื่องความต่างของวัฒนธรรม ไม่ควรนำวัฒนธรรมไทยใส่ให้เด็กทันที ต้องให้โอกาสและให้เวลาในการปรับตัว พอปรับได้แล้วจะอยู่กันอย่างมีความสุข ***
คณะกรรมการและที่ปรึกษามูลนิธิเอเอฟเอสประเทศไทย ปี 2555-2556
คุณประจวบ ชำนิประศาสน์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนฯ
อาจารย์ประจวบ มีประสบการณ์ในการรับอุปถัมภ์ในบทบาทของผู้อำนวยการโรงเรียนหลายโรงเรียน-ในหลายภาคพื้นที่ ทั้งโรงเรียนในจังหวัดร้อยเอ็ด โรงเรียนศึกษานารี และโรงเรียนบดินทร์เดชาฯ
*** รู้สึกประทับใจกับการเสียสละดูแลของอาสาสมัครและครอบครัวอุปถัมภ์ การอุปถัมภ์นักเรียนชาวต่างชาติให้อยู่อย่างมีความสุข เป็นเรื่องที่ลำบากใจไม่ใช่น้อย การที่นักเรียนจะขอเปลี่ยนครอบครัว ไม่ใช่เป็นเรื่องเสียหาย หากเราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลใจ ***
คุณประจวบ แสงอินทร์ อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ
เคยเข้าร่วมโครงการเอเอฟเอส พาคณะไปศึกษาดูงานที่ประเทศออสเตรเลีย รู้สึกประทับใจกับความต่างของวัฒนธรรม และการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมาย มีข้อแนะนำครอบครัวอุปถัมภ์ว่า *** ไม่ควรให้คำมั่นสัญญาว่าจะพาไปเที่ยวหรือทำสิ่งต่างๆให้ แต่ให้ทำไปเลยจะเป็นการสร้างความประทับใจได้มากกว่า ***
ผศ.พราวพรรณ เหลืองสุวรรณ อาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
*** มูลนิธิเอเอฟเอสประเทศไทยเห็นความสำคัญของครอบครัวอุปถัมภ์ ที่ให้ความดูแล-ใส่ใจเป็นอย่างดี บางครอบครัวดูแลดีกว่าลูกของตนเอง สังคมปัจจุบันนิยมการใช้สื่อ-เทคโนโลยี โดยเฉพาะชาวอเมริกัน-ยุโรปที่ก้าวล้ำนำประเทศไทยไปหลายสิบปี ขอให้ครอบครัวพยายามหาประโยชน์จากเทคโนโลยี เหล่านี้แทนการกังวลว่าเป็นปัญหา ต้องคอยบอก-คอยเตือน เช่นใช้ Google ช่วยแปลภาษา หรือนำมาสื่อสารให้เป็นประโยชน์ และขอเป็นขวัญและกำลังใจให้กับทุกครอบครัว ***
ดร.สุวัฒน์ วิวัฒนานนท์ อดีต ผอ. โรงเรียนบดินทร์เดชาฯ
ส่งบุตร 2 คนเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนฯ และรับอุปถัมภ์นักเรียนชาวต่างชาติ โดยได้ชื่อว่าเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ฉุกเฉินบ่อยครั้ง จึงได้ประสบการณ์-เรียนรู้มากมาย ได้ให้ข้อคิดดังนี้
*** ปัจจุบันการเจริญเติบโตของโลกเริ่มเปลี่ยนมาสู่เอเซีย ฐานการผลิต-อุตสาหกรรมของโลก ไปอยู่ที่ประเทศอินเดีย ประเทศจีนและประเทศในตะวันออกกลาง คุณภาพการศึกษาของโลก อยู่ในแถบเอเซียนี่เอง
ประเทศไทย มีรายได้หลักจากธุรกิจการท่องเที่ยว สถิติผู้ที่เข้ามาท่องเที่ยวมากสุดคือ ชาวจีน
การเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ หากคิดพิจารณาอย่างไตร่ตรองดีๆ จะเห็นคุณประโยชน์หลายประการ
ครอบครัว– ความรัก-ความอบอุ่น –สัมพันธภาพที่ดี - ประสบการณ์ –การเรียนรู้
สังคม - การประชาสัมพันธ์ การเผยแพร่วัฒนธรรม
ประเทศชาติ - รายได้จากการท่องเที่ยว เพิ่มพูนเศรษฐกิจ
... ขอให้ครอบครัวอุปถัมภ์จงภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยประเทศชาติ...***
พิธีกรได้สรุปช่วงท้ายว่า *** ความรัก- ช่วยแก้ปัญหาได้- ให้อภัยได้ *** ... ผู้คนกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทย การเรียนรู้เรื่องภาษาจึงมีความสำคัญ ....งานเอเอฟเอสได้ช่วยสนับสนุนการเตรียมความพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียน...
***... ขอขอบคุณผู้เข้ามาเยี่ยมชมทุกท่านนะคะ...***
สนใจศึกษาเพิ่มเติมกรุณาคลิกด้านล่าง
สรุปสถิติการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ พฤษภาคม 2556
จีนเป็นผู้มีส่วนช่วยรายใหญ่อันดับ 2 ทำให้โลกรวยขึ้น
มูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ
เป็นองค์กรที่ได้ยินชื่อเสียงที่ดีมานานนะคะ...ชื่นชมการบริหารงาน การทำงานขององค์ประกอบทั้ง 3 ภาคส่วนนะคะ
***....ขอขอบคุณ " ดร.พจนา แย้มนัยนา" มากนะคะ อาสาสมัครทุกคนล้วนภูมิใจที่มีส่วนร่วมกับงาน สร้างสรรเยาวชน-พัฒนาสังคม- สืบสานวัฒนธรรมไทย..แถมยังช่วยเศรษฐกิจของชาติ ได้อีกนะคะ...***
แวะมาเยี่ยมชม
***...ขอขอบคุณ " อาจารย์โสภณ เปียสนิท " มากนะคะ ช่วงนี้วุ่นๆ ไม่มีเวลาไปศึกษาบันทึก-เยี่ยมเยียนเพื่อพัฒนาตนเองเลยค่ะ...***
ยอดเยี่ยมนะคะ
***... ขอขอบคุณ....คุณ " Bright Lily " และดอกไม้ที่งดงามนะคะ สังคมควรมีความสมดุลย์ ประเทศชาติจึงจะเจริญอยู่ได้ค่ะ ...***